Travel
Hot News: อโกด้า 'เผย' คนไทย ฮิตเที่ยว โตเกียว
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
อโกด้า 'เผย' คนไทย
ฮิตเที่ยว โตเกียว
อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัล ท่องเที่ยว 'เผย' กรุงโตเกียวยังคงครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่ง ท่องเที่ยวครอบครัวชาวไทย กรุงโซลคนสนใจเพิ่มมากขึ้นถึง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางที่มีการค้นหาเพิ่มขึ้นมากที่สุด
นางสาวอรรคพร รอดคง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของอโกด้า เปิดเผยว่า “ช่วงปิดเทอมคือเวลาพิเศษที่ครอบครัวจะได้ใช้เวลาดี ๆ ร่วมกัน และสร้างความทรงจำที่น่าจดจำไปตลอดชีวิต ที่อโกด้า เราเข้าใจดีถึงความสำคัญของช่วงเวลาเหล่านี้ จึงออกแบบแพลตฟอร์มให้ใช้งานง่าย เพื่อช่วยให้ทุกครอบครัวสามารถออกเดินทางไปสำรวจโลก พร้อมข้อเสนอที่คุ้มค่าทั้งในเรื่องที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และกิจกรรมต่าง ๆ เราอยากให้ครอบครัวได้โฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่างการใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน สร้างประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสุข และเก็บเกี่ยวช่วงเวลาอันมีค่าโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทาง”
สำหรับครอบครัวที่กำลังวางแผนทริปในช่วงปิดเทอม อโกด้าช่วยให้การเดินทางเป็นเรื่องง่ายและเต็มไปด้วยช่วงเวลาน่าจดจำ ด้วยตัวเลือกที่พักมากกว่า 6 ล้านแห่ง เส้นทางบินกว่า 130,000 เส้นทาง และกิจกรรมให้เลือกมากกว่า 300,000 รายการ ซึ่งสามารถจองรวมกันได้อย่างสะดวกในครั้งเดียว ค้นหาข้อเสนอสุดคุ้มได้ผ่านแอป Agoda หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ Agoda.com เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
ความสนใจในการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นเมื่ออ้างอิงจากข้อมูลการค้นหาที่พักบนแพลตฟอร์ม โดยกรุงโซลมีความสนใจเพิ่มมากขึ้นถึง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางที่มีการค้นหาเพิ่มขึ้นมากที่สุด แซงหน้าเซี่ยงไฮ้ซึ่งเคยครองตำแหน่งดังกล่าว ขณะที่กรุงโตเกียวยังคงครองตำแหน่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับหนึ่งสำหรับการท่องเที่ยวของครอบครัวชาวไทยเป็นปีที่สองติดต่อกัน
การเดินทางไปต่างประเทศของนักท่องเที่ยวชาวไทยในช่วงปิดเทอมเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือโซล, เกาหลีใต้ ซึ่งมียอดการค้นหาที่พักบนแพลตฟอร์มจากครอบครัวที่มีเด็กเพิ่มขึ้นถึง 33% กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่มีอัตราการค้นหาเพิ่มมากที่สุดในช่วงปิดเทอม ความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นนี้อาจได้รับแรงหนุนจากกระแสวัฒนาธรรมเกาหลีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก อย่างแอนิเมชันชื่อดัง K-Pop Demon Hunter ซึ่งครองใจผู้ชมรุ่นเยาว์ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย นอกจากนี้ กรุงโซลยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย อาหารที่มีเอกลักษณ์ หรือ วัฒนธรรมป๊อปที่โด่งดังและเข้าถึงได้ง่าย จึงกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับครอบครัวชาวไทยที่มองหาจุดหมายปลายทางในช่วงปิดเทอมซึ่งตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัย
ข้อมูลจากอโกด้าเปิดเผยเพิ่มเติมว่า โตเกียวยังคงครองแชมป์จุดหมายปลายทางต่างประเทศที่มีการค้นหามากที่สุดในหมู่ครอบครัวชาวไทยช่วงปิดเทอมเดือนตุลาคม ปัจจัยสำคัญอาจมาจากสภาพอากาศที่เย็นสบายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง รวมถึงบรรยากาศอบอุ่นที่เหมาะกับการพักผ่อนทั้งครอบครัว โตเกียวยังอัดแน่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งบันเทิงระดับโลกอย่าง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ดิสนีย์ซี หรือสวนสัตว์อูเอโนะ ทั้งหมดนี้ช่วยสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ทั้งสนุกและน่าประทับใจ ท่ามกลางฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงามและเงียบสงบในเดือนตุลาคม ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้เวลาร่วมกันของครอบครัว
ฮ่องกงขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับสองรองจากโตเกียว ด้วยแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับครอบครัว เช่น ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ และโอเชียนปาร์ค ขณะที่ โอซาก้า ตามมาเป็นอันดับสาม มัดใจครอบครัวด้วย ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน, อควาเรียมโอซาก้า และ ปราสาทโอซาก้า ส่วน สิงคโปร์ อยู่อันดับที่สี่ พร้อมกิจกรรมมากมายที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น สวนสัตว์สิงคโปร์, เกาะเซ็นโตซ่า และสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ อีกมากมาย
อันดับจุดหมายปลายทางต่างประเทศยอดนิยมช่วงปิดเทอม พ.ศ. 2567 พ.ศ. 2568 โตเกียว ฮ่องกง ฮ่องกง โอซาก้า โอซาก้า สิงคโปร์ สิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ โซล การท่องเที่ยวในประเทศก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการค้นหาเพิ่มมากขึ้นถึง 26% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จุดหมายปลายทางยอดนิยมยังคงเป็นเมืองชายทะเล โดยพัทยาขึ้นแท่นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศอันดับที่หนึ่ง ด้วยจำนวนการค้นหาเพิ่มขึ้น 14% ตามมาด้วย หัวหิน ที่มีการค้นหาเพิ่มขึ้น 12% ซึ่งเป็นจุดหมายที่เหมาะกับการพักผ่อนริมทะเลพร้อมรีสอร์ตที่ตอบโจทย์ครอบครัว และแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง วานา นาวา วอเตอร์จังเกิ้ล และ หัวหินซาฟารี ขณะเดียวกันกรุงเทพฯ ตามมาเป็นอันดับที่สาม ด้วยการค้นหาที่เพิ่มขึ้นถึง 20% ยังคงเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมหลากหลาย ทั้ง ธีมปาร์คไดโนเสาร์แห่งใหม่ และ งานฮาโลวีนตามฤดูกาล ที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว
พัทยา, ประเทศไทย จุดหมายปลายทางที่เน้นธรรมชาติ ก็ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน โดยชลบุรีมียอดการค้นหาเพิ่มขึ้นถึง 30% สามารถดึงดูดครอบครัวด้วยแหล่งท่องเที่ยวอย่างสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และ นินจาพาร์ค ขณะที่ เขาใหญ่ ปิดท้ายในอันดับห้า ด้วยบรรยากาศธรรมชาติที่สดชื่น เส้นทางเดินป่าชมวิว และฟาร์มสัตว์ที่เหมาะสำหรับเด็ก ๆ มียอดการค้นหาเพิ่มขึ้น 23% ซึ่งจุดหมายปลายทางทั้งหมดนี้อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เดินทางสะดวก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทริปสั้น ๆ ที่ทั้งสนุกและผ่อนคลายสำหรับทุกคนในครอบครัว อันดับจุดหมายปลายทางในประเทศยอดนิยมช่วงปิดเทอม พัทยา หัวหิน กรุงเทพฯ ชลบุรี เขาใหญ่

Go To Lead


การบินไทยทำการบินฤดูหนาวปี 2568/2569 ครอบคลุม 63 เส้นทางทั่วโลก
เดินหน้ากลยุทธ์สายการบินเครือข่ายดังรายละเอียดที่แนบมาพร้อมนี้
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้บริการเที่ยวบินตามตารางการบินฤดูหนาวปี 2568/2569 รวมทั้งสิ้น 63 เส้นทางบิน ครอบคลุมทั้งเส้นทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ ตอกย้ำกลยุทธ์การดำเนินงานในรูปแบบสายการบินเครือข่าย (Network Airline) ที่มุ่งเชื่อมโยงผู้โดยสารขาเข้า ขาออก และผู้โดยสารเชื่อมต่อระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการบินหลัก สู่จุดหมายปลายทางทั่วโลก เริ่ม 26 ตุลาคม 2568 - 28 มีนาคม 2569 ดังนี้
เส้นทางยุโรปและออสเตรเลีย
1. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-มิวนิก ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 2. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-แฟรงก์เฟิร์ต ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 3. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ลอนดอน ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 4. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-อิสตันบูล ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 5. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-สตอกโฮล์ม ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 6. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โคเปนเฮเกน ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 7. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ออสโล ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 8. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ซูริก ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 9. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-มิลาน ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 10. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-บรัสเซลส์ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 11. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปารีส ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 12. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เพิร์ท ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 13. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เมลเบิร์น ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 14. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ซิดนีย์ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน
เส้นทางเอเชีย
1. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-มะนิลา ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 2. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ฟุกุโอกะ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 3. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โอซากา ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 4. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-นาโกยา ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 5. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โตเกียว (ฮาเนดะ) ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 6. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โตเกียว (นาริตะ) ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 21 เที่ยวบิน 7. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ซัปโปโร ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 8. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ฮ่องกง ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 28 เที่ยวบิน 9. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เกาสง ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 10. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ไทเป ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 21 เที่ยวบิน 11. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โซล ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 21 เที่ยวบิน 12. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-คุนหมิง ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 13. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-กวางโจว ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 14. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เฉิงตู ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 15. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 16. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปักกิ่ง ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 17. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เสียมราฐ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 18. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-พนมเปญ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 19. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เวียงจันทน์ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 20. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โฮจิมินห์ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 21. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ฮานอย ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 22. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 35 เที่ยวบิน 23. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-จาการ์ตา ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 24. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เดนปาซาร์ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 25. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปีนัง ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 26. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-กัวลาลัมเปอร์ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 27. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-กัลกัตตา ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 28. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-คยา ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 29. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เจนไน ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 30. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ไฮเดอราบัด ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 31. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เบงกาลูรู ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 32. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-นิวเดลี ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 22 เที่ยวบิน 33. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-มุมไบ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 11 เที่ยวบิน ระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม - 30 พฤศจิกายน 2568 และปรับเพิ่มเป็นทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป 34. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-อาห์เมดาบัด ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 35. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 36. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ธากา ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 37. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-กาฐมาณฑุ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 38. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-โคลัมโบ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน 39. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ละฮอร์ ทำการบินสัปดาห์ละ 6 เที่ยวบิน 40. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-อิสลามาบัด ทำการบินสัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน 41. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-การาจี ทำการบินสัปดาห์ละ 5 เที่ยวบิน
เส้นทางในประเทศ 1. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 35 เที่ยวบิน ระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม - 30 พฤศจิกายน 2568 และปรับเพิ่มเป็นทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 42 เที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป 2. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-เชียงราย ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 21 เที่ยวบิน 3. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ขอนแก่น ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 28 เที่ยวบิน 4. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-อุดรธานี ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 21 เที่ยวบิน 5. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 6. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-กระบี่ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 14 เที่ยวบิน 7. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 56 เที่ยวบิน 8. เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ ทำการบินทุกวัน สัปดาห์ละ 21 เที่ยวบิน
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม รายละเอียดตารางการบิน พร้อมทั้งสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสารได้ที่สำนักงานขายการบินไทย หรือ THAI Contact Center 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง)

Go To Lead


ห่วงใยคนไทยไกลบ้าน! กรมการกงสุล เดินหน้ามาตรการเชิงรุก
นางวรพรรณี ดำรงมณี รองอธิบดีกรมการกงสุล เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีคนไทยจำนวนมากพำนักอยู่ในต่างประเทศ ทั้งที่เป็นนักเรียน นักศึกษา ผู้ประกอบธุรกิจ แรงงาน รวมถึงนักท่องเที่ยว รวมกว่า 1.5 ล้านคน ซึ่งมีโอกาสเผชิญกับสถานการณ์ไม่คาดคิด เช่น เอกสารเดินทางสูญหาย การถูกเอารัดเอาเปรียบจากการทำงานภัยธรรมชาติ การเจ็บป่วยฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุในต่างประเทศ ทั้งนี้ จากสถิติการให้ความช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ 3 ปีย้อนหลัง (พ.ศ. 2565 – 2568) พบว่า การช่วยเหลืออันดับ 1 จะเป็นกรณีคนไทยประสบเหตุฉุกเฉิน เช่น การช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษา กรณีทรัพย์สินสูญหาย เจ็บป่วยฉุกเฉิน รองลงมาจะเป็นการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับกุม การช่วยเหลือแรงงาน และกรณีอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนที่คนไทยในต่างประเทศต้องเผชิญ ย้ำถึงความสำคัญของภารกิจกรมการกงสุล ในการคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ ตั้งแต่การส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมให้คนไทยตั้งแต่ก่อนเดินทาง เพื่อให้สามารถนําเนินชีวิต ในต่างประเทศได้อย่างปลอดภัย มั่นใจ และมีที่พึ่งในยามที่ต้องการความช่วยเหลือในต่างประเทศ
“เพื่อรองรับแนวโน้มการเดินทางไปต่างประเทศที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้กรมการกงสุล ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่มีภารกิจสำคัญด้านการดูแลและให้ความคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ ได้จัดทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ให้คำแนะนำขั้นตอนการลงทะเบียนคนไทยในต่างประเทศ และการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Thai Consular อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงช่องทางการติดต่อขอความช่วยเหลือและการแจ้งเตือนภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินในต่างประเทศจากกรมการกงสุลได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกให้คนไทยสามารถเข้าถึงบริการด้านกงสุลแบบครบวงจรได้ทุกแห่งทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ยังได้สร้างความมั่นใจถึงระบบลงทะเบียนคนไทยในต่างประเทศบนแอปพลิเคชัน Thai Consular ที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้มาตรฐานทางด้าน Cyber Security ข้อมูลที่ผู้ใช้ลงทะเบียนไว้จะถูกจัดเก็บในฐานข้อมูลที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น
จะนำมาใช้ในกรณีที่จำเป็นต้องติดต่อผู้ลงทะเบียนด้วยสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามภารกิจคุ้มครองและช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ เช่น การติดตามหาญาติในต่างประเทศ การช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ การช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาในต่างประเทศ รวมถึงแรงงาน-ลูกเรือประมง เป็นต้น นอกจากนี้ยังถูกใช้เป็นข้อมูลในการรับประกาศแจ้งเตือนจากสถานเอกอัครทูตในพื้นที่ การประเมินจำนวนคนไทยในแต่ละประเทศ เพื่อประกอบการเตรียมการและวางแผนการอพยพในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือภัยพิบัติ และข้อมูลการลงทะเบียนฯ จะไม่ถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานอื่นๆโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล จึงมั่นใจได้ว่าข้อมูลของท่านจะถูกใช้เพื่อประโยชน์และสวัสดิภาพในต่างประเทศเท่านั้น”
โดยคนไทยที่มีแผนจะเดินทางไปต่างประเทศทั้งระยะสั้นและระยะยาว และต้องการร่วม “ลงทะเบียนคนไทยในต่างประเทศ” ผ่าน “แอปพลิเคชัน Thai Consular” สามารถรับคำแนะนำได้ที่สำนักงานทำหนังสือเดินทางชั่วคราว 9 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ได้แก่ กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา แจ้งวัฒนะ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เวสต์เกต บางใหญ่ อาคาร SC Plaza สถานีขนส่งสายใต้ใหม่-ตลิ่งชัน ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ปทุมวัน ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ธัญบุรี และสำนักงานสัญชาติและนิติกรณ์ แจ้งวัฒนะ ตั้งแต่วันนี้ – 21 พฤศจิกายน 2568 หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางFacebook Fanpage กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

Go To Lead


ทีเส็บ 'เผย'ผลศึกษา-ประชุมรับฟังความคิดเห็น พร้อมเป็นผู้แทนรัฐบาลไทย
จัดแสดงพาวิลเลียน งานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ และเวิลด์เอ็กซ์โป
ดร. ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยว่า จากผลการศึกษา “ถอดบทเรียนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 Phuket Thailand (White Paper) ของประเทศไทย” พบว่าหนึ่งในประเด็นสำคัญจากการศึกษาหน่วยงานในต่างประเทศ และข้อเสนอแนะจากการสัมภาษณ์หน่วยงานผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในประเทศ คือ การนำเสนอรูปแบบหน่วยงานกลางของประเทศไทย เพื่อรับผิดชอบการดำเนินการเข้าร่วมงานเอ็กซ์โปในนามประเทศ โดยให้ขยายบทบาท และความรับผิดชอบของทีเส็บเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบการเข้าร่วมงานเอ็กซ์โปในการบริหารจัดการพาวิลเลียนประเทศไทย โดยดำเนินการร่วมกับเครือข่ายภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมงานระดับโลก และมีกระทรวงและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดการจัดงานในแต่ละปี ร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ เพื่อเตรียมเนื้อหาการจัดแสดงพาวิลเลียนประเทศไทยร่วมกัน
“การเป็นตัวแทนรัฐบาลในการบริหารการเข้าร่วมงานระดับโลกในนามประเทศ” เป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของทีเส็บในการปรับบทบาทให้เข้มข้นและขยายศักยภาพการทำงานในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์และงานเมกะอีเวนต์และเทศกาลระดับโลก ภายใต้นโยบายคณะอนุกรรมการด้านยุทธศาสตร์ขององค์กร ปีงบประมาณ 2568-2570 และได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการโดยมอบหมายให้ศึกษาและนำเสนอทีเส็บเป็น “ผู้แทนประเทศไทยในการแสดงพาวิลเลียนประเทศไทยในต่างประเทศในงานเวิลด์เอ็กซ์โป และการจัดงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ” จากผลการศึกษาแนวทาง และรูปแบบการบริหารการเข้าร่วมงานระดับโลกในนามประเทศ (พาวิลเลียนประเทศไทย) โดยสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สรุปความสำคัญและวัตถุประสงค์ของการบริหารจัดการพาวิลเลียนในประเทศต่าง ๆ บนเวทีโลกว่า การนำเสนอพาวิลเลียนแต่ละประเทศ เป็นการนำเสนอวิสัยทัศน์ของประเทศในระดับโลก (Global Vision) ผ่านภาพของทั้งประเทศ (National Branding) และมีวัตถุประสงค์ในเวทีระดับโลกเป็น 4 เป้าหมาย คือ 1. ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความร่วมมือระหว่างกัน (Diplomatic Platform) 2. แสดงภาพลักษณ์ วิสัยทัศน์ และความก้าวหน้าด้านการพัฒนาของประเทศ (National Branding Platform) 3. ถ่ายทอดแนวคิด ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีระหว่างอารยธรรมต่าง ๆ (Innovation & Cultural Exchange Platform) และ 4. การเชื่อมโยงและจับคู่ธุรกิจของเมืองและภาคเอกชนในประเทศกับประเทศต่าง ๆ (Business Trading Platform)
จากความท้าทายของการเข้าร่วมจัดแสดงพาวิลเลียนประเทศไทยในงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ และเวิลด์เอ็กซ์โป ในรูปแบบพิจารณาหน่วยงานบริหารจัดการจากการพิจารณาแนวคิดการจัดงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของหน่วยงาน สามารถสรุปความท้าทายของการเข้าร่วมจัดแสดงพาวิลเลียนประเทศไทยที่ผ่านมาและข้อเสนอแนะใน 4 ประเด็น คือ 1. การมอบหมายหน่วยงานกลางที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงในการบริหารจัดการงานระดับโลก 2. การส่งต่อและการจัดการความรู้อย่างต่อเนื่อง 3. การสนับสนุนให้เกิดการสื่อสารภาพลักษณ์ของประเทศอย่างต่อเนื่อง 4. การมีบุคลากรและหน่วยงานรับผิดชอบหลักเพื่อให้ดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากผลการศึกษาจุดแข็งของทีเส็บในการเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบการเข้าร่วมงานเอ็กซ์โปในการบริหารจัดการพาวิลเลียนประเทศไทยมี 7 ประเด็นได้แก่ 1. บทบาทเชิงนโยบาย (Mandate & Authority) เป็นองค์การมหาชนภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี มีภารกิจโดยตรงในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ และงานเมกะอีเวนต์และเทศกาลระดับโลก 2. ประสบการณ์ด้านการบริหารการจัดงานระดับโลก (Global Event Management) มีประสบการณ์ตรงในการสนับสนุนและร่วมบริหารการจัดงานระดับนานาชาติ 3. เครือข่ายระหว่างประเทศ (Global Partnerships and Networks) ในการเป็นสมาชิกองค์กรระดับโลกในอุตสาหกรรมการจัดงานนานาชาติ 4. ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการงานนิทรรศการและงานแสดงสินค้า ตลอดจนการประสานงานการออกแบบและบริหารจัดการพาวิลเลียน (Exhibition Management & Pavilion Design Coordination) 5. การบูรณาการกับยุทธศาสตร์ประเทศ (National Strategic Alignment) ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์และการจัดงานระดับโลก 6. ความพร้อมเชิงงบประมาณและระบบบริหาร (Financial & Operational Readiness) ในฐานะองค์การมหาชนที่มีความคล่องตัวและประสานงานได้กับทุกภาคส่วน 7. ประสบการณ์ร่วมมือกับหน่วยงานระดับกระทรวงและระดับกรม ทั้งการเป็นคณะทำงานพาวิลเลียนประเทศไทย และการดึงงานระดับโลกร่วมกัน การประชุมหารือเพื่อรับฟังความคิดเห็นในการเป็นตัวแทนรัฐบาลในการบริหารเข้าร่วมงานระดับโลกในนามประเทศ จัดแสดงพาวิลเลียนประเทศไทยในงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษ และเวิลด์เอ็กซ์โป มีองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาเข้าร่วมกว่า 40 องค์กร อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ กรมการท่องเที่ยว กรมประชาสัมพันธ์ กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) สมาคมการแสดงสินค้าไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นต้น ดร. ศุภวรรณ กล่าวทิ้งท้ายว่า
“หลังจากการประชุมหารือเพื่อรับฟังความคิดเห็นในการเป็นตัวแทนรัฐบาลในการบริหารเข้าร่วมงานระดับโลกในนามประเทศของทีเส็บในฐานะผู้แทนรัฐบาลจัดแสดงพาวิลเลียนประเทศไทยในงานเอ็กซ์โปวาระพิเศษและเวิลด์เอ็กซ์โป จะนำส่งสรุปผลการศึกษาและการรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีผู้กำกับดูแลพิจารณา และเสนอครม. ตามกระบวนการต่อไป”

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com