Travel
Hot News: TG 'ชู' Digital Ecosystem
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
TG 'ชู' Digital Ecosystem
การบินไทย จับมือ ซัมซุง เปิดตัวความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ยกระดับประสบการณ์การเดินทางผ่าน Samsung Wallet เชื่อมโยงเทคโนโลยีกับประสบการณ์ผู้บริโภคอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Experience) โดยความร่วมมือระหว่างสองแบรนด์ผู้นำของประเทศไทยในครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนา Digital Ecosystem ที่ตอบโจทย์ลูกค้าของการบินไทย โดยเปิดตัวความสามารถใหม่ในการเข้าถึง Boarding Pass ผ่าน Samsung Wallet ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการบินไทยที่นำระบบดังกล่าวมาใช้ เพื่อเพิ่มความสะดวก ความปลอดภัย และความทันสมัยให้กับผู้โดยสารในยุคดิจิทัล
นายทวิโรจน์ ทรงกำพล ประธานเจ้าหน้าที่สายกลยุทธ์องค์กร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยให้ความสำคัญกับการยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง และการร่วมมือกับซัมซุงในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรสู่ดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม
พร้อมยกระดับประสบการณ์ใหม่ด้วยความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับบัตรโดยสาร Boarding Pass ผ่าน Samsung Wallet ที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ จากระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM)
นายสิทธิโชค นพชินบุตร ประธานองค์กรธุรกิจโมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ซัมซุงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คน และความร่วมมือกับการบินไทยในครั้งนี้ สะท้อนถึงแนวทางการขับเคลื่อน Smart Travel Experience ที่แท้จริง เราเชื่อว่าการเชื่อมโยง Samsung Wallet เข้ากับระบบของสายการบินชั้นนำของไทยอย่างการบินไทย จะช่วยมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหล ปลอดภัย และทันสมัยให้กับผู้โดยสาร พร้อมเป็นอีกก้าวของการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่มีความหมายต่อสังคมไทย”
สำหรับ Samsung Wallet คือแอปกระเป๋าเงินดิจิทัลแบบครบวงจรที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นบัตรที่นั่ง ดิจิทัลคีย์ บัตรสมาชิก รหัสผ่าน ที่อยู่ ตั๋ว หรือบัตรของขวัญ โดยมีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงผ่านไบโอเมตริกซ์ ทั้งยังรองรับฟีเจอร์ล้ำสมัยอย่างการปลดล็อกและสตาร์ทรถด้วยเทคโนโลยี UWB
รวมถึงค้นหาข้อเสนอและโปรโมชันจากร้านค้าชั้นนำได้ภายในแอปเดียว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลในทุกวันอย่างไร้รอยต่อ โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/support/apps-services/learn-more-about-samsung-wallet/
นอกจากนี้ ทั้งสององค์กรยังร่วมมือกันในด้านระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) เพื่อมอบข้อเสนอพิเศษ สิทธิประโยชน์ และโปรโมชันที่ตรงใจแก่ผู้ใช้งานจากทั้งสองฝ่าย ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนจุดยืนของทั้งสองแบรนด์ในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและบริการเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่สังคมดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม

Go To Lead


Trip.com Group ผู้นำท่องเที่ยวยั่งยืน
เจน ซัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Trip.com Group กล่าวว่า "ความสามารถในการดำเนินงานและเติบโตอย่างยั่งยืนจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับการแข่งขันในอนาคต เราเชื่อว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นเส้นทางระยะยาวที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งและต่อเนื่อง ร่วมกับผู้ใช้บริการ พันธมิตร และพนักงานของเรา เรากำลังทำงานเพื่อสร้างอนาคตที่ทุกการเดินทางจะนำพาเราให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทั้งต่อกันและกัน และสู่การเดินทางที่สมบูรณ์แบบเพื่อโลกที่ดีกว่า" สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานความยั่งยืนของ Trip.com Group โปรดเยี่ยมชมที่นี่ Trip.com Group เป็นผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก ประกอบด้วยแพลตฟอร์ม Trip.com, Ctrip, Skyscanner และ Qunar ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เหล่านี้ Trip.com Group ช่วยให้นักเดินทางทั่วโลกสามารถเลือกจองบริการด้านการท่องเที่ยวได้อย่างคุ้มค่าและมีข้อมูลครบถ้วน พร้อมทั้งเชื่อมโยงพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ใช้งาน ด้วยการรวบรวมเนื้อหาและทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่ครอบคลุม บนแพลตฟอร์มการทำธุรกรรมที่ทันสมัย ทั้งแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และศูนย์บริการลูกค้าที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ก่อตั้งขึ้นในปี 2542 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ในปี 2546 รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 2564 Trip.com Group ได้กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ด้วยพันธกิจ "มุ่งสู่การเดินทางที่สมบูรณ์แบบเพื่อโลกที่ดีกว่า" เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Trip.com Group ได้ที่นี่ และติดตามเราได้ทาง Twitter, Facebook, LinkedIn, และ YouTube.
Trip.com Group ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่แสดงข้อมูลการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างชัดเจนในบริการขนส่งหลักทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวบิน การเช่ารถ การรับส่งสนามบิน และรถไฟ (รถไฟในยุโรป) ด้วยการสนับสนุนจาก Association of Car Rental Industry System Standards (ACRISS) ผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลการปล่อยก๊าซ CO จากท่อไอเสียของรถเช่าใน Trip.com และเปรียบเทียบการปล่อยก๊าซของรถไฟฟ้า รถไฮบริด และรถธรรมดาได้ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันแจ้งข้อมูลคล้ายกันสำหรับบริการรับส่งสนามบิน ซึ่งช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกวิธีการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ในทุกขั้นตอนของการเดินทางความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมของ Trip.com Group ยังคงขยายอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2024 ทาง Trip.com Group ได้สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจองผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปมากกว่า 100 ล้านรายการคำสั่งซื้อ รวมไปถึงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่สำนักงานใหญ่และรีสอร์ทในย่านชนบทของ Trip.com Group นั้นสามารถผลิตไฟฟ้าสะอาดได้ 457 MWh ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO? มากกว่า 245 ตัน นอกจากนี้ยังเพิ่มการใช้ไฟฟ้าสีเขียวในศูนย์ข้อมูลที่เช่า (Leased Data Centres) เป็น 42.6% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดคาร์บอนระยะยาวและเป้าหมายคาร์บอนเป็นกลางภายในปี 2050
นอกจากนี้ เป็นครั้งแรกที่รายงานของ Trip.com Group รวมทุกหมวดหมู่จากการปล่อยก๊าซคาร์บอน Scope 3 ซึ่งครอบคลุมแหล่งต่าง ๆ เช่น ศูนย์ข้อมูลที่เช่า (Leased Data Centres) และการเดินทางทางธุรกิจ เพื่อให้สามารถติดตามและกำหนดเป้าหมายได้อย่างครอบคลุมมากขึ้นตามเป้าหมายคาร์บอนเป็นกลางของกลุ่มภายในปี 2050 Trip.com Group ยังคงสร้างคุณประโยชน์ให้กับการพัฒนาชนบทและความปลอดภัยสาธารณะผ่านการท่องเที่ยว ด้วยโครงการ Country Retreat เป็นโครงการหลักที่ขยายไปยัง 34 สถานที่ สร้างโอกาสการจ้างงานทางอ้อมมากกว่า 40,000 ตำแหน่ง พนักงานมากกว่า 80% ที่รีสอร์ทเหล่านี้เป็นคนในท้องถิ่น และหมู่บ้านที่เข้าร่วมโครงการรายงานว่ามีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 180,000 บาท) ในปีนี้ โครงการจะขยายไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ทั่วโลกมากขึ้น
เพิ่มวันลาพิเศษเพื่อดูแลบุตร เงินอุดหนุน และความเท่าเทียมทางเพศ เป็นรากฐานวัฒนธรรมที่ใส่ใจครอบครัวของ Trip.com Group ยังได้เป็นผู้นำในการเสริมสร้างสถานที่ทำงานที่เป็นมิตรต่อครอบครัว ปัจจุบันผู้หญิงคิดเป็นจำนวน 57.1% ของพนักงานของ Trip.com Group ทั่วโลก โดยมีสัดส่วนในระดับผู้บริหารอาวุโสและระดับกลาง 32.7% และ 43% ตามลำดับ และมากกว่า 61.2% ในระดับเริ่มต้น รวมถึงโครงการทำงานแบบไฮบริดของ Trip.com Group ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2022 ที่พนักงานได้ทำงานแบบไฮบริดไปแล้วมากกว่า 630,000 ครั้ง ซึ่งช่วยประหยัดเวลาการเดินทางให้พนักงานโดยประมาณ 1.25 ล้านชั่วโมงและเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานและชีวิตส่วนตัวของพนักงานอีกด้วย
เพื่อสนับสนุนครอบครัว Trip.com Group ยังได้ออกนโยบายเพิ่มวันลาพิเศษเพื่อดูแลบุตร (Childcare Leave) อีกสามวันเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนปีนี้ เพื่อช่วยให้พ่อแม่ที่ต้องทำงาน สามารถเพิ่มสมดุลความรับผิดชอบส่วนตัวและการทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับพนักงานหญิงที่ต้องการรับบริการทางการแพทย์เพื่อส่งเสริมการมีบุตร โดยนอกจากสิทธิประโยชน์ในการแช่แข็งไข่ (Egg Freezing) แล้ว พนักงานที่มีสิทธิสามารถรับเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นสูงสุด 20,900 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 650,000 บาท) สำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ In Vitro Fertilization (IVF) รวมถึงโครงการเงินอุดหนุนการดูแลบุตรที่เริ่มต้นในปี 2023 ได้มอบเงินโบนัสสำหรับเด็กไปมากกว่า 900 คน หรือมากกว่า 468,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15 ล้านบาท) ในปี 2024 Trip.com Group ยังคงยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการ โดยได้รับคะแนนระดับ A จาก MSCI ESG ในระดับโลก Trip.com Group ยังได้จัดการประชุมสุดยอดพันธมิตรสองครั้งและเสริมสร้างความร่วมมือกับองค์กรการตลาดจุดหมายปลายทางมากกว่า 230 แห่ง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวที่เปิดกว้างและครอบคลุม

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com