Realestate
Hot News: เอพี 'ชู'แคมเปญ บ้านเดี่ยวดอกเบี้ย 0%
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
เอพี 'ชู'แคมเปญ
บ้านเดี่ยวดอกเบี้ย 0%
เอพี จับมือ KBANK 'ชู'แคมเปญ “โปรเด่น ประเด็นร้อน”ซื้อบ้านเดี่ยวเอพี ดอกเบี้ย 0% ผ่อนล้านละ 999 บาท ปีแรก
นางพิมพรรณ ปรีชานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารแบรนด์และพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทร่วมเปิดตัวแคมเปญ “โปรเด่น ประเด็นร้อน” อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% ผ่อนล้านละ 999 บาท ปีแรก เพื่อกู้ซื้อบ้านเดี่ยวเอพี 3 แบรนด์ที่เข้าร่วมแคมเปญ THE CITY, CENTRO และ MODEN ใน 57 ทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ กับธนาคารกสิกรไทย
ลูกค้าที่สนใจอยากเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวจากเอพีที่ออกแบบพื้นที่ ภายใต้แนวคิด LIFE SPACE สามารถยื่นขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารกสิกรไทย รับโปรโมชันพิเศษ อัตราดอกเบี้ย 0% และผ่อนชำระต่องวด ล้านละ 999 บาท ในปีแรก พร้อมวงเงินกู้สูงสุด 110% ของมูลค่าหลักประกัน และฟรีค่าประเมินหลักประกัน มูลค่า 3,000 บาท โดยบ้านเดี่ยวเอพี 3 แบรนด์ที่เข้าร่วมแคมเปญ “โปรเด่น ประเด็นร้อน”
ได้แก่ THE CITY, CENTRO และ MODEN รวม 57 โครงการบนทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ ราคาเริ่มตั้งแต่ 3.99 – 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ของแถมอีกมากมายจากเอพี เช่น ฟรีค่าส่วนกลางสูงสุด 10 ปี ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน และฟรี Home Automation ทุกยูนิต ผู้ที่สนใจสามารถยื่นขอสินเชื่อเพื่อรับโปรโมชันพิเศษได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาตั้งแต่วันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2567 และจดจำนองภายใน วันที่ 31 สิงหาคม 2567
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 4%-5% ต่อปี
หมายเหตุ: สมมติฐานการคำนวณมาจากอัตราดอกเบี้ย MRR ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2566 = 7.30% ต่อปี ทั้งนี้ “อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้” อัตราดอกเบี้ย 0% ปีแรก ลูกค้าผ่อนชำระต่องวด 999 บาท ต่อวงเงินกู้ 1 ล้านบาท ในปีแรก โดยนำยอดผ่อนชำระดังกล่าวไปหักเงินต้นทั้งจำนวน รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ K-Contact Center 02-8888888

Go To Lead


ดอสไลฟ์
ผู้นำด้านการจัดการเรื่องน้ำครบวงจร
นายดิศนิติ โตวิวัฒน์ กรรมการ-รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท ธรรมสรณ์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถังเก็บน้ำคุณภาพแบรนด์ DOS Life (ดอสไลฟ์) เปิดเผยว่า DOS Life ผู้นำด้านการจัดการเรื่องน้ำแบบครบวงจรด้วยศักยภาพความแข็งแกร่งในด้านนวัตกรรมสินค้าที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสร้างการรับรู้เกี่ยวกับจุดขายหลักในการเป็นถังน้ำสะอาดคุณภาพสูงแก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เพราะปัจจุบันผู้บริโภคจะเลือกสรรแต่สิ่งที่ดีและคุ้มค่าที่สุด ทำให้ DOS Life สามารถสร้างอัตราการเติบโตได้สูงถึง 18% เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตรวมของตลาดในปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมผลิตภัณฑ์ถังเก็บน้ำในไทยอยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท “จุดแข็งของแบรนด์ DOS Life ในการดูแลน้ำ ดูแลคนสำคัญ “นวัตกรรมถังดอส” ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ และความต้องการของตลาดอย่างในทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ DOSLIFE ตอกย้ำความนิยมจากผู้บริโภคทั่วประเทศ ด้วย 3 รางวัลชั้นนำ ทั้งรางวัล NO.1 Brand Thailand รางวัล Super Brands Thailand และThailand Most Admired brand ซึ่งเป็นรางวัลที่ได้รับการรับรองในระดับสากล โดยในปีนี้ DOS Life ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ Waterpac all in one ตอบสนองผู้บริโภคในเรื่องความสะอาดความสะอาดที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อความมั่นใจ ในผลิตภัณฑ์แบรนด์ DOSLIFE
ถังเก็บน้ำ Waterpac all in one เป็นถังเก็บน้ำ ที่มีปั๊มน้ำและเครื่องกรองน้ำใช้ พร้อมระบบ bypass ในตัว เมื่อปั๊มน้ำเสีย หรือไฟฟ้าดับก็สามารถใช้น้ำได้ อีกทั้งยังประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง เพิ่มพื้นที่ใช้สอย เพื่อสร้างความสุขในครอบครัวได้มากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนา DOS Velana Cool Tech Max โดดเด่นด้วยนวัตกรรมโครงสร้างวัสดุ Triple Layer และCool tech technology ซึ่งนวัตกรรมนี้สามารถทำให้อุณหภูมิน้ำในถังดอสลดลงได้ถึง 7 องศา เมื่อเทียบกับถังเก็บน้ำโดยทั่วไปในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ มีนวัตกรรม Advance Silver Combac Anti Microbial ได้ผ่านการรับรองเรื่องความะอาด ซึ่งสามารถ กำจัด ยับยั้ง ทำลาย เชื้อโคโรนาไวรัส ได้ถึง 99.92% และกำจัดแบคทีเรีย จุลินทรีย์ ได้มากถึง 99.99% โดยผ่านการทดสอบและรับรองจากสถาบันเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล และศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ Nano Tec” นายดิศนิติ กล่าวถึงความมุ่งมั่น ในการพัฒนานวัตกรรมของ DOS Life ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา DOS Life ให้ความสำคัญและมีแผนพัฒนาศักยภาพของหน่วยงาน R&D มาอย่างต่อเนื่อง โดยยึด Customer Centric เป็นจุดศูนย์กลางในการตั้งต้นแนวคิด หน่วยงาน R&D จึงเปรียบเสมือนหัวใจหลัก ที่ต้องนำ Consumer lifestyle & trend มาผสานเข้ากับ Consumer pain point และนำเสนอ Gain ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแก่กลุ่มเป้าหมายในรูปแบบ Ultra speed เมื่อทีมงานทุกคนยึดหลักการเดียวกัน เราก็เดินไปในทิศทางเดียวกันกับ Customer partner ได้อย่างยั่งยืน จนสามารถคว้ารางวัลจากหลายเวทีระดับโลกมาครอง อาทิ No. 1 Brand Thailand แบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทย, D Mark และ G Mark เป็นต้น
ในปี 2567 DOS Life ได้มีการสร้างสรรค์แคมเปญ ‘AMAZING DOS ห่วงใยไม่สิ้นสุด ใส่ใจไม่เคยหยุด’ ขึ้น เพื่อตอกย้ำถึงความห่วงใยใส่ใจผู้บริโภค ที่ต้องการเลือกถังเก็บน้ำที่สะอาด สหรับครอบครัว โดยส่งผ่านเรื่องราวความห่วงใย ของพี่ธีร์น้องพีร์ ที่เคยได้รับ จากพ่อพ่อบีมและแม่ออย และในวันนี้ที่พี่ทั้งสอง ทำหน้าที่ส่งต่อความรัก ความห่วงใย ไปสู่สมาชิกใหม่ น้องสาวคู่แฝดของบ้าน น้องอัญญา อัยวา “นอกจากกลยุทธ์การสร้าง DOS Family แล้ว ในปีนี้ ได้ใช้กลยุทธ์ Music marketing ควบคู่ไปด้วย โดยการบอกเล่า เรื่องราวผ่านบทเพลง “Amazing Love By DOS Life” ที่แต่งและร้องโดย ศิลปิน No One Else ซึ่งความพิเศษของเพลงนี้อยู่ที่การร่วมร้อง ผ่านเสียงที่อบอุ่น ของพ่อพ่อบีม เพื่อให้เป็นแบรนด์ที่ถูกจดจำและเป็นแบรนด์แรกที่นึกถึง
ด้านการขายในปี 2567 DOSLIFE มีแผนในการพัฒนา โดยมุ่งเน้นการขยายช่องทางการขาย ในกลุ่ม REAL ESTATE ผู้แทนจำหน่าย Modern Trade และขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการตลาดให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายของแต่ละช่องทาง พร้อมผลักดัน รุกช่องทางการขาย Online เพิ่มขึ้น และยังมุ่งที่จะสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมาย ว่าการที่ได้ใช้น้ำที่สะอาดนั้นส่งผลถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามแนวคิดของแบรนด์ DOSLIFE โดยนำเสนอผ่านแคมเปญ “Amazing DOS ห่วงใยไม่สิ้นสุด ใส่ใจไม่เคยหยุด “นายดิศนิติ กล่าวเสริม DOS Life จะยังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมถังเก็บน้ำมาตรฐานระดับโลกส่งมอบสู่ผู้บริโภค แทนความห่วงใยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกๆ ปี เพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีสู่สังคมไทยด้วยน้ำสะอาด ให้สมกับความไว้วางใจที่ได้รับในฐานะ “ผู้นำด้านการจัดการเรื่องน้ำแบบครบวงจร” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้วยคุณค่าแห่งแบรนด์ที่ว่า “ถังดี ต้องถัง DOS”

Go To Lead


American Standard Design Award
ประกาศรายชื่อนักศึกษาผู้ชนะการประกวดออกแบบ
อเมริกันสแตนดาร์ด หนึ่งในแบรนด์สุขภัณฑ์ชั้นนำและเป็นส่วนหนึ่งของลิกซิล ร่วมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญของผู้ชนะรางวัลชนะเลิศ (Grand Prize) และผู้เข้ารอบสุดท้ายระดับภูมิภาคของรางวัล American Standard Design Award (ASDA) 2024 ในพิธีมอบรางวัลและนิทรรศการพิเศษที่จัดขึ้นที่ประเทศ สิงคโปร์ การประกวดออกแบบดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้สมัครเกือบ 5,000 คนจาก 6 ประเทศทั่วเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) ผลงานที่ส่งเข้าประกวดได้รับการตัดสินและผ่านเข้ารอบการแข่งขันระดับประเทศและระดับภูมิภาค โดยคณะกรรมการประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 คนจากแวดวงสถาปัตยกรรม การออกแบบ และสุขภัณฑ์ หัวข้อการประกวดของ ASDA 2024 คือ “Home Away From Home” ที่ท้าทายให้นักศึกษาสาขาการออกแบบประยุกต์ใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์เพื่อออกแบบโซลูชันเชิงนวัตกรรมสำหรับห้องน้ำโรงแรมที่สร้างความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองเสมือนอยู่บ้าน สอดคล้องกับปรัชญาของแบรนด์อเมริกันสแตนดาร์ด LIFE.LOVE.HOME ทั้งนี้ ริคาร์โด โนเอล โบนาลอส (Ricardo Noel Bonalos) นักศึกษาปริญญาตรีด้านการออกแบบจากมหาวิทยาลัยซานโตโทมัสในฟิลิปปินส์ คว้ารางวัลชนะเลิศของ ASDA APAC ด้วยผลงานชื่อ “SereniScape Retreat: Your Personal Urban Oasis” ผลงานที่ชนะเลิศของเขานำเสนอการผสมผสานที่กลมกลืนระหว่างองค์ประกอบธรรมชาติและการออกแบบอย่างสร้างสรรค์และใส่ใจ ทำให้ห้องน้ำกลายเป็นสวรรค์ที่แขกสามารถผ่อนคลาย กลับมาเชื่อมต่อกับตัวเอง และสัมผัสถึงความอบอุ่นของบรรยากาศเสมือนอยู่บ้านและความรู้สึกสดชื่นของโอเอซิสที่สงบ การออกแบบให้มีตู้ที่แขกสามารถปรับเปลี่ยนการใช้สอยพื้นที่ได้ตามความต้องการ นับเป็นการสร้างเอกลักษณ์ความเป็นส่วนตัวให้กับห้องน้ำและตอบโจทย์ความท้าทายในการตอบสนองความชอบของแขกที่หลากหลายโดยไม่สร้างความยุ่งยากให้กับเจ้าของโรงแรม
นายริคาร์โด แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวของเขาว่า “โครงการนี้ต้องใช้ความใส่ใจในรายละเอียดอย่างพิถีพิถันและการพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ติดตั้ง และเฟอร์นิเจอร์ แม้ว่ากระบวนการนี้จะใช้เวลานาน แต่ก็ให้ความรู้อย่างมาก การเข้าร่วมประกวด ASDA ทำให้ผมได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่าเกี่ยวกับศิลปะการออกแบบพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยและอบอุ่น แม้จะอยู่ในบริบทเชิงพาณิชย์ มันช่วยเพิ่มความมั่นใจและเตรียมพร้อมให้ผมรับมือกับโครงการในโลกความเป็นจริงด้วยวิธีการคิดที่แยบยลขึ้น นอกจากนี้เวทีนี้ยังเปิดโอกาสให้เราได้รับฟังข้อเสนอแนะที่มีคุณค่าจากผู้นำทางความคิดหรือผู้เชี่ยวชาญในวงการ รวมทั้งเพื่อน ๆ ที่ร่วมส่งผลงานก็มีส่วนช่วยเพิ่มพูนความรู้ให้เราได้อย่างน่าทึ่ง”
นายอองตวน เบสเซเร เดอ ซอร์ (Antoine Besseyre Des Horts) ลีดเดอร์ประจำลิกซิล กลอบอล ดีไซน์ ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า “ASDA ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มเพื่อบ่มเพาะและเชิดชูผู้มีความรู้ความสามารถรุ่นใหม่ ๆ ในแวดวงนี้ คุณภาพของผลงานที่ส่งเข้าประกวดยังคงสร้างความประทับใจให้กับคณะกรรมการ ASDA อย่างต่อเนื่อง เป็นที่น่ายินดีที่ได้เห็น ASDA เติบโตและมีผลงานส่งเข้าประกวดถึงกว่า 1,000 ผลงานจากทั่วภูมิภาค ภายใต้หัวข้อ “Home Away From Home” สิ่งที่กำหนดความเป็นบ้านที่แท้จริง คือ ความสมดุลอันละเอียดอ่อนระหว่างการออกแบบ พื้นที่ และความสะดวกในการใช้งาน”“เมื่ออยู่ไกลบ้าน เราต้องการพื้นที่ที่ช่วยผ่อนคลาย สร้างแรงบันดาลใจ และฟื้นฟูจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ สี หรือ รูปแบบการตกแต่ง สิ่งสำคัญคือความรู้สึกสบายที่ต้อนรับเราทุกครั้งที่ก้าวเข้าไปในห้อง ผู้เข้ารอบสุดท้ายระดับภูมิภาคจาก 6 ประเทศสามารถถ่ายทอดความรู้สึกนั้นผ่านผลงานที่พวกเขาคว้ารางวัล ทั้งยังมีโอกาสได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมการตัดสินที่มีชื่อเสียงอีกด้วย เราขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลและผู้เข้ารอบสุดท้ายของ ASDA 2024 ทุกคน และหวังว่าจะได้เห็นความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของพวกเขา” อองตวน กล่าวเสริม
ผู้เข้ารอบสุดท้ายระดับภูมิภาคและเป็นผู้ชนะเลิศระดับประเทศในการประกวด ASDA 2024 ได้แก่ 1. Ricardo Noel Bonalos - ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC Grand Prize Winner) และชนะเลิศระดับประเทศฟิลิปปินส์ จาก University of Santo Tomas 2. Davy Sophonn - ชนะเลิศระดับประเทศกัมพูชา จาก Kirirom Institute of Technology 3. Luist Yansen - ชนะเลิศระดับประเทศอินโดนีเซีย จาก Tarumanagara University 4. พสธร กีฬา - ชนะเลิศระดับประเทศไทย จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น 5. Mai H V - ชนะเลิศระดับประเทศเวียดนาม จาก Danang Architecture University 6. Minh Chau Nguyen - ชนะเลิศระดับประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ จาก Deakin University ผู้ชนะเลิศระดับประเทศแต่ละคนได้รับเงินรางวัล 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ และได้รับคำแนะนำจากคณะกรรมการ ASDA ระดับประเทศของตนในการเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศระดับภูมิภาค APAC ส่วนผู้ชนะเลิศระดับภูมิภาค APAC ได้รับเงินรางวัลรวม 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ผู้เข้ารอบสุดท้ายระดับภูมิภาคทุกคนยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมเอ็กซ์คลูซีฟทัวร์ที่ LIXIL Experience Centre ประเทศสิงคโปร์ และร่วมทำเวิร์กช็อปการออกแบบที่จัดขึ้นเป็นพิเศษที่ LIXIL Design Centre อีกด้วย ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกวด ASDA และช่องทางการเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวอันทรงพลังซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างให้กับชีวิตของผู้บริโภคได้ ได้ที่เว็บไซต์ ASDA

Go To Lead


มูลนิธิเอสซีจี” ขับเคลื่อน
การเรียนรู้เพื่ออยู่รอด Learn to Earn
นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม ประธานกรรมการมูลนิธิเอสซีจี เปิดเผยว่า จากข้อมูลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ระบุว่า หนึ่งในสาเหตุของการว่างงาน คือทักษะวิชาชีพไม่ตรงกับความต้องการของตลาด (Skill Mismatch) ทำให้คนรุ่นใหม่จำเป็นต้องมีทั้งทักษะ Hard Skills เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน และต้องพัฒนาทักษะชีวิต Soft Skills เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะต้องรักที่จะเรียนรู้ และเป็นการเรียนรู้ตลอดชิวิต เพื่อให้เป็นคนเก่งและคนดีและอยู่รอดได้ในโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะด้าน Soft Skills ที่ได้ผลการศึกษาทั้งในรูปแบบ Qualitative และ Quantitative research จาก TDRI ผลการวิจัยกลุ่มตัวอย่างกว่า 500 คน และการแลกเปลี่ยนทางความคิด จากเวที Opinion Panel พบ Skill Set ที่สำคัญจะทำให้อยู่รอดได้ในปัจจุบันและอนาคต ได้แก่ (1) ทักษะการสื่อสาร และทักษะด้านภาษา (2) ทักษะการทำงานร่วมกับคนอื่น(3) ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์
ที่ผ่านมา มูลนิธิเอสซีจี ได้ให้ทุนการศึกษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ ตามแนวคิด LEARN to EARN เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด ทั้งในระบบ และนอกระบบ จำนวน 100,000 ทุน มาอย่างยาวนานกว่า 60 ปี พร้อมผนึกความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการช่วยกันขับเคลื่อนแนวคิดดังกล่าว ทั้งระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ ผ่านงาน LEARN to EARN : The forum เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และงาน LEARN to EARN Talk ในครั้งนี้ จะช่วยจุดประกายให้ทุกภาคส่วนได้เห็นความสำคัญและช่วยกันผลักดันในทุกมิติ โดยงาน LEARN to EARN Talk “Empowering Learn to Earn Mindset ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายภาคส่วน มาร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองและนำเสนอโมเดลแห่งการเรียนรู้ในโลกยุคใหม่ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Lifelong Learning และเพิ่มโอกาสในการคว้าอาชีพแห่งอนาคต ดังนี้ ปรเมศวร์ นิสากรเสน ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การบริหารกลาง SCG ดร. ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) รศ.ดร. ปรารถนา ใจผ่อง ผู้อำนวยการวิทยาลัยการศึกษาตลอดชีวิต นคินทร์ วนกิจไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบรรณาธิการบริหาร The Standard
พร้อมร่วมพูดคุยในช่วงพิเศษ Inspired Talks กับ เปอร์-สเปกทีฟ สุวิกรม อัมระนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็คดอท จำกัด และ ดร. วิทย์ สิทธิเวคิน Host รายการ 8 Minute History และ Morning Wealth ที่จะมาบอกเล่าถึงการออกแบบความคิดให้ชีวิตไม่หยุด Learn การฝึกฝนวิธีคิดให้ตัวเองเป็นคนชอบเรียนรู้ พร้อมแชร์แนวทางในการวางแผนอนาคตเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในโลกที่การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะการเรียนรู้ที่ไม่รู้จบ สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกยุค ทุกสมัย เป็น Lifelong Learning ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียมกัน เป็นการการเสริมและลับคมทักษะให้กับชีวิต ที่จะทำให้การพัฒนาศักยภาพของทุนมนุษย์ทำได้ในทุกมิติ และทำให้อยู่รอดได้ในโลกยุคปัจจุบัน การร่วมมือกันของทุกภาคส่วนจะทำให้แนวคิดนี้ได้รับการเผยแพร่ออกไปในวงกว้างมากขึ้น นอกเหนือจากสถาบันการศึกษา ครู ผู้ปกครอง รวมถึงการมุ่งเน้นขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังคนทุกเจนทุกวัย ที่จะสามารถเรียนรู้เพื่ออยู่รอดได้ในโลกปัจจุบันและอนาคต สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ และพร้อมส่งต่อโอกาสให้กับคนอื่นๆ ในสังคมต่อไปได้ด้วยเช่นกัน ติดตามความคืบหน้าของ LEARN to EARN และติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิเอสซีจี ได้ที่ www.scgfoundation.org และเฟซบุ๊ก LEARNtoEARN #LearntoEarn #เรียนรู้เพื่ออยู่รอด #มูลนิธิเอสซีจี

Go To Lead


ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ตั้งใจดีมุ่งพัฒนา
Creative Functional Design
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างมากด้านการออกแบบด้วยอาศัยหลักการ creative functional design ที่ผสานเข้ากับความงดงามอย่างกลมกลืน โดยการออกแบบในทุกพื้นที่นั้นจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้งานของผู้อยู่อาศัยเป็นอันดับแรก ที่สำคัญจะต้องตอบโจทย์สมาชิกภายในครอบครัวทุกเจนเนอเรชันได้อย่างลงตัวควบคู่กันไปซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ก็อาศัยการใช้กลยุทธ์ data analysis เพื่อวิเคราะห์ให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงที่บางครั้งแม้แต่ตัวผู้บริโภคเองก็ยังคาดไม่ถึง และพัฒนาออกมาเป็นบ้านที่สามารถเติมเต็มไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในแบบ multi-generation living ได้อย่างลงตัว นอกเหนือจากการพัฒนาด้าน multi-function ที่หลากหลาย ปรับปลี่ยนพื้นที่เอนกประสงค์ให้มีความเหมาะสม กับทุกๆคนทุกๆวัยและเหมาะกับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง การใส่ใจในเรื่อง space utilization หรือการออกแบบพื้นที่ใช้สอยในแต่ละ function ให้มีประสิทธิภาพและความคุ้มค่าสูงสุด ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายหลักของเราเช่นกัน โดยต้องไม่ลืมที่จะสร้างพื้นที่ส่วนรวมให้ได้มีช่วงเวลาที่ดีร่วมกันและพื้นที่ส่วนตัวให้แก่สมาชิกทุกช่วงวัยได้ใช้เวลาของตัวเอง ซึ่งถือเป็นความท้าทายของเราที่จะต้องอัพเดทเทรนด์การอยู่อาศัยของผู้บริโภคที่มีความแตกต่างกันเพื่อสร้างพื้นที่ภายในบ้านให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาวอย่างคุ้มค่า
ลลิล พร็อพพอร์ตี้ ใส่ใจในรายละเอียดด้านงานออกแบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้การใช้ชีวิตในแบบ multi-generation living เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบและลงตัวที่สุด “เทรนด์ multi-generation living เป็นอีกโจทย์ที่น่าจับตา แม้ว่ารูปแบบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของโลกจะเปลี่ยนไป แต่สังคมไทยก็ยังคงให้ความสำคัญต่อการอยู่อาศัยในแบบครอบครัวขนาดใหญ่อยู่ และมีปริมาณเพิ่มขึ้นชัดเจนในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ดังนั้น บทบาทของพื้นที่ส่วนต่างๆ ภายในบ้านจึงต้องได้รับการออกแบบบนพื้นฐานความเข้าใจในด้าน human scale และพฤติกรรมที่แตกต่างกันของคนแต่ละช่วงวัยอย่างลึกซึ้ง ซึ่งทีม Product development (PD) ของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้ทุ่มเทศึกษาข้อมูลในส่วนนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านทุกหลังของเราคือของขวัญชิ้นพิเศษที่จะสร้างความสุขและรอยยิ้มให้แก่สมาชิกทุกคนในครอบครัว โดยบ้านของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ที่พัฒนาเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ multi-generation living นั้น ได้รับการออกแบบที่เน้นความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้เป็นห้องอเนกประสงค์ เพื่อรองรับกับชีวิตวิถีใหม่ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อาทิ ห้อง Work From Home, ห้อง Online Meeting & Study, ห้องสำหรับกลุ่มอาชีพอิสระหรือขายสินค้าออนไลน์, ห้องสำหรับกลุ่มเบบี้บลูม หรือแม้กระทั่งห้องสังสรรค์พบปะของสมาชิกในครอบครัว เป็นต้น” นายชูรัชฏ์ กล่าว

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com