Realestate
Hot News: SCG 'ชู' SCG Bi-ion”ง
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
SCG 'ชู' SCG
Bi-ion”
SCG ร่วมขับเคลื่อนการสร้างมาตรฐานอากาศสะอาดปลอดภัย ผ่านแคมเปญ Clean Air Matters สร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ทั้งประติมากรรมหน้ากาก “Life and Breath
นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Service Solution Business เอสซีจี เปิดเผยว่า “SCG เข้าใจถึงปัญหาด้านคุณภาพอากาศที่คนไทยทุกคนกำลังเผชิญในปัจจุบัน โดยเฉพาะอากาศภายในอาคารที่อาจไม่ได้มาตรฐาน มีการปนเปื้อนของเชื้อโรคต่างๆ ทั้งแบคทีเรียและไวรัส และเพื่อให้คนไทยและสังคมตระหนักว่าอากาศ คือสิ่งสำคัญที่สุดและเป็นตัวแปรสำคัญที่สะท้อนคุณภาพชีวิต จึงร่วมขับเคลื่อนการสร้างมาตรฐานอากาศสะอาดปลอดภัย ผ่านแคมเปญ Clean Air Matters ซึ่งได้สร้างสรรค์ผลงานต่างๆ อาทิ ประติมากรรมหน้ากาก “Life and Breath Monument” ที่สร้างขึ้นจากหน้ากากอนามัยที่ไม่ได้มาตรฐานจำนวนกว่า 68,728 ชิ้น เทียบเท่าจำนวนคนไทยที่เสียชีวิตจากโรคระบบทางเดินหายใจ ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 – 2565
ต่อเนื่องแคมเปญด้วย “รถกู้อากาศบริสุทธิ์ SCG Bi-ion AIRBULANCE” ที่ติดตั้ง “SCG Bi-ion” ระบบไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ สร้างอากาศภายในรถได้สะอาดปลอดภัยเสมือนอากาศจากใจกลางป่า และสร้างประสบการณ์อากาศสะอาดเคลื่อนที่ไปในหลายๆ พื้นที่ของกรุงเทพฯ และล่าสุดกับภาพยนตร์สารคดี “Life and Breath เพราะลมหายใจ...คือชีวิต” นำเสนอความสำคัญของอากาศที่มีต่อคนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิชาชีพพยาบาล ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในฐานะหน้าด่านหลักที่ชีวิตต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19”
โดยภาพยนตร์สารคดี เรื่อง “Life and Breath เพราะลมหายใจ...คือชีวิต” ได้ถ่ายทอดประสบการณ์จริงของเจ้าหน้าที่พยาบาล ของโรงพยาบาลสระบุรี ถึงวิกฤติ ความเสี่ยง และความรู้สึกของผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโรคโควิด-19 ทั้งนี้สถิติจากกรมควบคุมโรคในปี พศ.2564 ที่ผ่านมา พบว่าบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิดสูงถึง 880 คน โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นนอกจากจะทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่จากการต้องกักตัวตามมาตรการกักกันโรคแล้ว เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้างานก็จะมีความเครียด และล้าจากการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่นับถึงผลกระทบที่มีต่อบุคคลในครอบครัวที่พักอาศัยอยู่ร่วมกัน ซึ่งก็มีความเสี่ยงในการได้รับเชื้อจากคนภายในครอบครัวเดียวกันได้
การติดตั้งระบบ SCG Bi-ion ในบริเวณแผนกอายุรกรรมชาย ชั้นที่ 1-3, ห้องฉุกเฉิน และในห้องไอซียูโมดูลาร์ เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อโรค และช่วยสร้างอากาศในพื้นที่ให้สะอาดปลอดภัยจากประสิทธิภาพของระบบ SCG Bi-ion ที่จะปล่อยประจุไอออนไปช่วยกำจัดเชื้อโรคในอากาศ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น โดยนอกจากโรงพยาบาลสระบุรี แล้ว SCG Bi-ion ยังได้ติดตั้งในสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ
กลุ่มสถานพยาบาล อาทิ โรงพยาบาลโรงพยาบาลจุฬาภรณ์, โรงพยาบาลศิริราช (ตึกอัษฎางค์ – โครงการห้อง ICU), โรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลราชพิพัฒน์, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, โรงพยาบาลอภัยภูเบศร์, โรงพยาบาลนครปฐม (ห้องชันสูตรศพ) และร้านขายยากรุงเทพ (101 สาขา) เป็นต้น กลุ่มสถาบันการศึกษา อาทิ โรงเรียนเซนต์ดอมินิก, โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย, โรงเรียนอำนวยศิลป์, โรงเรียนเพลินพัฒนา, โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นต้น
กลุ่มออฟฟิศสำนักงาน อาทิ อาคารสำนักงานเอสซีจี บางซื่อ, อาคารอับดุลราฮิม, KLOUD by Kbank @ Siamsquare, สำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์, Bloomberg Bangkok Office, องค์การเภสัชกรรม (ปทุมธานี), สำนักงานองค์กร UNICEF และอาคาร Bangkok City Tower เป็นต้น
รับชมภาพยนต์สารคดี เรื่อง “Life and Breath เพราะลมหายใจ...คือชีวิต” ในวันศุกร์ ที่ 30 กันยายน พ.ศ.2565 ทาง Facebook Fanpage และ Youtube : SCG Brand #SCG #SCGBiion #ClearAirMatters #อากาศสะอาด #Airquality ผู้ที่สนใจนวัตกรรม SCG Bi-ion ระบบไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.scgbuildingmaterials.com/th/b2b/smart-building-solution/productinfo-hygiene

Go To Lead


สิงห์ เอสเตท เดินหน้าปลูกป่า 1 ล้าน ตร.ม.
ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้โครงการ ‘ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว ได้เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว โดยตั้งเป้าปลูกป่าให้ได้ 1 ล้านตารางเมตร ให้เสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2568 และตั้งเป้าโครงการระยะยาว 10 ปี จากความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินงานเพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการทำงานเชิงรุก ปรับกระบวนการผลิต และกลยุทธ์ ก่อให้เกิดผลด้านการดำเนินงานและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เริ่มต้นจากสร้างการรับรู้ให้ผู้คนหันมาใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และโครงการปลูกป่านี้เราตั้งใจที่จะทำให้ครอบคลุม 3 พื้นที่ เหนือ กลาง และใต้ ได้แก่ 1)ป่าต้นน้ำปักหมุด สิงห์ ปาร์ค เชียงราย เป็นสถานที่ในการปลูกป่า เพราะด้วยลักษณะภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ และ ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพลิกฟื้นผืนป่าให้อุดมสมบูรณ์กว่าที่เคย 2)ป่าในเมืองที่กรุงเทพมหานคร สร้างพื้นที่สีเขียวตามโครงการต่างๆ ของสิงห์ เอสเตท เช่นสร้างสวนหย่อมนั่งพักผ่อนเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะหน้าอาคารสำนักงาน S-OASIS และ Singha Complex การรักษาต้นไม้ใหญ่ของพื้นที่เดิมในทุกโครงการ 3)ป่าปลายน้ำ ปลูกต้นโกงกางที่ปลายชายเลน เกาะ พีพี จ.กระบี่ รวมไปถึงโครงการที่ต่างประเทศ CROSSROADS Maldives เราได้ตั้งเป้าอนุรักษ์พื้นที่ทางทะเลที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 3 ล้าน ตารางเมตร ทั้งหมดนี้เพื่อเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน และเข้าสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality ภายในปี พ.ศ.2573 ตามที่ตั้งเป้าไว้ และเราเชื่อว่าการริเริ่มโครงการเหล่านี้จะสะท้อนถึงพันธกิจ ‘Go Beyond Dreams’ ที่สิงห์ เอสเตทตั้งไว้ได้เป็นอย่างดีเช่นกัน”
โดยโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว เป็นส่วนหนึ่งในแนวทางการดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability Development) เพื่อเพิ่มพื้นที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และแหล่งกักเก็บคาร์บอน จำนวน 1 ล้าน ตารางเมตร ผ่านกลยุทธ์ Go Exceed, Go Exist 3 แกนหลัก Climate Resilience Model การตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามเป้าหมายการมีส่วนร่วมในการจำกัดคาร์บอนของประเทศไทย หรือ NDC (Nationally Determined Contribution) ที่ 40% เพื่อเป็นองค์กรที่มีบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality,Nature-Based Solutions การสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งสิ่งมีชีวิตทางบกและทางทะเล อนุรักษ์สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในกลุ่มใกล้สูญพันธุ์ตาม IUCN Green List Standard ในการป้องกัน หลีกเลี่ยง บรรเทา ฟื้นฟู และชดเชยผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่อความหลากหลายทางชีวภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่า Enriching Society มุ่งเป็นศูนย์กลางในการสร้างสังคมคุณภาพ ผ่านโครงการต่าง ๆ ถึงกว่า 30 โครงการ นับเป็นจำนวนมากกว่า 1000,000 คน ครอบคลุมพื้นที่การดำเนินงาน 5 ประเทศในทุกกลุ่มธุรกิจ
นายชวาล คงทรัพย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะตัวแทนของสิงห์ปาร์ค เชียงราย รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับสิงห์ เอสเตท ในโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว การร่วมกันปลูกป่าและดูแลพื้นที่สีเขียวในพื้นที่แห่งนี้ ตั้งแต่ต้นไม้ต้นแรกที่เริ่มปลูกจนเข้าสู่ปีที่ 3 ของโครงการ เราได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมในการเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำในเขตจังหวัดภาคเหนือ เนื่องจาก สิงห์ปาร์ค เชียงราย มีความเหมาะสมสำหรับเป็นพื้นที่ปลูกป่าต้นน้ำ ทั้งด้านลักษณะภูมิประเทศที่อยู่ติดกับแนวป่าต้นน้ำธรรมชาติ ซึ่งมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่จะก่อให้เกิดการเอื้ออาศัยกันทางระบบนิเวศ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในการสร้างสิ่งแวดล้อมดี ๆ ที่ไม่ใช่แค่ในจังหวัดเชียงราย แต่เป็นการคืนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับทุกคน”
จุดมุ่งหมายของโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว มีเป้าหมายในการช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตทเล็งเห็นว่า การปลูกป่าเปรียบเสมือนต้นน้ำ ที่สำคัญที่สุดในการดำรงอยู่ของระบบนิเวศ เพราะหากต้นน้ำอุดมสมบูรณ์แล้ว จะส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพเจริญเติบโตได้อย่างดี รวมถึงระบบนิเวศมีความอุดมสมบูรณ์เช่นกัน โดยโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว มีการทำต่อเนื่องทั้งปี เพื่อให้คนในพื้นที่และชุมชนได้มาช่วยกันปลูกผืนป่า พร้อมทั้งดูแลป่าที่สร้างขึ้นมาเอง ซึ่งจะช่วยสร้างทุนทางสังคมและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน ต่อยอดไปสู่การแบ่งปันให้กับชุมชนและสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มอากาศสะอาด และช่วยลดภาวะโลกร้อน จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานดังกล่าวล้วนสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Entrusted and Value Enricher ที่มุ่งมั่นสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืน

Go To Lead


เสนา 'เร่ง'จัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร
นางสาวอุมาพร ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป็นการตอกย้ำความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อม ของ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ที่ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริทรัพย์ มากว่า 40 ปี โดยให้ความสำคัญ และคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ด้วยการเป็นบริษัทอสังหาฯ รายแรกที่นำแผงโซลาร์เซลล์มาติดตั้งให้กับทุกโครงการของเสนาฯ ได้แก่ บ้าน ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ พื้นที่ส่วนกลางคอนโด เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ลดมลพิษ และรักษาสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งยังพัฒนาแนวคิดบ้านพลังงานเป็นศูนย์ และคอนโด Low-Carbon เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลดการใช้พลังงานภายในบ้าน นำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงยังสร้าง Decarbonized Lifestyle สำหรับลูกบ้านเพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตรักษ์โลกได้แบบง่ายๆ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ของเสนาที่ต้องการส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ดี ควบคู่ไปกับคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com