|
|
ประกัน 'เร่ง'ช่วยผู้ประสบภัยภาคใต้
คปภ.-ประกันชีวิต-ประกันวินาศภัย ยืนยัน น้ำท่วมใต้ ไม่ต้องกังวล เคลมเร็ว จ่ายเร็ว แน่นอน ขอให้มั่นใจ บ.ประกันภัยมั่นคงทางการเงิน ด้านประกันชีวิต ยัน แค่ระบุชื่อ-สกุล ก็รู้ กรมธรรม์ได้ ขณะประกันรถ-บ้าน จ่ายตามระดับความเสียหาย
นางนุสรา อัสสกุล นายกสมาคมประกันชีวิต เปิดเผยว่า อยากให้มั่นใจว่าภาคธุรกิจประกันชีวิตมีความยินดีและพร้อมที่จะจ่ายเงินชดเชยสินไหมไม่ว่าจะเป็นสินไหมมรณะจากการเสียชีวิต เมื่อไหร่ที่ได้รายชื่อจาก ปภ.มาแล้วจะได้ดำเนินการติดต่อประสานงานเท่าที่เราจะหาตัวผู้เอาประกันหรือทายาท ขณะที่ประกันเสริมเพิ่มเติม เช่นประกันอุบัติเหตุ หากเกิดการ เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วม ไฟดูด ก็ถือว่าเป็นอุบัติเหตุ สามารถได้รับเงินชดเชยจากกรมธรรม์ ประกันอุบัติเหตุเพิ่มเติมได้ หากไม่ทราบว่าญาติพี่น้องที่เสียชีวิตไปทำประกันชีวิตไว้หรือไม่สามารถที่จะหาข้อมูลได้โดยการโทรเข้าไปที่คปภ. หรือเช็คข้อมูลผ่านเว็บไซต์ ก็จะทราบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับผู้ทำประกันชีวิต
ทั้งนี้ประกันชีวิตพร้อมที่จะจ่ายเงินสินไหมให้อย่างรวดเร็ว ปกติกำหนดไว้ว่าไม่เกิน 15 วันแต่เราทำได้เร็วกว่านั้นแน่นอน แต่สิ่งสำคัญคือใบมรณะบัตรแสดงว่ามีการเสียชีวิตจริงๆ จึงอยากให้ขอทุกคนตื่นตัว หากมีญาติพี่น้องเสียชีวิตไป มีประกันชีวิตหรือไม่ หากมีรายชื่อเรายินดีเข้าไปดูแลอย่างเต็มที่
ขอยืนยันถึงความมั่นคงในธุรกิจประกันชีวิตและยังมีเงินสำรอง สำหรับประกันภัยของธุรกิจประกันชีวิต ถึง 520,000 กว่าล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมประมาณ 4.2 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ของสินทรัพย์จะนำไปลงทุนประมาณ 4.1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ นั่นแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร นางนุสรากล่าวว่า
นายโอฬาร กล่าวว่า เรื่องความมั่นคง ของธุรกิจประกันวินาศภัยขอยืนยันและให้ความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคและผู้ถือประกันว่าบริษัทประกันวินาศภัยมีความแข็งแรงภายใต้การกำกับดูแล สถานะทางการเงินของ คปภ. ส่วนเรื่องการจ่ายสินไหมตนเชื่อว่าทุกบริษัทประกันวินาศภัยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ซึ่งตนได้ลงไปในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ก็ได้พบกับหลายบริษัท ที่ลงพื้นที่ไปพบกับผู้ถือกรมธรรม์ ทั้งรถยนต์และประกันภัยทรัพย์สิน เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎระยะเวลาตามที่สำนักงานคปภ.ได้มีการกำหนดไว้ ส่วนจะจ่ายสินไหมขนาดไหนนั้น ต้องขึ้นอยู่กับระดับความเสียหาย สามารถดูระดับความเสียหายได้จากเว็บไซต์คปภ. ส่วนการจ่ายสินไหมของที่อยู่อาศัยนั้น โดยปกติอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท ซึ่งเชื่อว่าทุกบริษัทพร้อมและเร่งจ่ายประกันสินไหมตรงนี้
ขณะที่กองทุนภัยพิบัติจะต้องเตรียมแผนรับมือในระยะกลางและระยะยาว หากมีความจำเป็นในอนาคตเพื่อให้ความคุ้มครอง ที่เหมาะสมกับผู้บริโภคในอนาคต เนื่องจากการซื้อประกันภัยต่อภายใต้ภาวะที่มีการผันผวนของภูมิอากาศอย่างรุนแรงอาจจะค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นการคุ้มครองที่เหมาะสม ในราคาที่เหมาะสม กองทุนภัยพิบัติอาจจะกลับมา ตอบโจทย์ของผู้บริโภค ในอนาคต
ส่วนนายอดิศร กล่าวว่า ศปภ.มีความห่วงใย ประชาชนในภาคใต้เป็นอย่างยิ่ง ได้ตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์น้ำท่วมภัยพิบัติครั้งนี้ ณ เวลานี้สายด่วนประกันภัย 1186 เปิดบริการ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ประชาชนสามารถเข้าไปยังเว็บไซต์ ของสำนักงานประกันภัยจังหวัดที่มีน้ำท่วม, สำนักงานคปภ.ภาค มีเบอร์ของผอ. ทุกจังหวัดให้สามารถติดต่อได้ผ่านเบอร์มือถือด้วย ดังนั้นจึงขอให้มั่นใจว่าสำนักงานคปภมีความเต็มที่กับสถานการณ์นี้
กรณีของการเสียชีวิตหรือทรัพย์สินเสียหาย ขอให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสารสำนักงานคปภ.มีฐานข้อมูลกลางประกันภัยอยู่ในระบบอยู่แล้ว เพียงมีชื่อนามสกุล เลขบัตรประชาชนครบถ้วน ก็สามารถตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ได้ กรณีของผู้เสียชีวิตที่ต้องพิสูจน์อัตลักษณ์ สำนักงานฯ ได้ประสานไปยังรองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และประสานไปยังรองผู้บัญชาการตำรวจแก่งชาติ ขอให้อำนวยความสะดวกประสานงานกับคปภ.ในกรณีที่พิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว คปภ.ก็จะนำชื่อนั้นเข้าระบบและติดตามประสานกับประกันภัยเพื่อให้สินไหมกับทายาทผู้เสียชีวิต โดยเร็วที่สุด กรณีของการประกันรถยนต์ จะให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ ซึ่งประชาชนจะต้องตรวจสอบระดับน้ำกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่ต้องคืนทุนบริษัทจะจ่ายภายใน 7 วัน ที่จะต้องดำเนินการภายใน 15 วัน กรณีของการซ่อมอาจจะต้องใช้เวลาแต่แต่ละบริษัทกำลังประเมินอู่ซ่อมที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับอำเภอหาดใหญ่
นายอดิศร กล่าวว่า กรณีบ้านที่อยู่อาศัย มีการคุ้มครองน้ำท่วมอยู่ 20,000 บาท ถ้าบ้านอยู่ในพื้นที่ที่มีการประกาศว่าน้ำท่วม แล้วถ่ายรูปในช่วงน้ำท่วมหรือหลังจากน้ำลด เพราะเห็นคราบน้ำ ก็ส่งมาให้บริษัทจะพิจารณาจ่าย 20,000 บาทได้เลย ถ้าเป็นอาคารพาณิชย์หรือโรงงาน หากมีการซื้อประกัน จะจ่ายเบื้องต้น 30,000 บาท โดยใช้เพียงรูปถ่ายส่วนความเสียหายที่นอกเหนือจากนี้ก็ต้องมาว่ากันต่อ แต่ขอให้มั่นใจว่ากระบวนการรวดเร็วแน่นอน
ความมั่นคงของบริษัทนั้น เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งเพราะภัยแบบนี้ เป็นภัยที่เกิดขึ้นแบบปกติ ไม่ได้หมายถึงการเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอแต่เป็นปกติของระบบประกันภัยเช่นจะเกิดทุกข์ 10 ปี 30 ปีหรือ 100 ปีหรือเป็นภัยที่เรารู้จักเพราะฉะนั้นเรามีการประกันภัยที่มั่นคง เพื่อรองรับ และมีการพัฒนาเครื่องมือต่างๆ เพื่อตรวจสอบภาวะวิกฤตทางการเงิน ของแต่ละบริษัท ซึ่งเรายืนยันว่าทุกบริษัทมีความมั่นคงต่อการจ่ายสินไหม นายอดิศร กล่าว
Go To Lead
|
เมืองไทยประกันชีวิต คว้ารางวัล The Digital Insurance APAC 2025 AI Initiative of the Year
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รางวัล The Digital Insurance APAC 2025 AI Initiative of the Year จากผลงาน Chompoo Chatbot ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเมืองไทยประกันชีวิตในการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญขององค์กร เพื่อพัฒนาและสนับสนุนบุคลากรในสายงานตัวแทน ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของธุรกิจประกันชีวิต โดยมีเป้าหมายให้ตัวแทนทุกคนสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้นChompoo Chatbot เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่พัฒนาโดยเมืองไทยประกันชีวิต เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยบริการข้อมูลของตัวแทนและนายหน้า บริการข้อมูลอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลิตภัณฑ์ การเคลม การพิจารณารับประกัน ไปจนถึงขั้นตอนการทำงานในทุกช่วงของอาชีพ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นเป็นตัวแทน จนถึงการปิดการขาย และช่วยแนะนำเอกสารที่ต้องใช้ ขั้นตอนการทำงาน และตอบทุกคำถามสำคัญที่ตัวแทนต้องรู้ได้ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเทคโนโลยี AI และ Natural Language Processing (NLP) ที่เข้าใจภาษาไทยได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ น้องชมพู สามารถตอบสนองต่อการสื่อสารของผู้ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวดเร็ว และแม่นยำในทุกบริบท
รางวัล AI Initiative of the Year ที่ได้รับในปีนี้ นับเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของเมืองไทยประกันชีวิต ที่ไม่เพียงมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อความทันสมัย แต่ยังใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้าง คุณค่า ให้กับทั้งตัวแทนและลูกค้าในทุกมิติ ทั้งด้าน นวัตกรรม (Innovation) ที่ตอกย้ำศักยภาพขององค์กรไทยในระดับภูมิภาค ด้าน การพัฒนาบุคลากร (People Development) ที่สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเสริมพลังและยกระดับคุณภาพการทำงานของบุคลากร และด้าน ความยั่งยืน (Sustainability) ที่แสดงให้เห็นถึงแนวทางของบริษัทในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม พร้อมรักษาสมดุลระหว่างเทคโนโลยีกับคุณค่าของบุคลากรอย่างเหมาะสม
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงานเมืองไทยประกันชีวิต ร่วมแสดงความยินดีในความสำเร็จครั้งสำคัญขององค์กร โดยในโอกาสนี้ได้มอบหมายให้นางสาวพัชรินทร์ ประทีปธรรม รองกรรมการผู้จัดการ เป็นผู้แทนบริษัทฯ ขึ้นรับมอบรางวัลดังกล่าว ภายในงาน Digital Insurance APAC 2025 ซึ่งเป็นงานระดับโลกของวงการประกันภัย จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและเชิดชูองค์กรที่มีความโดดเด่นด้าน การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ณ ศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกง (Hong Kong Convention and Exhibition Centre) เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
นายสาระ กล่าวสรุปว่า เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับกระบวนการทำงาน ตลอดจนสนับสนุนการเติบโตของตัวแทนและพนักงานทุกคนอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้วิสัยทัศน์ขององค์กรที่เชื่อมั่นว่า เมื่อคนทำงานด้วยคุณภาพและความสุข ลูกค้าก็จะได้รับความสุขจากการบริการที่ดีที่สุดเช่นเดียวกัน #muangthailife #เมืองไทยประกันชีวิต
Go To Lead
|
กรุงเทพประกันชีวิต รวมพลังความใส่ใจ ลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบอุทกภัย ภาคใต้
ตอกย้ำความมุ่งมั่น ใส่ใจ ทุกสถานการณ์ เคียงข้างลูกค้าและชุมชน
นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนจำนวนมาก และในฐานะองค์กรที่ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม เราตระหนักดีถึงความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นและต้องการเป็นอีกหนึ่งพลังในการช่วยบรรเทาภาระของผู้ประสบภัยให้ได้มากที่สุด การให้ความช่วยเหลือครั้งนี้เกิดขึ้นจาก พลังแห่งความร่วมใจ ของพนักงานกรุงเทพประกันชีวิตทุกคน ที่พร้อมสละเวลา แรงกาย และแรงใจ มาร่วมกันจัดเตรียมถุงยังชีพบรรเทาทุกข์ เพื่อส่งต่อให้ผู้ที่กำลังเผชิญวิกฤตจากอุทกภัยในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการ ใส่ใจ ในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ผู้คนต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ทุกชุมชนสามารถฟื้นตัวและกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ กรุงเทพประกันชีวิตยังได้มอบสิ่งของจำเป็น อาหารพร้อมทาน และอุปกรณ์ทำความสะอาดให้กับสำนักงาน คปภ. ภาค 9 สงขลา เพื่อกระจายไปยังผู้ที่เดือดร้อนในพื้นที่ พร้อมทั้งลงพื้นที่มอบถุงยังชีพบรรเทาทุกข์และให้กำลังใจแก่ลูกค้าในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่อีกด้วย
เราเชื่อว่าความใส่ใจที่ถูกส่งต่อในเวลาที่ผู้คนต้องการที่สุด คือความหมายของการเป็นองค์กรที่ยืนอยู่เพื่อสังคมอย่างแท้จริง เรามองว่าสิ่งที่เราทำไม่ใช่เพียงการส่งมอบสิ่งของเท่านั้น แต่คือการส่งมอบความหวัง กำลังใจให้กับลูกค้า และประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ กรุงเทพประกันชีวิตขอส่งกำลังใจให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบและพร้อมจะเดินหน้าช่วยเหลือและดูแลสังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไป นายโชน กล่าวปิดท้าย
Go To Lead
|
กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต รวมพลังจิตอาสา ร่วมบรรจุถุงยังชีพ
จำนวน 2,000 ถุง ส่งมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (คนที่ 5 จากซ้าย แถวสอง) นางสาวบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด (คนที่ 4 จากซ้าย แถวสอง) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง พนักงาน และฝ่ายขาย กว่า 200 ท่าน รวมพลังหัวใจทำงาน ร่วมบรรจุถุงยังชีพ จำนวน 2,000 ชุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ โดยถุงยังชีพประกอบด้วยสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ อาทิ อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูปพร้อมทาน ยากันยุง ยาสามัญประจำบ้าน และผ้าอนามัย เป็นต้น
บริษัทฯ ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้โดยเร็ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายหลักของบริษัทฯ ที่พร้อมอยู่เคียงข้างความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป ทั้งนี้ท่านสามารถติดตามกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/Hearts.in.action.volunteers หรือ โทร 1159
Go To Lead
|
เอไอเอ ประเทศไทย มอบทุนสนับสนุนโครงการส่งเสริม
และพัฒนาการพูด อ่าน เขียนภาษาไทย แก่สภากาชาดไทย
นายสจ๊วต เอ. สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่าเอไอเอ เราเชื่อว่าการสร้างสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นเริ่มต้นได้ตั้งแต่ในห้องเรียน วันนี้ที่โรงเรียนบ้านแม่กลองน้อย เราได้เห็นพลังของการร่วมมือระหว่างภาคสังคมและภาคธุรกิจอย่างแท้จริง การมอบทุนสนับสนุนระบบพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการสนับสนุนโครงการพัฒนาทักษะภาษาไทย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจ AIA One Billion เพื่อช่วยให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2573 โครงการนี้ไม่เพียงสนับสนุนด้านการศึกษา แต่ยังสร้างความหวัง โอกาส และอนาคตที่ยั่งยืนแก่เด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกล เอไอเอยังคงมุ่งมั่นร่วมทำงานกับสภากาชาดไทยและภาคีทุกภาคส่วน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับชุมชนไทยต่อไป เราขอชื่นชมครู นักเรียน และทุกคนในชุมชนที่ร่วมกันทำให้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นจริง นี่คือภาพสะท้อนของคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ในแบบที่จับต้องได้จริง
นายวิทยา จันทร์ฉลอง กล่าวว่าโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียนภาษาไทย โดยสภากาชาดไทยเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 เพื่อแก้ไขปัญหาทักษะภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 16 ในพื้นที่ชนบท ซึ่งได้รับผลกระทบจากการหยุดเรียนและการเรียนออนไลน์ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 25642568 มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการกว่า 4,521 โรงเรียน เด็กนักเรียนกว่า 475,159 คน ได้รับประโยชน์ โดยกว่า 33,789 คน ได้รับการพัฒนาจนผ่านเกณฑ์มาตรฐานด้านการอ่านและเขียนภาษาไทย ถือเป็นผลลัพธ์ที่มีความหมายต่ออนาคตของประเทศ
ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง รวมยอดบริจาคทั้งสิ้น 10,689,679.94 บาท ซึ่งถูกนำไปใช้ประโยชน์จริงแล้วกว่า 92% ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสื่อการเรียนรู้ ชุดฝึกทักษะภาษาไทย การจัดหาอุปกรณ์สำหรับโรงเรียน ตลอดจนการปรับปรุงระบบโซลาร์เซลล์ในโรงเรียนห่างไกล
สภากาชาดไทยขอขอบคุณเอไอเอ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา และร่วมสร้างโอกาสที่เท่าเทียมให้กับเด็กไทยอย่างต่อเนื่อง เราขอยืนยันว่าจะใช้เงินบริจาคทุกบาททุกสตางค์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเด็กนักเรียนและสังคมไทย
เอไอเอ ประเทศไทย จัดพิธีมอบทุนสนับสนุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียนภาษาไทย โดยสภากาชาดไทย จากเงินรายได้ที่ระดมทุนผ่านกิจกรรม AIA One Billion Day ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 เพื่อสานต่อพันธกิจระดับภูมิภาคของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ภายใต้แคมเปญ AIA One Billion ที่มุ่งส่งเสริมผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2573 ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งในปีนี้ เอไอเอ ประเทศไทยได้มอบทุนสนับสนุนรวม 2,976,477 บาท ให้แก่โรงเรียน 9 แห่งในจังหวัดตาก เพื่อนำไปใช้ในการสร้างและปรับปรุงระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) สำหรับโรงเรียนในพื้นที่ทุรกันดารที่ไม่มีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ เพื่อให้เด็ก ๆ และคุณครูมีโอกาสในการเรียนรู้อย่างเท่าเทียม และสามารถเข้าถึงพลังงานที่จำเป็นต่อการพัฒนาโรงเรียน
พิธีส่งมอบทุนจัดขึ้นที่โรงเรียนบ้านแม่กลองน้อย อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากสภากาชาดไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และกลุ่มบริษัทเอไอเอ เข้าร่วม อาทิ นายวิทยา จันทร์ฉลอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทนงศักดิ์ ยาทะเล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก นายสจ๊วต เอ สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ ร่วมด้วยผู้บริหารจากเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นางสาวชลิดา นครชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด นายมนต์ชัย บุณยรัตพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารตัวแทนภูมิภาค 3 นายประกิตติ บุณยเกียรติ ที่ปรึกษาอาวุโส ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต และนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เอไอเอ ประเทศไทย
Go To Lead
|
อลิอันซ์ อยุธยา- ม.มหิดล เปิดเวที "AI Driving the Future"
บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมกับ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงานสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่ เจาะลึกบทบาท AI: ยกระดับวงการประกัน และสถาบัน การเงิน (AI Driving the Future of Insurance and Financial Institutions) เพื่อเปิดมุมมองใหม่ ให้กับผู้นำธุรกิจ และบุคลากรในแวดวงการเงิน และประกันภัย โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านจากความตื่นตระหนก สู่การสร้างความได้เปรียบที่ยั่งยืน ผ่านการผสานศักยภาพระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
งานสัมมนาดังกล่าวเริ่มต้นด้วยการปูพื้นฐานโครงสร้างองค์กรยุคใหม่ โดยคุณอิทธิพัทธ์ ลิมป์มณีรักษ์ จาก KPMG ได้ชี้ให้เห็นว่ารูปแบบพีระมิดดั้งเดิมกำลังหมดอายุ และถึงเวลาที่ธุรกิจต้องปรับตัวสู่ องค์กรทรงเพชร (Diamond Model) โมเดลพลิกโฉมสถาบันการเงิน ซึ่งเน้นการขยายฐานบุคลากรทักษะสูงในส่วนกลาง ขององค์กร เพื่อรองรับการทำงานร่วมกับ AI และลดสัดส่วนงานซ้ำซ้อน
ในด้านเทคโนโลยี และการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ คุณ Prakhar Sureka จาก Oliver Wyman ได้เจาะลึกถึงพลังของ API โดยอธิบายว่า Gen AI APIs คือกุญแจสำคัญในการปลดล็อกมูลค่าเศรษฐกิจ ภาคการเงินใน APAC ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมบริการ และโมเดลธุรกิจใหม่ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ในขณะที่ ผศ.ดร. วิทวัชร์ โฆษิตวัฒนฤกษ์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล ได้นำเสนอแนวคิด Collective Intelligence คำตอบในยุคที่ AI ยังขาด Common Sense โดยเน้นย้ำว่าการผสาน "สามัญสำนึก" ของมนุษย์เข้ากับความเร็วของ AI คือสูตรสำเร็จที่แท้จริงของการทำงานในโลกอนาคต
ไฮไลท์สำคัญของงาน คือ ช่วงเสวนา (Panel Discussion) ในหัวข้อ "AI in Financial Institutions" โดยผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำ ได้แก่ Thomas Charles Wilson (Allianz Ayudhya), Michael M. Steibl (Rabbit Care), รถพร เอกบุตร (Bank of Ayudhya), วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ (Amazon Web Services) และ Prakhar Sureka (Oliver Wyman) ที่มาร่วมตกผลึกความคิดในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ดังนี้
- ทักษะคนรุ่นใหม่ ในสมรภูมิที่ AI เก่งขึ้นทุกวัน มนุษย์จำเป็นต้องมี เจาะทักษะ 3C พลังมนุษย์ที่ AI ยังขาดในสมรภูมิธุรกิจ ได้แก่ Curiosity (ความอยากรู้อยากเห็น), Creativity (ความคิดสร้างสรรค์) และ Critical Thinking (การคิดวิเคราะห์) เพื่อเป็นผู้นำและควบคุมเทคโนโลยี
- เทรนด์อนาคต วงเสวนาได้พูดถึง Agentic AI เทรนด์อนาคตที่จะเปลี่ยนเกมบริการลูกค้า ซึ่งจะยกระดับ AI จากผู้ตอบคำถาม สู่ผู้ช่วยที่ลงมือทำธุรกรรมแทนลูกค้าได้แบบครบวงจร
- การปรับกระบวนการ เพื่อใช้ประโยชน์จาก AI สูงสุด องค์กรต้อง หยุดใช้ AI แค่ใน Silo และถึงเวลาคิดค้นกระบวนการใหม่ทั้งหมด เพื่อสร้างบริการที่เข้าใจบริบทลูกค้าอย่างลึกซึ้ง (Contextualized Services)
- การมองมุมต่าง สุดท้าย ผู้บริหารต่างเห็นพ้องต้องกันในการ พลิกสองความท้าทาย AI ให้เป็นโอกาสสร้างความแข็งแกร่ง โดยมองว่าปัญหาเรื่องคุณภาพข้อมูล (Data Quality) และการขาดแคลนบุคลากร (Talent Shortage) คือโอกาสทองในการสร้างรากฐานที่มั่นคงกว่าคู่แข่ง
นายโธมัส ชาร์ลส์ วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวทิ้งท้ายว่า งานสัมมนา 'เจาะลึกบทบาท AI ในครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของอลิอันซ์ อยุธยา ในการเตรียมความพร้อมให้กับอุตสาหกรรม การเข้าใจเทคโนโลยีอย่างลึกซึ้ง และการพัฒนาคนให้มีทักษะ ที่ถูกต้อง จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จขององค์กรในทศวรรษหน้า
ผู้สนใจสามารถอ่านบทความสรุปเนื้อหาเจาะลึกทั้งหมดจากงานสัมมนาได้ที่ เว็บไซต์รวมบทความงานสัมมนา Allianz Ayudhya
Go To Lead
|
[ENGLISH]
|