Insurance
Go to  i click
Hot News: จับตา! อัตราเคลมประกันสุขภาพพุ่ง
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
จับตา! อัตราเคลมประกันสุขภาพพุ่ง

สมาคมประกันชีวิตไทย 'ชี้แจง' แนวปฏิบัติประกันสุขภาพ “ส่วนร่วมจ่าย (Copayment)ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal)”
นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า ปี 2567 ประเทศไทยมีอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) สูงถึง 15% (อ้างอิงจาก WTW) ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ การเข้าสู่สังคมสูงวัย โรคอุบัติใหม่ มลพิษทางอากาศ ความก้าวหน้าทางการแพทย์ และโครงสร้างค่ารักษาพยาบาล โดยการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพส่งผลให้ อัตราการเคลมประกันสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นความท้าทายสำคัญที่ภาคธุรกิจประกันภัยต้องวางแผนรับมืออย่างรอบคอบ โดยเฉพาะจากสถานการณ์ปัจจุบันอัตราการเคลมประกันสุขภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากโรคเจ็บป่วยเล็กน้อยทั่วไป
อีกทั้ง ภายใต้มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ "New Health Standard" ที่บังคับใช้ไปเมื่อปี 2564 ซึ่งบริษัทประกันชีวิตพร้อมที่จะดูแลผู้เอาประกันภัยอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เอาประกันภัย ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันภัยที่เคยคำนวณไว้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้ระบบประกันสุขภาพได้รับผลกระทบโดยตรง นำไปสู่การปรับเบี้ยประกันภัยทั้งพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio) จนทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้ ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขโดยรวมของประเทศ ดังนั้น ภาคธุรกิจประกันภัยจึงต้องวางแผนรับมือกับความท้าทายนี้อย่างรอบคอบ เพื่อให้ประกันสุขภาพยังคงเป็นเครื่องมือช่วยลดความเสี่ยง และแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลของประชาชนได้อย่างแท้จริง
ภาคธุรกิจประกันภัยจึงได้นำส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ภายใต้มาตรฐานประกันสุขภาพแบบใหม่ หรือ "New Health Standard" มาใช้เป็นเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) เพื่อลดการ เคลมจากการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยของทั้งพอร์ตโพลิโอ (Portfolio) โดยส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับผู้เอาประกันภัย ภายใต้การบริหารจัดการให้เป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์และความจำเป็นทางการแพทย์ โดยไม่นับรวมผ่าตัดใหญ่หรือโรคร้ายแรง
สำหรับเกณฑ์การเข้าเงื่อนไขแนวปฏิบัติประกันสุขภาพส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal)” แบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1 การเคลมสำหรับโรคที่ไม่รุนแรง หรืออาการที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล การเจ็บป่วยเล็กน้อย (Simple diseases) หรืออาการที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล โดยเบิกเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และอัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% ของเบี้ยประกันภัยสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไป
กรณีที่ 2 การเคลมสำหรับโรคทั่วไปแต่ไม่นับรวมการผ่าตัดใหญ่และโรคร้ายแรง โดยเบิกเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และอัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไป กรณีที่ 3 หากเข้าเงื่อนไขทั้งในกรณีที่ 1 และ กรณีที่ 2 จะต้องร่วมจ่าย 50% ทุกค่ารักษาในปีถัดไป
ซึ่งเมื่อผู้เอาประกันภัย เข้าเงื่อนไขส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในปีต่ออายุถัดไปแล้ว ผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมจ่าย 30% หรือ 50% ตามสัดส่วนที่กำหนดในค่ารักษาพยาบาล แต่หากการเคลมมีการปรับตัวลดลงและไม่เข้าเงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) บริษัทประกันภัยจะพิจารณายกเลิกการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) กรมธรรม์ดังกล่าวจะกลับสู่สถานะปกติได้เช่นเดิมในปีถัดไป
อย่างไรก็ตาม สมาคมประกันชีวิตไทยแนะนำให้ประชาชนศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เอาประกันภัย ประกันสุขภาพยังคงเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากค่ารักษาพยาบาลได้ดี เพราะในทางปฏิบัติแล้ว ส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) ไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย เนื่องจากเงื่อนไขดังกล่าวมีลำดับ ขั้นตอน การนับ การพิจารณา ซึ่งเป็นตัวกรองหลายชั้น โดยบริษัทจะแจ้งรายละเอียดในหนังสือแจ้งเตือนการต่ออายุสัญญาประกันสุขภาพ

Go To Lead


พรูเด็นเชียล ประเทศไทย
จัดงานมอบรางวัล “Prudential Hospital Award 2024”
นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นครั้งแรกที่พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้จัดพิธีมอบรางวัล “Prudential Hospital Award 2024” ซึ่งการมอบรางวัลฯครั้งนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณแก่บุคลากรด้านการแพทย์ตลอดจนโรงพยาบาลพันธมิตร ที่มุ่งมั่นดูแลและให้บริการลูกค้าด้วยความเป็นเลิศ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตอกย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างพรูเด็นเชียลฯ และ โรงพยาบาลพันธมิตร”
สำหรับพิธีมอบรางวัล “Prudential Hospital Award 2024” คือ การมอบรางวัลให้แก่โรงพยาบาลพันธมิตรของ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ที่ให้บริการด้านการรักษาพยาบาลแก่ลูกค้าของ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย โดยมีโรงพยาบาลในเครือข่ายทั่วประเทศกว่า 320 แห่ง ที่ตอบรับเข้าร่วมโครงการประกวดการจัดอันดับในช่วงการให้บริการ นับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ถึง 30 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งการจัดอันดับและให้รางวัลแบ่งออกเป็น 3 ประเภท รวมทั้งสิ้น 9 รางวัล ดังนี้:
1.รางวัลการให้ความร่วมมือเกี่ยวกับการดูแลลูกค้า และตัวแทนยอดเยี่ยม (Best Healthcare Partner Award):
• รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง (Gold): โรงพยาบาลพระราม 9
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง (Silver): โรงพยาบาลนวมินทร์ 9
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง (Bronze): โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3
2.รางวัลการให้ความร่วมมือเกี่ยวกับการให้บริการสินไหมประกันสุขภาพ ระหว่างองค์กรยอดเยี่ยม (Best Quality Management Award):
• รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง (Gold): โรงพยาบาลพญาไท 2
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง (Silver): โรงพยาบาลมหาชัย 2
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง (Bronze): โรงพยาบาลธนบุรี
3.รางวัลด้านการให้ประสบการณ์ด้านการบริการทางสุขภาพแก่ลูกค้ายอดเยี่ยม (Best Service Management Award):
• รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง (Gold): โรงพยาบาลเปาโล รังสิต
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง (Silver): โรงพยาบาลวิภาวดี
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง (Bronze): โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์
“สำหรับ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เรานำแนวคิด ‘ลูกค้าคือเข็มทิศนำทาง’ (Customer is Our Compass) มาเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเปิดรับฟังความต้องการของลูกค้าและมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อยกระดับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า ดังนั้นการเสริมสร้างมาตรฐานการให้บริการด้านการรักษา และยกระดับมาตรฐานของโรงพยาบาลพันธมิตรจึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดการบริการให้มีบริการที่ดีในระดับสูงเพื่อลูกค้าของเราให้มีประสบการณ์ด้านการบริการทางสุขภาพที่ดี” นายบัณฑิต กล่าวเสริม
นอกจากนี้ การมอบรางวัลในงาน “Prudential Hospital Award 2024” ยังเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพที่พรูเด็นเชียลฯ ร่วมกับโรงพยาบาลพันธมิตร เพื่อเสริมสร้างมาตรฐานและภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลพันธมิตรให้มีการบริการที่ดีเยี่ยม โดยรางวัลนี้รับรองว่าโรงพยาบาลที่ได้รับรางวัลมีการดูแลลูกค้าและตัวแทนประกันชีวิต รวมถึงการบริการสินไหมประกันสุขภาพระหว่างองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมอบประสบการณ์ด้านการบริการสุขภาพที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า./

Go To Lead


กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต คว้า 2 รางวัลเกียรติยศจากเวที 5th
Emerging Asia Insurance Conclave & Awards 2024
บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติด้วยการคว้า 2 รางวัลอันทรงเกียรติจากเวที 5th Emerging Asia Insurance Conclave & Awards 2024 นำโดย คุณพงศ์ธร วัธนนัย Head of Talent Acquisition & Management and Culture (คนซ้าย) เข้ารับรางวัลสาขา Women in Insurance Leadership in Thailand และ คุณณภัทร ติระอาภรณ์ Head of Digital Product and Innovation (คนขวา) เข้ารับรางวัลสาขา Best Innovations Led by Technology and Insurtech โดยทั้ง 2 รางวัลจัดขึ้นเพื่อยกย่ององค์กรที่มีความโดดเด่นในอุตสาหกรรมประกันภัยในภูมิภาคเอเชีย โดยคณะกรรมการจะพิจารณาจากผลงานด้านนวัตกรรม การพัฒนาบริการ และการบริหารจัดการองค์กรที่เป็นเลิศ
โดยรางวัลทั้งสองนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในด้านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาการให้บริการด้านประกันชีวิต เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล พร้อมการพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น สอดคล้องกับคำมั่นสัญญา “ลูกค้าเป็นที่หนึ่ง” นอกจากนี้รางวัลอีก 1 สาขาที่ได้รับ สะท้อนถึงการยกย่ององค์กรที่มีผู้บริหารผู้หญิง และเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมของผู้นำสตรีในบริษัทฯ ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ
สำหรับท่านที่สนใจร่วมงานกับ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต สามารถติดต่อได้ที่ โทร 02-056-3513-15 หรือ https://www.krungthai-axa.co.th/th/career

Go To Lead


อลิอันซ์ 'เผย'คนเจนเอ็กซ์ต้องออมเงินให้มากขึ้น
นายลูโดวิค เซอร์บราน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ของกลุ่มอลิอันซ์ เปิดเผยว่า คนเจนเอ็กซ์จำเป็นต้องออมเงินให้มากขึ้นเพื่อให้มีมาตรฐานการครองชีพตามที่ต้องการในวัยชรา แต่เราต้องไม่มองสมการเพียงด้านเดียว ซึ่งก็คือการออมของครัวเรือน เราต้องคิดเกี่ยวกับความมั่นคงด้านบำนาญและการพัฒนาตลาดทุนไปพร้อมกัน เงินออมเพื่อการเกษียณต้องได้รับการลงทุนอย่างมีกำไรในการเติบโตและนวัตกรรมในอนาคต นี่เป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะการเปลี่ยนแปลงด้านประชากร (รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ) ยุโรปยังคงมีข้อบกพร่องอยู่มากในด้านนี้"ความแตกต่างที่สูงมากในเอเชีย ตลาด 15 แห่งในเอเชีย ที่นำมาวิเคราะห์ในรายงานนี้มีเรื่องที่เหมือนกันคือ เป็นสังคมที่กำลังเข้าสู่วัยชราอย่างรวดเร็ว อัตราการพึ่งพิงของผู้สูงอายุโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นจาก 19% เป็น 43% ในอีก 25 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีความแตกต่างอย่างชัดเจนในระดับสมบูรณ์ตั้งแต่ 14% ในลาวไปจนถึง 95% ในฮ่องกงในปี 2593 อัตราส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่าสองเท่าภายในหนึ่งรุ่นของประชากรในทุกประเทศ (ยกเว้นญี่ปุ่นที่เป็นสังคมสูงวัยอยู่แล้ว)
จากสถานการณ์นี้ มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องทำให้ระบบบำนาญของเอเชียพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากร คะแนนรวมเฉลี่ยของภูมิภาคอยู่ที่ 3.9 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นในการปฏิรูปแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยในตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ หรือเกาหลีใต้ การเสริมสร้างความยั่งยืนในระยะยาวของระบบบำนาญมีความสำคัญมากขึ้น ในตลาดเกิดใหม่ที่ยังมีประชากรค่อนข้างหนุ่มสาว เช่น กัมพูชา อินโดนีเซีย หรือลาว ผู้กำหนดนโยบายเผชิญกับความท้าทายในการปรับปรุงความเพียงพอของระบบบำนาญ ซึ่งจะต้องมีการแนะนำและขยายระบบบำนาญที่มีการสะสมเงินเต็มจำนวนทั้งจากการทำงานและส่วนบุคคล ความท้าทายที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการทำให้ตลาดแรงงานเข้าสู่ระบบ เนื่องจากประชากรวัยทำงานส่วนใหญ่ในประเทศเหล่านี้ยังคงทำงานนอกระบบโดยไม่ได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันสังคม ปัญหาที่เกือบทุกประเทศมีเหมือนกันคือ อายุเกษียณภาคบังคับหรืออายุเกษียณขั้นต่ำที่ค่อนข้างต่ำซึ่งไม่สะท้อนการเพิ่มขึ้นของอายุขัยเฉลี่ย
ไทยจำเป็นต้องปฏิรูปเร่งด่วน ด้วยคะแนนรวม 4.1 ระบบบำนาญของไทยจึงอยู่ในอันดับท้ายๆ ของการจัดอันดับ ความจำเป็นในการปฏิรูปมาจากความครอบคลุมของระบบบำนาญในระดับต่ำและอายุเกษียณที่ควรเชื่อมโยงกับอายุขัยเฉลี่ย มาตรการเพิ่มเติมที่ควรจะมี ได้แก่ การจูงใจให้มีการออมเพื่อการเกษียณ โดยเฉพาะสำหรับครัวเรือนที่มีรายได้น้อย เพื่อแก้ปัญหาภาวะหนี้สินสูงของครัวเรือน ในปัจจุบัน ประเทศไทยไม่มีความได้เปรียบด้านประชากรอีกต่อไป เนื่องจากกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าอัตราการพึ่งพิงของผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นจาก 22% เป็น 50% ในอีก 25 ปีข้างหน้า
อลิอันซ์เปิดรายงาน Global Pension Report ฉบับที่ 3 วิเคราะห์ระบบบำนาญ 71 ระบบทั่วโลกโดยใช้ดัชนี Allianz Pension Index (API) ที่พัฒนาขึ้นเอง ดัชนีนี้ประกอบด้วยสามส่วนหลัก ได้แก่ การวิเคราะห์สถานการณ์ด้านประชากรศาสตร์และการคลัง การประเมินความยั่งยืน เช่น การเงินและระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบ และความเพียงพอของระบบบำนาญ เช่น ความครอบคลุมและระดับบำนาญ มีการนำตัวชี้วัดทั้งหมด 40 ตัวชี้วัดมาพิจารณา โดยให้คะแนนตั้งแต่ 1 คือ กลุ่มไม่จำเป็นต้องปฏิรูป ถึง 7 กลุ่มที่จำเป็นต้องปฏิรูปอย่างเร่งด่วน ผลรวมถ่วงน้ำหนักของตัวชี้วัดทั้งหมดสะท้อนถึงความจำเป็นในการปฏิรูประบบบำนาญนั้นๆ
ผลวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงแรงกดดันที่สูงต่อการปฏิรูป เมื่อเทียบกับรายงานครั้งล่าสุดของเราในปี 2566 กลุ่มประเทศเล็กๆ เช่น เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และสวีเดน ซึ่งมีคะแนนรวมต่ำกว่า 3 อย่างชัดเจน แต่มีระบบบำนาญที่ถือว่าดีเพราะวางแนวทางสู่ความยั่งยืนได้ทันเวลาด้วยการนำระบบการสมทบเงินมาใช้ และเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่ญี่ปุ่นอยู่ในรายชื่อนี้ด้วย เนื่องจากญี่ปุ่นใช้ระบบบำนาญที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ นั่นคือ อายุการทำงานที่นานขึ้น แม้แต่ทุกวันนี้ หนึ่งในสามของผู้ที่มีอายุระหว่าง 65-70 ปีในญี่ปุ่นยังคงทำงานอยู่ และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คาดว่าอายุเกษียณที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้นเป็น 70 ปี
ประเทศที่มีคะแนนรวมต่ำกว่า 4 มีจำนวนมากกว่ามาก และเป็นประเทศที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการปฏิรูปเพื่อไม่ให้ระบบบำนาญได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางประชากร กลุ่มในกลุ่มนี้มีประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย โคลอมเบีย และไนจีเรีย ปัญหาของกลุ่มนี้มักจะไม่ได้เกิดจากการออกแบบระบบบำนาญ แต่มาจากสัดส่วนของพนักงานนอกระบบที่ไม่ได้รับความคุ้มครองซึ่งมักจะมีจำนวนสูงกว่า 50% จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปตลาดแรงงานอย่างกว้างขวางก่อนเพื่อสร้างพื้นฐานสำหรับระบบบำนาญที่ครอบคลุม มิเช่นนั้น ระบบบำนาญจะกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เพิ่มความเหลื่อมล้ำ ส่วนกลุ่มที่สามของระบบบำนาญมีประเทศในยุโรปหลายประเทศ เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ซึ่งระบบบำนาญเปลี่ยนไปสู่การออมเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยระบบ Pay As You Go ยังคงเป็นระบบหลัก ทำให้เกิดแรงกดดันในการปฏิรูปสูงท่ามกลางการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ลดช่องว่างของเงินออมบำนาญจากการคำนวณ ช่องว่างในการออมเงินบำนาญสำหรับคนรุ่นใหม่ในยุโรปอยู่ที่ประมาณ 3.50 แสนล้านยูโรต่อปีโดยเฉลี่ย ฟังดูเหมือนจำนวนมาก แต่เราสามารถปิดช่องว่างนี้ได้หากเพิ่มอัตราการออมขึ้นหนึ่งในสี่

Go To Lead


บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต นำโดยคุณสมชัย อาภรณ์ศิริพงษ์ Deputy Chief Executive Officer ตอกย้ำพลังความรักและความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ จัดงาน “BKK BIG DREAM & BEST OF THE BEST ฝันให้ใหญ่ ไปให้ถึง” รวมพลังที่ปรึกษาประกันชีวิตในพื้นที่กรุงเทพ แสดงความพร้อมมุ่งเจาะตลาด Urban ด้วยการเสริมศักยภาพครอบคลุมครบทุกมิติ ยกระดับสู่การเป็น SMART AGENT เพื่อให้บริการลูกค้าในยุคดิจิทัลอย่างมืออาชีพ ณ ดิ โอเชี่ยนเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
ภายในงานมีกิจกรรมหลากหลายที่มุ่งสร้างขวัญกำลังใจ ให้ความรู้ และพัฒนาความสามารถของที่ปรึกษาประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติ ที่ The Peak Flower Land การมอบรางวัล Top Of The Year, MDRT, OM เพื่อเชิดชูความสำเร็จของสุดยอดที่ปรึกษาประกันชีวิต รวมทั้งได้นำเสนอนโยบาย และแผนกลยุทธ์ปี 2025 เพื่อกำหนดแนวทางสู่เป้าหมายร่วมกัน ปิดท้ายด้วยงาน “BEST OF THE BEST” ฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ สร้างความประทับใจและแรงบันดาลใจให้ที่ปรึกษาประกันชีวิตทุกคนก้าวสู่ความสำเร็จต่อไป OCEAN LIFE ไทยสมุทร ไม่หยุดใช้พลังความรักพัฒนาที่ปรึกษาประกันชีวิตทั่วประเทศให้มีความเป็นมืออาชีพ เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า พร้อมให้คำแนะนำที่ดีที่สุด เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนก้าวสู่โลกใหม่ ที่มีชีวิตและสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
ร่วมติดตามข่าวสารและกิจกรรมดี ๆ จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร ได้ที่ OCEAN CLUB APP / LINE / Facebook / Instagram / Youtube : oceanlife เว็บไซต์ www.ocean.co.th หรือติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER 1503 บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านสื่อมวลชนจะกรุณาประชาสัมพันธ์ Phot

Go To Lead


--> [ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com