ITC/Sciences
Hot News: สกสว.กระตุก GDP ไทยด้วยกองทุนววน. เร่งพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
สกสว.กระตุก GDP ไทยด้วยกองทุนววน.
เร่งพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ
น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงาน Dinner Talk “กระตุก GDP ไทยด้วยกองทุน ววน.” ภายใต้แนวคิด ‘มองจุดร่วม สร้างจุดเปลี่ยน ร่วมสร้าง GDP ไทย ด้วยกองทุน ววน.’ ซึ่งจัดโดยสำนักยุทธศาสตร์แผน ติดตามและประเมินผล สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อนำผลการงานวิจัยจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) มาช่วยกระตุก GDP ไทย ให้สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมขับเคลื่อนไม่หยุดนิ่งได้อย่างต่อเนื่องนำไปสู่ความยั่งยืน พร้อมสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจถึงความสำคัญของการวิจัยและนวัตกรรมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการเร่งรัดผลักดันนโยบายและการดำเนินงานที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในประเทศและในเวทีโลก
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยยังมีโอกาสในการสร้างเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยใช้ ววน. เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของประเทศ ได้แก่ งานวิจัยด้านเทคโนโลยีเซนเซอร์และ IoT สำหรับเกษตรกรรม การสร้างอุตสาหกรรมใหม่และการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า การพัฒนากำลังคนระดับสูงเฉพาะทางและเพิ่มขีดความสามารถของแรงงานเพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และสถาบันวิจัย เพื่อให้มีสัดส่วนการลงทุนด้านการวิจัยมากขึ้น ทำวิจัยและต่อยอดอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ“กระทรวง อว. พร้อมสนับสนุนงบประมาณและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาระบบนิเวศที่เอื้อต่อนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โดยเชื่อมั่นว่า ววน. จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก และช่วยให้เศรษฐกิจในภาพรวมเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนได้ในอนาคต” รัฐมนตรี อว.กล่าว
ขณะที่ ศ. ดร. นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) เผยว่า การใช้ความรู้ขับเคลื่อนประเทศต้องมีนโยบายที่จัดสรรงบประมาณและทรัพยากรในเรื่องสำคัญ แม้จะมีข้อจำกัดและความท้าทายหลายด้าน แต่ประเทศจะก้าวกระโดดได้ต้องมีสัดส่วนการลงทุนวิจัยและพัฒนาต่อ GDP ร้อยละ 2-4 เพื่อให้มีแรงส่งเพียงพอ แต่ขณะนี้อัตราการลงทุนของไทยอยู่ที่ร้อยละ 1.1 จึงต้องแน่ใจว่าจะสามารถจัดสรรงบประมาณอย่างถูกต้อง เกิดประสิทธิผลและประสิทธิภาพสูงสุด เป็นธรรม รัดกุมรอบคอบและตรงเป้า การจัดงานในครั้งนี้เพื่อให้ผู้บริหารในระบบ ววน. ภาครัฐและภาคเอกชนนำข้อมูลไปขับเคลื่อนในบริบทที่ดูแลอยู่ ขณะที่ สกสว. จะนำเสนอข้อมูลต่อสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อนำสู่การขับเคลื่อนต่อไป
เช่นเดียวกับ ศ. ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการ สกสว. ที่กล่าวถึงการทำงานของ สกสว.ยุคใหม่ ว่าเข็มทิศกำลังแปรเปลี่ยนเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ผ่านการขับเคลื่อนและผลงานที่เกิดขึ้นจริง ได้แก่ การทบทวนแผนและจัดสรรงบประมาณด้าน ววน. งานวิจัยและนวัตกรรมตามเป้าหมายสำคัญทั้งด้านสุขภาพและการแพทย์ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม การขับเคลื่อนเชิงประเด็นร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สร้างความเข้มแข็งของหน่วยงานและบคุลากร การรับมือและการสื่อสารต่อประชาชนในภาวะวิกฤติ เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายและการร่วมทุนกับต่างประเทศ ภาคเอกชนและประชาสังคม และการพัฒนาภายในองค์กร โดยในปี 2568 กองทุน ววน.ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 19,251 ล้านบาท คิดเป็น 1.14% และหวังว่าสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป โดยเป้าหมายไม่ใช่แค่สำเร็จ แต่คือการเปลี่ยนแปลงประเทศ
ในโอกาสนี้ สกสว.ได้เชิญวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมาให้มุมมองถึงโอกาสในการใช้การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม อันจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาคมได้เข้าใจถึง “บทบาทของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” โดย คุณกฤษณ์ จันทโนทก ประธานกรรมการอำนวยการ สกสว. และประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่ประเทศไทยขาดไม่ใช่ความรู้หรือแรงบันดาลใจ แต่คือ 'ระบบเชื่อมต่อ' ที่เปลี่ยนงบวิจัยให้กลายเป็นนวัตกรรมเชิงเศรษฐกิจได้จริง เราต้องกล้าสร้างเครื่องยนต์ใหม่ให้กับประเทศ การสร้างนวัตกรรมต้องลงทุนกับคุณภาพทุนมนุษย์และสถาบัน ความท้าทายคือต้องทำให้งานวิจัยเกิดผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ปัจจุบันประเทศไทยมีงานวิจัยจำนวนมาก แต่ต้องเร่งเสริมการต่อยอดเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ อนาคตของประเทศยังศรัทธาในศักยภาพ ทุน และความรู้ แต่ต้องหาทางเชื่อมโยงและเดินไปด้วยกัน พลังของคนไทยไม่ทิ้งกันในยามคับขันจึงต้องร่วมมือให้เกิดผลลัพธ์ที่จับต้องได้ และต้องวางโครงสร้างใหม่ เชื่อว่าถ้าทุกคนกล้าเปลี่ยน ระบบ ววน.ไทยจะเป็นฟันเฟืองสำคัญให้ไทยประสบความสำเร็จได้
สำหรับ “นโยบายการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ” โดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ กสว. และประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่าหากไทยต้องการก้าวสู่การเป็นเสือเศรษฐกิจต้องคิดสร้างปัญญา ทำให้สังคมเห็นประโยชน์ การลงทุนในงานวิจัยและนวัตกรรมต้อง ‘ คืนทุนไว ใช้ได้จริง ยิงสุดทาง’ นั่นคือต้องทำโครงการที่ดี ตอบโจทย์เศรษฐกิจและสังคมทั้งที่เห็นผลเร็วและเกิดผลในระยะยาวด้วย รู้ว่าจะขายหรือแข่งขันกับใคร ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือ สถาบันเทคโนโลยีอุตสาหกรรมที่สร้างนวัตกรรมใช้ได้จริง เป็นโมเดลที่ชี้ให้เห็นว่าการวิจัยต้องมีภารกิจชัดเจนและมีความรับผิดชอบ สิ่งที่ต้องทำคือ ตัดงานวิจัยที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เพื่อให้เกิดความเชื่อถือจากคนในประเทศ โดยก้าวแรกจะต้องตีโจทย์และออกแบบโครงการให้ทะลุ เป็นงานวิจัยที่แก้พัฒนาเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาสังคมได้ มีผู้ใช้ตั้งแต่แรก รวมถึงปรับระบบแรงจูงใจ
นอกจากนี้ สกสว.ยังมุ่งสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของ “การลงทุนภาครัฐและเอกชน: กุญแจสู่การเติบโตของ GDP ไทย” โดย ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ เลขานุการบริษัทและกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยข้อมูลในส่วนนี้ว่า บุญเก่าของประเทศกำลังจะหมด อุตสาหกรรมที่เราเคยเก่งกำลังตกยุค ประเทศไทยต้องลอกคราบ ปลดล็อกและสร้าง ‘บุญใหม่’ เพื่อช่วงชิงคลื่นการลงทุนรอบใหม่ในอาเซียน ซึ่งเป็นโอกาสเดียวในรอบหลายทศวรรษ หากพลาดวันนี้อาจไม่มีโอกาสอีกนาน จากนี้ไปเอเชียและอาเซียนจะเป็นศูนย์กลางใหม่ของโลก จึงต้องก้าวข้าวข้อจำกัดด้วยทักษะของคน นโยบายสำคัญของการเปลี่ยนผ่านอยู่ที่การเปิดประเทศ พัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับอนาคต ปฏิรูปกฎระเบียบและระบบราชการ เพิ่มโอกาสในการช่วงชิงการลงทุน เสริมจุดแข็งเดิมและสร้างระบบนิเวศใหม่ เช่น สร้างบุคลากรรองรับห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมใหม่ เช่น พลังงานสะอาด สตาร์ทอัพและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และเร่งขยายเขตการค้าเสรีเพื่อเปิดตลาดใหม่และลดการพึ่งพาตลาดเดิม

Go To Lead


HPE เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์
คลาวด์ส่วนตัวล้ำสมัยสุดในอุตสาหกรรม
นางฟิเดลมา รุสโซ รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจ Hybrid Cloud และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ HPE เปิดเผยว่า ปัจจุบัน องค์กรธุรกิจทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการปรับปรุงระบบไอทีให้ทันสมัย โดยต้องเผชิญกับความท้าทายจากความซับซ้อนในการจัดการที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนของระบบเสมือนจริงที่สูงขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการจัดการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายและเปิดโอกาสให้องค์กรสามารถนำงบประมาณไปลงทุนในธุรกิจหลักที่สร้างการเติบโตได้มากขึ้น เราเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานแบแยกส่วน และได้นำจุดแข็งนี้มาผสานกับซอฟต์แวร์ใหม่สำหรับการจัดการระบบเสมือนจริงและคลาวด์แบบครบวงจร เพื่อมอบทางเลือก ความเรียบง่าย และความคุ้มค่าให้แก่ลูกค้า ช่วยให้องค์กรสามารถก้าวนำคู่แข่งและกลับไปลงทุนในนวัตกรรมได้อีกครั้ง
HPE Private Cloud Business Edition มอบความประหยัดและความเรียบง่ายอย่างเหนือระดับด้วย HPE Morpheus VM Essentials ขณะที่ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีหลายรายเริ่มตระหนักถึงประโยชน์ด้านการประหยัดต้นทุนของโครงสร้างพื้นฐานแบบแยกส่วน(dHCI) HPE ได้สร้างนิยามใหม่ให้กับระบบคลาวด์ส่วนตัวแบบฟูลสแต็กด้วย HPE Private Cloud Business Edition ที่มาพร้อมกับ HPE Morpheus VM Essentials โดย Business Edition มีทั้งในรูปแบบ dHCI หรือ HCI ช่วยให้องค์กรสามารถเลือกสถาปัตยกรรม VM ที่เหมาะสมได้ตั้งแต่ระดับเอดจ์ไปจนถึงศูนย์ข้อมูล VM Essentials สามารถจัดการทั้ง VM ของ HPE และ VM แบบดั้งเดิมได้ในระบบเดียว ทำให้ลูกค้าสามารถผสมผสานการใช้งาน VM ให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละองค์กรได้อย่างลงตัว โซลูชันระบบจำลองเสมือนระดับองค์กรที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว: VM Essentials ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานทั่วโลก และบริการสนับสนุนระดับองค์กรที่ครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงเวิร์กโหลด ประสบการณ์การใช้งานที่ขับเคลื่อนด้วย AI ตั้งแต่การติดตั้งไปจนถึงการใช้งาน: HPE ช่วยให้การติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการตลอดวงจรชีวิตได้แบบอัตโนมัติสำหรับ Business Edition รวมทั้งมีระบบการคาดการณ์และป้องกันปัญหาระบบ AIOps[5] ได้มากถึง 86% ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดภาระของทีม IT
โรเบอร์โต้ วาเลนตา ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีและการปฏิบัติการด้านไอทีของ Aeropuertos Argentina กล่าวว่า "HPE Private Cloud Business Edition สร้างความคุ้มค่าให้เราอย่างแท้จริง ด้วยการลดค่าใช้จ่ายจากสัญญาการดูแลระบบเดิม คิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง (As-a-service) และลดพื้นที่ในศูนย์ข้อมูล รวมถึงช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย โดยประสิทธิภาพ ความสามารถในการรองรับการขยายขนาดงาน และความเสถียรถือเป็นหัวใจสำคัญของเวิร์กโหลดที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของเรา ตั้งแต่ระบบการติดตามเที่ยวบิน ไปจนถึงขั้นตอนการเดินทางเข้า-ออกสนามบิน Business Edition ช่วยผลักดันวิสัยทัศน์ของเราในการส่งมอบบริการที่รวดเร็ว คล่องตัว ช่วยลดระยะเวลาในการเช็คอิน และผ่านจุดตรวจรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร"Commvault ผู้นำด้านโซลูชันการจัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์และการปกป้องข้อมูล จะเป็นพาร์ทเนอร์ในระบบนิเวศรายแรกของ HPE Morpheus VM Essentials ที่รองรับการสำรองข้อมูลและกู้คืนระดับ VM ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมนี้
HPE Morpheus Enterprise Software รุ่นใหม่ ช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่และผู้ให้บริการสามารถบริหารจัดการคลาวด์ได้อย่างเป็นหนึ่งเดียว ผ่านอินเทอร์เฟซแบบเรียบง่าย องค์กรธุรกิจสามารถบริหารและควบคุมรันไทม์ระบบจำลองเสมือนแบบคอนเทนเนอร์ และรันไทม์ของผู้ให้บริการภายนอก ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์แบบเครื่องเซิร์ฟเวอร์ (Bare Metal), ภายในองค์กร (On-premises), และระบบคลาวน์สาธารณะ (Public Cloud) HPE Morpheus Enterprise ช่วยทำให้การจัดเตรียมแอปพลิเคชันเป็นไปโดยอัตโนมัติ รองรับการปรับใช้แอปพลิเคชันได้เร็วขึ้นถึง150 เท่าในไฮเปอร์ไวเซอร์หรือคลาวด์แทบทุกประเภท รวมถึงช่วยลดต้นทุนของระบบคลาวด์ได้มากถึง 30% ด้วยการกำหนดขนาดการใช้งานที่เหมาะสมผ่านการวิเคราะห์อัจฉริยะ?Morpheus Enterprise และ VM Essentials เป็นซอฟต์แวร์แบบแยกเดี่ยว (Standalone) ที่ไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์ และเพิ่งให้ได้รับการรับรองให้ใช้งานร่วมกับเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge และ NetApp AFF Arrays เพิ่มเติม จากเดิมที่รองรับเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Compute Gen 11 และ Gen12 โดยเซิร์ฟเวอร์ HPE ProLiant Gen 12 รุ่นใหม่สามารถช่วยให้องค์กรสามารถรวบรวมและลดต้นทุนซอฟต์แวร์การจำลองเสมือนได้สูงสุด 27% ประหยัดไฟฟ้าได้ 65% ต่อปี และลดการใช้พื้นที่ศูนย์ข้อมูลลง 7:1[7]
การผสมผสานระหว่าง VM Essentials และ HPE Aruba Networking CX 10000 ช่วยลด TCO ได้ถึง 48%[8] เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้มากถึง 10 เท่า[9] พร้อมรองรับ NetApp AFF Arrays (Microsegmentation) ช่วยเร่งการประมวลผลด้วยหน่วย DPU (Data Processing Unit) (หน่วยประมวลผลข้อมูล) และเพิ่มการรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ VM Essentials ยังรองรับการบริหารจัดการแบบแนบแน่นและเรียบง่ายสำหรับ HPE Alletra Storage MP B10000 ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานด้านไอทีมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น HPE Cloud Platform Services - Virtualization Modernization โซลูชันใหม่จาก HPE ช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงระบบเวอร์ชวลไลเซชันให้ทันสมัยได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริการจาก HPE ครอบคลุมการประเมินระบบอย่างละเอียด (Dedicated Assessment) การออกแบบและวางระบบ Landing Zone ที่มีความแข็งแกร่ง รวมถึงบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การปรับแพลตฟอร์มเวิร์กโหลด การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การย้ายข้อมูล การเสริมสร้างทักษะให้แก่ทีมงาน ไปจนถึงการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน ทั้งนี้ HPE ยังได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำในรายงาน IDC MarketScape: การประเมินผู้ให้บริการการให้คำปรึกษาด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีไฮบริดทั่วโลกและบริการเชื่อมโยงและพัฒนาเครือข่ายประจำปี 2025[10] ซึ่งตอกย้ำถึงศักยภาพของ HPE ในการสนับสนุนองค์กรให้สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยีได้อย่างมั่นใจ

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com