|
True5G PRO HUB ยานแห่งอนาคตโดนใจคนรุ่นใหม่
นายเอกวิทย์ ชัยวรานุรักษ์ ผู้บริหารหน่วยธุรกิจสยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า True5G PRO HUB เปรียบเสมือนยานแห่งอนาคตที่จะพาผู้คนไปสำรวจโลกใบใหม่ที่จะเป็นพื้นที่แห่งการค้นพบและพัฒนาทักษะแห่งอนาคตสำหรับคนรุ่นใหม่ เพราะเราเชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะเป็นขุมพลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลกทั้งในปัจจุบันและอนาคต สยามดิสคัฟเวอรี่จึงเปรียบเหมือนท่าอวกาศยานอันเป็นที่ตั้งของยานแห่งอนาคตลำนี้ ซึ่งด้วยศักยภาพของพื้นที่ที่ตั้งอยู่ใจกลางสยาม ที่เป็นทั้งย่านธุรกิจ การศึกษา และแหล่งรวมไลฟ์สไตล์หลากหลายของผู้คนทุกกลุ่ม เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ True5G PRO HUB เป็นคอมมิวนิตี้แลนมาร์คของคนรุ่นใหม่ที่จะเต็มไปด้วยสีสัน ความสุข ความสนุก และความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด พร้อมเปิดรับให้ทุกคนเข้ามาร่วมสนุกด้วยกัน #ComePlayWithUs
นายฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คนรุ่นใหม่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล และมีความคาดหวังต่อเรื่องเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในวิถีไลฟ์สไตล์อย่างมาก ซึ่งตรงกับความตั้งใจของ ทรู เทคคอมปานี ที่ให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าไปตอบโจทย์ทุกวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบัน จึงเป็นที่มาของการร่วมสร้างสรรค์ True5G PRO HUB แห่งนี้ โดยนำความเป็นผู้นำทั้งด้านโครงข่ายโทรคมนาคม 5G และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของกลุ่มทรู เข้าร่วมเติมเต็มกับพันธมิตรชั้นนำ ทั้งในส่วนของบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต และเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ที่เร็ว แรง และความหน่วงต่ำ ทำให้ทรูเป็นเสมือนแหล่งพลังงานที่จะขับเคลื่อนยานแห่งอนาคตลำนี้ให้ลื่นไหล พร้อมทะยานไปสู่อนาคตได้อย่างไม่มีสะดุด สามารถตอบโจทย์ผู้มาเยือนยานแห่งนี้ทั้งสายเกมเมอร์, สายไลฟ์สไตล์ และสายเทคเซฟวี่ ที่สนใจเสริมทักษะพัฒนาตัวเองให้ใช้ชีวิตได้อย่างไร้ขีดจำกัดแท้จริง
นายจิรัจ กัลย์จาฤก ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า True5G PRO HUB จะเป็นยานแห่งอนาคตที่จะไม่หยุดนิ่ง ด้วยความเชี่ยวชาญของ กันตนา กรุ๊ป ที่เป็นผู้นำธุรกิจคอนเทนต์และโปรดักชั่นแนวหน้าของเมืองไทย รวมทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอีสปอร์ตในโปรเจ็คค์นี้ กันตนากรุ๊ปจึงเปรียบเสมือนผู้ดูแลหน่วยบัญชาการในการบริหารจัดการและพัฒนาคอนเทนต์และกิจกรรมต่างๆ ให้ True5G PRO HUB แห่งนี้เต็มไปด้วยสีสันที่ไม่หยุดนิ่ง ที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ทั้งสายเกมเมอร์, สายไลฟ์สไตล์สุดป๊อป และสายความรู้ที่ชอบการพัฒนาตัวเองด้วย Future Skills ที่กำลังเป็นที่สนใจของคนรุ่นใหม่ เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการค้นหาตัวตนอย่างสร้างสรรค์ เรียนรู้ทักษะแห่งอนาคตอย่างสนุกสนาน และต่อยอดเครือข่ายคอมมิวนิตี้ที่มีความสนใจเดียวกันได้อย่างสร้างสรรค์
True5G PRO HUB: The Space of Immersive Discovery เป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของ 3 ยักษ์ใหญ่จาก 3 วงการธุรกิจ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ ทรู เทคคอมปานี ผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีโทรคมนาคมของไทย และกันตนา กรุ๊ป ผู้นำธุรกิจคอนเทนต์และโปรดักชั่นแนวหน้าของเมืองไทย เล็งเห็นความสำคัญของการมีพื้นที่เชิงสร้างสรรค์สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่พัฒนาขึ้นจากความเข้าใจในไลฟ์สไตล์และความชอบของกลุ่ม GEN Z ที่ถือเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของประเทศและโลกในทุกวันนี้ สู่การสร้างสรรค์พื้นที่ และรูปแบบกิจกรรมที่จะตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง โดย True5G PRO HUB มีพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร สร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิดการออกแบบ SpaceCraft to The Immersive Discovery Space เปรียบเสมือนยานแห่งอนาคตที่จะพาทุกคนออกเดินทางไปสู่โลกแห่งการค้นพบสิ่งใหม่ ซึ่งแนวคิด SpaceCraft ยังสามารถสะท้อนตัวตนและจุดมุ่งหมายของที่แห่งนี้ได้อย่างลึกซึ้ง โดยคำว่า Space สื่อถึงพื้นที่แห่งการรวมพลังคนรุ่นใหม่ที่นำไปสู่ทุกความเป็นไปได้อย่างไร้ขีดจำกัดเหมือนจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาล และ Craft สื่อถึงพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์และพัฒนาทักษะแห่งอนาคต โดยแบ่งพื้นที่เป็น 7 โซน ครอบคลุมพื้นที่สำหรับการเล่นสนุก การเรียนรู้ และการพักผ่อน ได้แก BATTLE ARENAโถงกลางขนาดใหญ่บนพื้นที่ขนาด 787 ตารางเมตร โอบล้อมด้วยจอ LED ถึง 3 จอ ให้บรรยากาศการแข่งขันประลองฝีมือที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้อย่างหลากหลายตามการจัดวางที่ต้องการในพื้นที่ พร้อมทั้งโซนอาหารและเครื่องดื่มและยังเป็นโถงใหญ่ในพื้นที่ที่สามารถไปพื้นที่อื่นๆ ได้อีกโดยที่สามารถจุคนได้มากถึง 600 คน MVP SPACE พื้นที่ขนาด 90 ตารางเมตร กั้นด้วยกระจกใส สามารถมองเห็นพื้นที่โดยรอบจากพื้นที่ข้างในสู่ข้างนอกได้ชัดเจน พร้อมวิวเมือง 180 องศาและม่านกั้นเปิดปิดที่สามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความสามารถควบคุมแสงภายในห้องได้ตามที่ต้องการ
PLAY ROOM โซนสำหรับเกมเมอร์และผู้ที่ต้องการท่องโลกไซเบอร์ด้วยอุปกรณ์ระดับ hi-end ในพื้นที่มีขนาด 40 ตารางเมตร ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์สเปคสูง จำนวน 10 เครื่อง อุปกรณ์เกมมิ่ง และเก้าอี้เกมมิ่งระดับ hi-end DUNGEON (MOON ROOM)ห้องจัดแสดงที่มีพระจันทร์ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง พร้อมด้วยระบบควบคุมแสงและไฟสุดล้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนถูกโอบล้อม ด้วยดวงดาวและจักรวาล สามารถใช้จัดแสดงผลงานศิลปะ สินค้า NFT หรืออาร์ตทอยต่างๆ BOOST CAMP ห้องส่วนตัวพิเศษหรือห้อง VIP ที่สามารถมาตั้งตี้บูสต์อัพสกิลเพลย์ พร้อมวิวเมืองได้แบบเอ็กคลูซีฟซึ่งภายในห้องประกอบด้วยอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกคุณภาพสูง แบ่งเป็นห้องสำหรับคอเกมคอมพิวเตอร์รวมถึงฮาร์ดคอร์เกมเมอร์โดยเฉพาะพร้อมทั้งคอมพิวเตอร์สเปคสูงระดับ hi-end จำนวน 5 เครื่อง อุปกรณ์เกมมิ่ง และเก้าอี้เกมมิ่งระดับ high-end และห้องสำหรับสายเกมคอนโซลซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยเกมคอนโซลแนวเรโทรจนถึงตู้เกม arcade และเครื่องเกมยอดนิยมในยุคปัจจุบันอย่างเครื่อง Play Station และ Nintendo Switch พร้อมทีวีและโซฟาสำหรับพักผ่อนโดยห้องที่กล่าวไปนี้สามารถเป็นห้องซ้อม ห้องแข่ง ห้องประชุม หรือจัดงานปาร์ตี้ขนาดเล็กได้ PvP ROOMโซนห้องส่วนตัวพิเศษไซต์มินิ จำนวน 3 ห้อง ซึ่งห้องนี้สามารถใช้เป็นห้องแข่ง ห้องประชุม ห้องจัดเทรนนิ่ง ห้องเรียน ห้อง workshop หรือจัดปาร์ตี้ขนาดเล็กได PvE ROOMโซนห้องสตรีมมิ่งแบบส่วนตัว ภายในห้องมีคอมพิวเตอร์สเปคสูง พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการสตรีมเกมแบบครบวงจร เช่น กล้อง และการ์ดแคปเจอร์ สำหรับนักกีฬาอีสปอร์ตหรือสตรีมเมอร์ที่ต้องการยกระดับประสบการณ์การเล่นหรือการซ้อมให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม และห้อง VR Game ที่รองรับการเล่น Game VR ด้วยเครื่องคอนโซลยอดนิยม อย่าง Play Station 5 และอุปกรณ์อย่าง Play Station VR 2 www.prohubthailand.com
Go To Lead
|
NOSTRA LOGISTICS เผย 3 เทรนด์เทคโนโลยีขนส่งโลจิสติกส์มาแรงในปี 2566
นางวรินทร สีสุขดี ผู้อำนวยการส่วนผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ บริษัท จีไอเอส จำกัด กล่าวว่า จากรายงานแนวโน้มด้านธุรกิจในปี 2566 พบว่า อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ทั่วโลกจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก เช่นเดียวกับสถานการณ์ในประเทศไทย คาดการณ์ว่าในปี 2565-2567 ธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางถนนมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 3-5 ต่อปี อย่างไรก็ตาม องค์กรธุรกิจต้องเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง และนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาปรับปรุงภาพรวมการดำเนินงานของทั้งองค์กร สำหรับด้านการบริการขนส่งและโลจิสติกส์ ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันทันสมัยเข้ามาช่วยพัฒนาและปรับปรุงการทำงานของธุรกิจได้มาก ซึ่งเทคโนโลยีที่จะมีบทบาทสำคัญต่อจากนี้จะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญ คือ การเชื่อมเครือข่าย (Connect), จัดการข้อมูล (Manage) และวิเคราะห์คาดการณ์ผลลัพธ์ (Analyze & Predict) โดยจะต้องปรับปรุงระบบเทคโนโลยีการทำงานขนส่งและโลจิสติกส์ให้อยู่ภายใต้ระบบนิเวศทางเทคโนโลยีเดียวกันตลอดซัพพลายเชน (Supply Chain Technology Ecosystem) อันเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการเวลาและกิจกรรมการขนส่ง และโลจิสติกส์ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นตั้งแต่ต้นทางจนปลายทาง สอดคล้องกับ 3 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ในระดับโลกในปีนี้
1. การเชื่อมเครือข่ายภายในซัพพลายเชน (Supply Chain Network Connection) - การเชื่อมโยงและทำให้ทุกระบบจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์ทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย โดยใช้เทคโนโลยี Cloud ที่สามารถส่งถ่ายข้อมูลระหว่างระบบและเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถติดตามสถานะและข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ โดยระบบที่ทำงานร่วมกันจะมีความสามารถในงานขนส่งมากขึ้น เช่น การจับคู่ความสามารถของน้ำหนักการบรรทุกของรถขนส่งจากผู้ให้บริการหลายรายกับสินค้าที่จะจัดส่งในแต่ละเที่ยว การประเมินระยะเวลาการจัดส่ง การเลือกเส้นทางที่เหมาะสม การประเมินโอกาสการวิ่งรถเที่ยวกลับ เป็นต้น
2. นวัตกรรมระบบบริหารจัดการงานขนส่ง (Transportation Management System Innovation หรือ TMS ) - เป็นระบบบริหารจัดการงานขนส่งที่ใช้ในธุรกิจบริการขนส่งและโลจิสติกส์มานาน หัวใจสำคัญของ TMS คือ การจัดการต้นทุนการขนส่ง
ดังนั้นการพัฒนาระบบยังคงมุ่งเน้นการวิเคราะห์และบริหารทรัพยากรด้านการขนส่งสร้างเส้นทางการวิ่งรถแบบแวะหลายจุดส่ง และให้ข้อมูลตัวเลือกจากต้นทุนค่าขนส่งที่ต่ำกว่า สำหรับเทคโนโลยีใหม่ที่จะเข้ามาปรับปรุงความสามารถของ TMS ได้แก่ 1) AI เพื่อใช้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อจำกัดต่างๆ เช่น ความสามารถของการบรรทุก กฎระเบียบจราจร ชั่วโมงการขับรถ ฯลฯ ช่วยประเมินสถานการณ์พร้อมเสนอทางเลือก และวิเคราะห์ผลลัพธ์ได้แม่นยำขึ้น เช่น การประมาณเวลาที่รถขนส่งจะมาถึงปลายทาง (ETA) 2) IoT การใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์และระบบจัดการการขนส่งและโลจิสติกส์แบบเรียลไทม์ ช่วยให้การบริหารธุรกิจคล่องตัวและมีประสิทธิภาพโดยการปรับปรุงระบบให้สามารถตรวจสอบและจัดการกับสินทรัพย์และยานพาหนะได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที 3. การจัดการช่วงเวลาเข้าออกของรถบรรทุกสินค้า (Time Slot Management) ถือเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสำคัญมากขึ้นในงานขนส่ง เนื่องจากการพัฒนาระบบการทำงานที่มีข้อมูลอัปเดตช่วงเวลาเข้าออกของรถบรรทุกสินค้าจะช่วยให้สามารถจัดทรัพยากรในคลังสินค้า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรถบรรทุกที่จะเข้ามาได้โดยสะดวกและรวดเร็ว เช่น ข้อมูลการประมาณเวลาที่รถจะเข้าถึงคลังสินค้า (ETA) ตำแหน่งที่จอดรถรับส่งสินค้าภายในคลังสินค้า พิกัดท่าสินค้าที่รถบรรทุกกำลังมาถึง ฯลฯ นอกจากนี้ บางธุรกิจ รถขนส่งสินค้ามีหน้าที่ส่งตรงวัตถุดิบ หรืออะไหล่เข้าสู่สายการผลิตโดยตรง ฉะนั้นเวลาในการเข้าถึงจุดส่งสินค้าจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อไม่ให้กระทบกับการผลิต อีกทั้งการใช้ระบบที่มีความสามารถในการจัดการช่วงเวลาจะสามารถลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น เหตุฉุกเฉิน การจราจรติดขัด เหตุพลาดการนัดหมาย ด้วยระบบจะจัดเวลาการจัดส่งใหม่และแก้ไขการนัดหมาย ทำให้มีข้อมูลอัปเดตอย่างทันท่วงทีและไม่เสียเวลารอคอย
นางวรินทร กล่าวว่า ปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ ตระหนักถึงประโยชน์ของการปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น และมองหาโซลูชันเทคโนโลยีที่สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับองค์กร NOSTRA LOGISTICS ในฐานะเชี่ยวชาญด้านโซลูชันและแพลตฟอร์มด้านการบริหารจัดการงานขนส่งและโลจิสติกส์แบบครบวงจร พร้อมเดินหน้าสนับสนุนและให้บริการระบบต่าง ๆ ที่รองรับการทำงานขนส่งให้แก่ธุรกิจทุกขนาด อย่างครบถ้วนในที่เดียว อาทิ ระบบติดตามยานพาหนะแบบติดตั้งกล่อง GPS, ระบบติดตามพนักงานขนส่งผ่านสมาร์ตโฟนด้วย ePOD Application, เทคโนโลยีตรวจสอบแจ้งเตือนความปลอดภัยด้วยระบบ All In One, กล้อง MDVR และอุปกรณ์เทเลเมติกส์, ระบบบริหารจัดการงานขนส่งอัตโนมัติ (TMS) หรือแม้แต่ระบบจัดการงานซ่อมบำรุงผ่านสมาร์ตโฟน MMS Application ฯลฯ ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม NOSTRA LOGISTICS ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลงานขนส่งและโลจิสติกส์ และเชื่อมโยงการทำงานทุกระบบเข้าด้วยกันทั้งภายในและภายนอกองค์กร เช่น ระบบ EMS, WMS หรือระบบ GPS Tracking จากหลากหลายผู้ให้บริการ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ คาดการณ์และนำเสนอทางเลือก ตลอดจนสรุปรายงานพร้อมแดชบอร์ดแสดงผลที่เข้าใจง่าย พร้อมใช้งานNOSTRA LOGISTICS พร้อมเดินหน้าการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบริหารการขนส่งและโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมุ่งศึกษาและนำนวัตกรรมสมัยใหม่มาปรับปรุงพัฒนาความสามารถของระบบให้ทันสมัย รวมทั้งการหาแนวทางปิด pain point สนับสนุนการแก้ปัญหาโดยใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบโจทย์การทำงานภาคธุรกิจอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเป้าหมายที่จะสร้างให้เกิดความยั่งยืนในภาพอุตสาหกรรมองค์รวมต่อไป นางวรินทรกล่าวทิ้ง
Go To Lead
|
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จัดงาน Innovation Day: Industrial Solutions 2023
นายเผดิมศักดิ์ รัตนเรืองศักดิ์ รองประธาน ธุรกิจ Power Products ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ไทย ลาว และเมียนมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดเผยว่า การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล นับเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลกในยุคนี้ เพราะเป็นการปูพื้นฐานสำหรับการสร้างความยั่งยืนในอนาคต ทั้งช่วยลดต้นทุนความเป็นเจ้าของ และต้นทุนด้านการบำรุงรักษา ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการได้ รวมไปถึงกฎเกณฑ์ทางการค้าจะยิ่งมีความเข้มงวดมากขึ้นในเรื่องของความยั่งยืน การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลของโรงงานนับเป็นโอกาสในการทำธุรกิจในยุคนี้ก็ว่าได้ งาน Innovation Day: Industrial Solutions 2023 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จับมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรม พร้อมให้คำปรึกษาด้านการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย การจัดงาน Innovation Day: Industrial Solutions 2023 เราได้รับเกียรติจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยผลักดันไปสู่ดิจิทัล เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของประเทศในอนาคต เป็นการเตรียมความพร้อมด้านการแข่งขันในอนาคตที่ต้องมีเรื่องของการสร้างความยั่งยืนในอีโคซิสเต็มเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อความเป็นต่อด้านการแข่งขันที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งการสร้างความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมไม่ได้หมายถึงความจำเป็นในการลงทุนทางด้านเทคโนโลยี IoT แบบเต็มรูปแบบ แต่เป็นการเริ่มจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แล้วค่อยมีการปรับเปลี่ยนเมื่อจำเป็น
Innovation Day: Industrial Solutions 2023 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ออกแบบหัวข้อต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเสริมศักยภาพในโรงงานปัจจุบัน อาทิ กลยุทธ์การปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันยุคในอุตสาหกรรมไทย สู่ยุคดิจิทัล เร่งเครื่องยกระดับอุตสาหกรรมไทยไปสู่ยุค IIoT กลยุทธ์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอุตสาหกรรม เพิ่มความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ ความยั่งยืน นวัตกรรมการบริหารจัดการระบบไฟฟ้ากำลัง (Innovation of Power System Management) การบริการด้านการจัดการระบบไฟฟ้าเชิงรุก วิเคราะห์ คาดการณ์ ลดดาวน์ไทม์ ในยุคดิจิทัล (Digital Services) ยกระดับภาคการผลิตในอุตสาหกรรมด้วย Integrated Solutions for Automation ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยเทคโนโลยี AVEVA
โดยงานดังกล่าวตั้งเป้าไว้ที่ 5 จังหวัดเมืองอุตสาหกรรม ได้แก่ วันที่ 23 มีนาคม งานมีขึ้นที่ พัฒนากอล์ฟคลับ แอนด์ รีสอร์ท จังหวัดชลบุรี ลงทะเบียนที่นี่ วันที่ 27 เมษายน งานมีขึ้นที่ โรงแรมฟอร์จูน โคราช จังหวัดนครราชสีมา ลงทะเบียนที่นี่ วันที่ 18 พฤษภาคม งานมีขึ้นที่ โรงแรมสยามออเรียนทัล อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ลงทะเบียนที่นี่ วันที่ 1 มิถุนายน งานมีขึ้นที่ โรงแรมแกรนด์ปา แอนด์ รีสอร์ท ลําพูน จังหวัดลำพูน ลงทะเบียนที่นี่ วันที่ 15 มิถุนายน งานมีขึ้นที่ ซัมมิท วินด์มิลล์ กอล์ฟ คลับ จังหวัดสมุทรปราการ ลงทะเบียนที่นี่
Go To Lead
|
แคนนอน บริการพิเศษ ตรวจเช็ค ทำความสะอาด ซ่อมกล้อง/อุปกรณ์เสริมแบบเอ็กซ์เพรส
บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด (Canon) รู้ใจช่างภาพและนักเดินทางที่กำลังเตรียมตัวออกทริปในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวเดือนเมษายน พร้อมเปิดให้บริการพิเศษ ทำความสะอาด/ตรวจเช็ค/ซ่อมด่วน Canon Express Checkup, Cleaning and Repair Services ณ ศูนย์บริการแคนนอน สำนักงานใหญ่ อาคารสาทรสแควร์ทาวเวอร์ ชั้น 24 ตั้งแต่วันที่ 3-20 เมษายน 2566 (ยกเว้นวันหยุดสุดสัปดาห์ วันหยุดนักขัตฤกษ์) พร้อมข้อเสนอ ฟรี! ค่าแรง ดังนี้
ฟรี! บริการตรวจเช็คและทำความสะอาดกล้อง เลนส์ และอุปกรณ์เสริมของแคนนอนแบบเอ็กซ์เพรส สำหรับสินค้าที่ยังอยู่ในระยะประกันศูนย์ (สำหรับสินค้านอกประกันมีค่าบริการ 531 บาท
ฟรี! ค่าแรงมูลค่า 535 บาท เมื่อใช้บริการซ่อมด่วนแบบเอ็กซ์เพรส (กรณีที่มีอะไหล่พร้อมซ่อม) สำหรับสินค้าทั้งในและนอกประกัน
ผู้ที่สนใจเข้ารับบริการ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์แคนนอน https://life.th.canon/news-activities-detail.html?id=78 หรือโทรสอบถาม Canon Call Center โทร. 02- 344-9999 หรือที่ Line Official @CanonThailand
Go To Lead
|
IT CLICK |
OPPO Find N2 Flip
OPPO Find N2 Flip สุดล้ำ
สมาร์ตโฟนจอพับรุ่นแรก ดีไซน์และฟังก์ชั่น
โดดเด่น หน้าจอด้านนอกขนาดใหญ่ที่สุด
3.26 นิ้ว เช็คการแจ้งเตือนหรือตอบกลับข้อความ
ทำได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอหลัก พับปิดสนิทไร้ช่องว่าง
ด้วยนวัตกรรม Flexion Hinge
พับได้ถึง 400,000 ครั้ง เทียบเท่าการใช้งานถึง
100 ครั้งต่อวัน เป็นเวลาถึง 10 ปี พกพาสะดวก
ตัวเครื่องที่มีน้ำหนักเพียง 191 กรัม บางเพียง 7.45 มม.
เมื่อพับครึ่ง ราคา 29,990 บาท ที่ OPPO
Brand Shopทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
|
[ENGLISH]
|