Finance/share
Hot News: กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ "เร่ง"พัฒนาผลิตภัณฑ์
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์
"เร่ง"พัฒนาผลิตภัณฑ์
กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ มุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลิตภัณฑ์ปริวรรตเงินตราต่างประเทศ รวมถึงบริการผ่านช่องทางดิจิทัล โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 แม้มูลค่าการส่งออกและนำเข้าของไทยจะเติบโตไม่สูงนัก แต่ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ ทำให้ปริมาณธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกรุงศรีเพิ่มขึ้นถึง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
นายฮิโรทากะ คุโรกิ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) เปิดเผยกับ ไอคลิกนิวส์ดอทคอม www.iclicknews.com ว่า ปริมาณธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของกรุงศรีเพิ่มขึ้นถึง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยเฉพาะการทำธุรกรรมออนไลน์ มีสัดส่วน 80 % เพิ่มขึ้นจากเดิม
กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ยังได้พัฒนาและขยายการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณและยอดธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ จำนวนลูกค้านิติบุคคลที่ทำธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านช่องทาง e-platform FX@Krungsri ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 129% และเพิ่มขึ้นอีก 66% ในครึ่งปีแรกของปีนี้ ปัจจุบัน ธุรกรรมการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ทำรายการผ่าน FX@Krungsri มีจำนวนเพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา และการทำธุรกรรมของลูกค้ารายย่อยผ่านแอปพลิเคชัน KMA krungsri app ที่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมโอนเงินต่างประเทศได้ถึง 15 สกุลเงินนั้น ยังคงมีการเติบโตอย่างมั่นคง โดยในปี 2566 มียอดธุรกรรมมากกว่า 35,000 รายการ
ภาพรวม ปี 2566 กรุงศรีมีกำไรจากธุรกรรมเพื่อการค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศสูงถึง 5,732 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21% จากปี 2565 สะท้อนความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการในด้านต่างๆ รวมทั้งการสนับสนุนเรื่อง ESG การขยายธุรกิจสกุลเงินตลาดเกิดใหม่ และการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ และสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของลูกค้าและประเทศไทย
สนับสนุนการดำเนินงานด้าน ESG สำหรับ ESG ในปี 2566 ที่ผ่านมา กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ได้มีส่วนในการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Green & Blue Bond) เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล จำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเงินทุนที่ได้จากการนี้ทั้งหมดได้ถูกนำไปสนับสนุนสินเชื่อให้ลูกค้าในกิจการที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมในช่วงต่อมา
“กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาประเทศไทยและการเติบโตอย่างยั่งยืนของลูกค้าโดยผสานความร่วมมือกับ MUFG นำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันทางการเงิน เพื่อสนับสนุนลูกค้าในการขยายการลงทุนและธุรกิจและการดำเนินการด้าน ESG ในอาเซียน เช่น ESG-Linked Derivatives เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยจากการกู้ยืม ในขณะเดียวกัน ยังได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติมตามระดับความสำเร็จของเป้าหมาย ESG ที่ลูกค้าตั้งไว้ ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการความสนใจจากลูกค้านิติบุคคลที่มีการดำเนินการด้าน ESG เป็นอย่างดี และในปีนี้เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนการดำเนินการด้าน ESG ต่อไปในอนาคต” นายคุโรกิ กล่าวย้ำ
เสริมความแข็งแกร่งด้านผลิตภัณฑ์และบริการปริวรรตเงินตราต่างประเทศ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กรุงศรีพบว่าความต้องการของลูกค้าในการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในสกุลเงินอื่นนอกเหนือจากเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ จึงได้ขยายการให้บริการเงินสกุลเงินดีร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (AED) ไปเมื่อต้นปีนี้ เพิ่มเติมจากสกุลเงินแรนด์แอฟริกาใต้ (ZAR) และดองเวียดนาม (VND) ที่ได้เริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
ภาพรวม ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ 2.4% โดยมูลค่าการส่งออกและนำเข้าในช่วงไตรมาสแรกของปีโตขึ้นเพียง 1% อย่างไรก็ตาม ปริมาณธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในช่วงเดียวกันในปีนี้ของกรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ ได้เพิ่มขึ้นถึง 13%“เราจะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ๆ ของลูกค้า และจะดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้ประเทศไทยต่อไป” นายคุโรกิ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับภาพรวมของสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อํานวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า “นักกลยุทธ์กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์ประเมินว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เงินบาทอ่อนค่าลงขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ รับมือกับภาวะดอกเบี้ยสูงได้ดีเกินคาด เมื่อมองไปข้างหน้า คาดว่าสัญญาณชะลอตัวของเงินเฟ้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะชัดเจนมากขึ้น เอื้อให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ตัดสินใจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายไตรมาสสามของปีนี้เป็นต้นไป มุมมองอัตราแลกเปลี่ยนของเราอยู่บนสมมติฐานหลักที่ว่าเฟดจะหันมาใช้นโยบายที่เข้มงวดน้อยลงและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลดความร้อนแรงตามวัฏจักร (Soft Landing) อย่างไรก็ดี ปัจจัยลบนอกสหรัฐฯ อาทิ ความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับสถานะการคลังของประเทศแกนหลักในกลุ่มยูโรโซน และอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงติดลบอย่างมีนัยสำคัญในญี่ปุ่น อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ได้แรงหนุนต่อไปในระยะสั้น อนึ่ง เรามองว่าค่าเงินบาทจะสามารถฟื้นตัวได้ก่อนสิ้นปีนี้จากการกลับทิศของนโยบายเฟด และแรงส่งจากภาคท่องเที่ยว”
“เราประมาณการค่าเงินบาทในไตรมาสสุดท้ายของปีผันผวนในกรอบ 34.50-36.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐอย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัดท่ามกลางศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ขาดความโดดเด่น กระแสเงินทุนไหลออกต่อเนื่อง รวมถึงประเด็นความท้าทายจากทิศทางการค้าโลกในระยะถัดไป นอกจากนี้ เราตั้งข้อสังเกตไปไกลกว่าสถานการณ์เชิงวัฏจักร ว่าแม้การกลับมาของนักท่องเที่ยวหลังวิกฤติโรคระบาดจะช่วยพยุงเงินบาทไม่ให้อ่อนค่ารุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ รวมถึงทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง สัดส่วนหนี้ต่างประเทศต่ำ แต่หากปัญหาเชิงโครงสร้างซึ่งฉุดรั้งขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ระดับการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจะโน้มต่ำลงในระยะยาว บั่นทอนภูมิคุ้มกันค่าเงินบาทในที่สุด สำหรับนโยบายการเงินของไทย เราประเมินว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.50% ตลอดปีนี้ โดยการสื่อสารของผู้ดำเนินนโยบายต่อผู้ร่วมตลาดสะท้อนความสำคัญของการดูแลเสถียรภาพ ลดการสะสมความเปราะบางของเศรษฐกิจการเงินในระยะกลางถึงยาว” นางสาวรุ่ง กล่าว

Go To Lead


EXIM BANK ทุ่ม 2,000 ล้าน โครงการ
พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมธุรกิจโลจิสติกส์
สู่ความยั่งยืนของ WHA Group
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ในการนี้ WHA Group ได้รับการสนับสนุนเงินกู้จาก EXIM BANK เพื่อต่อยอดธุรกิจโลจิสติกส์ โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี 2593 สอดคล้องกับแนวคิด “Green Logistics” โดยบริษัทเปิดให้บริการโครงการโมบิลิกซ์ (Mobilix) กรีนโลจิสติกส์โซลูชัน เพื่อให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร รวมถึงมุ่งเน้นการบริหารคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าด้วยเทคโนโลยีทันสมัย การใช้พลังงานทดแทน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการบริหารจัดการของเสียเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยยกระดับธุรกิจโลจิสติกส์ของไทยสู่ความยั่งยืน
นอกจากนี้ WHA Group มีแผนในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจของทุกกลุ่มธุรกิจตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อส่งเสริมการสร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของชุมชน สังคม และประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของ EXIM BANK สู่การเป็น Green Development Bank

Go To Lead


ทีทีบี มอบสิทธิพิเศษ
ลูกค้าเปิดบัญชีใหม่ผ่านแอป ttb touch
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มุ่งตอบโจทย์ด้านการทำธุรกรรมสกุลเงินตราต่างประเทศ ให้ลูกค้าออมเงินเพื่อรับดอกเบี้ยสูง ลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน จัดเต็มโดยมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเพียงเปิด “บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ ประเภทออมทรัพย์ แบบ e-Saving สกุลเงิน US Dollar” ผ่านแอป ttb touch รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษสูงถึง 4.10% ต่อปี* โปรโมชันตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2567 โดยรับดอกเบี้ยพิเศษถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ทีทีบี พร้อมนำเสนอโซลูชันทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ด้านการทำธุรกรรมสกุลเงินตราต่างประเทศสำหรับลูกค้า จัดแคมเปญ “มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชี FCD e-Saving สกุลเงิน USD ใหม่” เพียงเปิดบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ ประเภทออมทรัพย์ แบบ e-Saving สกุลเงิน US Dollar รับดอกเบี้ยพิเศษสูงถึง 4.10% ต่อปี* พร้อมบริการ FX Advisory แนะนำบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยผู้เชี่ยวชาญ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการออมเงิน พร้อมจัดการธุรกรรมค่าใช้จ่ายต่างประเทศได้ง่าย สะดวกสบาย และคุ้มค่า ผ่านแอป ttb touch เพื่อช่วยให้ลูกค้าต่อยอดความมั่งคั่งได้ทุกมิติ
บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ ประเภทออมทรัพย์ แบบ e-Saving หรือ บัญชี FCD e-Saving ประเภทออมทรัพย์ เป็นบัญชีที่ตอบโจทย์ด้านการทำธุรกรรมสกุลเงินตราต่างประเทศ ที่จะช่วยต่อยอดความมั่งคั่งครบทุกมิติสู่ความสำเร็จไม่มีที่สิ้นสุดให้กับกลุ่มลูกค้า Wealth เพิ่มโอกาสในการออมเงินเพื่อรับดอกเบี้ยสูง และกลุ่มลูกค้าที่มีธุรกิจนำเข้า-ส่งออกที่มีรายรับ-รายจ่าย หรือทำธุรกรรมที่มีการใช้จ่ายเป็นเงินสกุลเงินตราต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ บัญชี FCD e-Saving ยังช่วยจัดการค่าใช้จ่ายการศึกษาบุตรหลานที่ต่างประเทศได้อย่างสะดวกคุ้มค่า เพียงลูกค้ามีบัญชีเงินฝากสกุลเงินบาท (บัญชีเงินฝาก ทีทีบี เบสิก, ทีทีบี ออลล์ฟรี, ทีทีบี โน ฟิกซ์, ทีทีบี มีเซฟ) เพื่อใช้โอนเข้าบัญชี FCD e-Saving ที่เปิดใหม่ ผ่านแอป ttb touch โดยเปิดบัญชีครั้งแรก จำนวนเงินฝากขั้นต่ำ 20,000 บาท หรือเทียบเท่า โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนของธนาคาร ฝากเพิ่มครั้งต่อไปไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท หรือเทียบเท่า เพื่อให้สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินตราต่างประเทศแบบคุ้ม ๆ และนอกจากสกุลเงิน USD แล้วยังรองรับการเปิดบัญชี FCD e-Saving ผ่านแอป ttb touch สกุลเงินอื่น ๆ ได้อีก 4 สกุลเงิน ได้แก่ EUR, AUD, GBP, JPY (อัตราดอกเบี้ยตามประกาศธนาคาร)
*อัตราดอกเบี้ยบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ ประเภทออมทรัพย์แบบ e-Saving สกุลเงิน US Dollar สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดา อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยตามประกาศธนาคาร ณ วันที่ 5 ก.ค. 2567 อัตราดอกเบี้ยปกติ 2.10% ต่อปี (เปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศของธนาคาร) และรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มอีก 2.0% ต่อปี ณ วันทำการที่ 5 นับจากวันที่เปิดบัญชีและฝากเงินสำเร็จ รวมเป็น 4.10% ต่อปี โดยวันที่เปิดบัญชีสำเร็จจนถึงวันทำการที่ 4 รับอัตราดอกเบี้ยปกติตามประกาศของธนาคาร รับดอกเบี้ยพิเศษ ถึง 30 พ.ย. 67 สำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีใหม่ผ่าน แอป ttb touch เท่านั้น เงื่อนไข และอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด สามารถเรียกดูข้อมูลประกาศอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันได้ทางเว็บไซต์ธนาคาร สนใจเปิดบัญชีผ่านแอป ttb touch คลิก https://www.ttbbank.com/link/ttbreserve/openacc/fcdesaving

Go To Lead


LH Bank จัดโปรโมชัน
เงินฝากออมทรัพย์คุ้มครอง 30 โรคร้าย
ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากที่ธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ที่สร้างความคุ้มค่าทั้งเก็บออมและมอบสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองถึง 30 โรคร้าย ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน ได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบันของธนาคาร จึงได้ขอบคุณลูกค้าโดยการมอบโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีออมทรัพย์คุ้มครองโรคร้าย “LHB Health Care Savings” และฝากเงินตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2567 รับฟรีกระเป๋าเดินทาง (Travel Bag) สิทธิ์ที่ 1 รับ Travel Bag ขนาด 12 นิ้ว (มูลค่า 1,000 บาท) เมื่อเปิดบัญชีและฝากเงินในวันที่เปิดบัญชีครั้งแรก ตั้งแต่ 100,000 – 499,999 บาท สิทธ์ที่ 2 รับ Travel Bag ขนาด 17 นิ้ว (มูลค่า 2,500 บาท) เมื่อเปิดบัญชีและฝากเงินในวันที่เปิดบัญชีครั้งแรก ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป
ความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์คุ้มครองโรคร้าย หรือ “LHB Health Care Savings” คือ เจอ จ่าย จริง ซึ่งลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองถึง 30 โรคร้าย วงเงินคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท โดยลูกค้าไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกัน และยังได้รับดอกเบี้ยทุกเดือน อัตราดอกเบี้ย 0.75% ต่อปี* ฝาก ถอน โอน จ่าย สะดวกผ่านแอป LHB You ยิ่งฝากมาก ยิ่งรับความคุ้มครอง
ลูกค้าที่สนใจสามารถเปิดบัญชีได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ LH Bank ทุกสาขา ฝากขั้นต่ำเพียง 100,000 บาท สำหรับบุคคลธรรมดาที่มีอายุตั้งแต่ 18 – 65 ปี ไม่จำกัดจำนวนเงินฝากสูงสุด สิทธิประโยชน์จำกัด 1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์ และผู้ฝากเงินจะต้องผ่านเกณฑ์การรับประกันจาก บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เพื่อรับสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.lhbank.co.th หรือ สอบถามโทร. 1327

Go To Lead


ธนาคารกรุงเทพ -ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ
สภากาชาดไทย ตั้งหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่
“80 แสนซีซี x 2”- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัดตั้งหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3/2567 ภายใต้กิจกรรม “80 แสนซีซี x 2” ในโครงการ “80 แสนซีซี 80 ปีธนาคารกรุงเทพ” เพื่ออำนวยความสะดวกรับบริจาคโลหิตให้กับผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และผู้สนใจ โอกาสนี้ นางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ นางสาวเพ็ญมาศ เฮงปริญญาธร เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ผู้จัดการ ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ และนางสาวชลิตา พงษ์รูป เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Assistant Vice President วางแผนภาษี นำทีมผู้บริหารและพนักงานชาวบัวหลวง ร่วมบริจาคโลหิต เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตสำรองคงคลังของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ณ ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ สีลม
ปัจจุบัน (ณ 17 กรกฎาคม 2567 ) โครงการ “80 แสนซีซี 80 ปีธนาคารกรุงเทพ” ได้ส่งมอบโลหิตไปแล้ว 10,934,000 ซีซี จากผู้เข้าร่วมบริจาคทั้งหมด 27,335 ราย ซึ่งมาจากความร่วมขององค์กรพันธมิตรชั้นนำ ผู้บริหาร พนักงาน และประชาชนทั่วไป ที่ตระหนักถึงความสำคัญในการเป็น “ผู้ให้” เพื่อช่วย บรรเทาปัญหาโลหิตสำรองคงคลังไม่เพียงพอต่อความต้องการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ สะสมจำนวนซีซี ธนาคารกรุงเทพ และศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า และผู้สนใจ เข้าร่วมกิจกรรม “80 แสนซีซี x 2” โดยสามารถร่วมบริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ และโรงพยาบาลแต่ละจังหวัดที่เป็นโรงพยาบาลสาขาบริการโลหิต เพียงสแกนคิวอาร์โค้ด กรอกข้อมูล ร่วมสะสมจำนวนซีซี กับ โครงการ “80 แสนซีซี 80 ปี ธนาคารกรุงเทพ” ธนาคารกรุงเทพร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จะจัดตั้งหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ณ ธนาคารกรุงเทพ อาคารสำนักงานใหญ่ สีลม และ อาคารพระราม 3 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สนใจร่วมบริจาคโลหิตในพื้นที่ใกล้เคียง เป็นประจำต่อเนื่องทุก 3 เดือน จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2567 สอบถามข้อมูลและกำหนดวันตั้งหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ณ ธนาคารกรุงเทพ อาคารสำนักงานใหญ่สีลม และอาคารพระราม 3 ได้ที่ธนาคารกรุงเทพ โทร.1333 หรือ 0-2645-5555

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com