|
FSMARTดันธุรกรรม ผ่าน Banking Agent
ธนาคารกรุงเทพ ต่อยอดFSMART ผู้ให้บริการตู้บุญเติม เปิดให้บริการรับฝากเงินสดผ่านเคาน์เตอร์ CenPay powered by บุญเติม ณ จุดบริการใน ท็อปส์ รวมกว่า 700 สาขา ดันยอดธุรกรรมผ่าน Banking Agent โตกว่า 20%
นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารมุ่งมั่นขยายช่องทางบริการทางการเงินให้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยล่าสุดได้ขยายความร่วมมือ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) FSMART ในฐานะ Banking Agent ของธนาคาร เพื่อให้บริการรับฝากเงินสด ผ่าน CenPay powered by บุญเติม ณ เคาน์เตอร์แคชเชียร์ในสาขาท็อปส์ รูปแบบต่างๆ รวมกว่า 700 จุดทั่วประเทศ ทั้งท็อปส์ ฟู๊ดฮอลล์ และท็อปส์ ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 08.00-22.00 น. และท็อปส์เดลี่ ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุคปัจจุบันที่สามารถเลือกซื้อสินค้าพร้อมทำธุรกรรมการเงินง่ายๆ ได้ในที่เดียวกัน โดยไม่ต้องไปสาขา รวมถึงกลุ่มคนที่มีเวลาจำกัดก็จะมีทางเลือกที่ยืดหยุ่นมากขึ้น แม้ในช่วงนอกเวลาทำการของสาขาก็ยังสามารถทำธุรกรรมได้ และกลุ่มคนที่รับเงินสดบ่อยๆ ก็สามารถฝากเงินได้ทันที ทั้งยังมั่นใจได้ในมาตรฐานความปลอดภัยระดับเดียวกับธนาคาร
ความร่วมมือกับ FSMART นับเป็นตัวอย่างที่ดีเพื่อชี้ให้เห็นว่าเราร่วมมือกันเพื่อพัฒนาและต่อยอดบริการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2566 ที่เปิดให้บริการธุรกรรมผ่าน ตู้บุญเติม ทั้งการฝากเงินสด และยืนยันตัวตน รวมกว่า 95,000 จุดทั่วประเทศ จนมาถึงบริการรับฝากเงินสดผ่าน CenPay powered by บุญเติม ในครั้งนี้ โดยยึดพื้นฐานความเข้าใจลูกค้าเป้าหมายและพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ ภายใต้บทบาทความเป็น เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ที่เคียงข้างทุกเรื่องการเงินที่สะดวกสบายและปลอดภัยสำหรับลูกค้าทุกกลุ่มมาตลอด 80 ปี
นางปรัศนี กล่าวว่า การให้บริการผ่าน Banking Agent เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ธนาคารนำเสนอบริการทางการเงินแก่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึง โดยปัจจุบันธนาคารให้บริการธุรกรรมฝาก-ถอนเงินสด และยืนยันตัวตน ผ่าน Banking Agent แล้วรวมกว่า 163,000 จุดทั่วประเทศ มีปริมาณทำธุรกรรมเติบโตเฉลี่ยปีละ 17% และยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งยังมั่นใจว่าภายใต้แผนงานในปี 2568 ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ จะช่วยเพิ่มปริมาณธุรกรรมผ่าน Banking Agent โดยคาดว่าจะเติบโตขึ้นได้ 20%
นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) FSMART ผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติและการเงินครบวงจร ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย ภายใต้ชื่อ บุญเติม กล่าวว่า FSMART ในฐานะ Banking Agent ของ ธนาคารกรุงเทพ ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะร่วมกันพัฒนาช่องทางการให้บริการทำธุรกรรมการเงิน ทั้งฝาก-ถอนเงินสด และยืนยันตัวตน ภายใต้รูปแบบการให้บริการของ FSMART ทั้ง ตู้บุญเติม และล่าสุด CenPay powered by บุญเติม เพื่อตอบโจทย์การทำธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าในทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่นิยมมาเลือกซื้อสินค้าที่ ท็อปส์ ฟู๊ดฮอลล์ ท็อปส์ และท็อปส์เดลี่ ก็สามารถทำธุรกรรมฝากเงินสดได้ง่ายๆ ผ่าน CenPay powered by บุญเติม โดยเริ่มต้นขั้นต่ำตั้งแต่ 1 บาท และสูงสุด 10,000 บาท/รายการ/วัน/บัญชี พร้อมยืนยันดำเนินการภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยเดียวกับการให้บริการผ่านสาขาธนาคาร ดังนั้นลูกค้าจึงสามารถใช้บริการฝากเงินสด ผ่าน CenPay powered by บุญเติม ได้อย่างมั่นใจ
FSMART และ ธนาคารกรุงเทพ เราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อส่งมอบช่องทางในการทำธุรกรรมทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมให้กับลูกค้า ซึ่งจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวก และคล่องตัว โดย FSMART มีจุดแข็งในเรื่องของระบบ Ecosystem และจุดให้บริการที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เมื่อรวมกับจุดแข็งของธนาคารกรุงเทพ ยิ่งทำให้ลูกค้าของธนาคารได้รับความสะดวกและคล่องตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งยังสร้างโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งของธนาคารกรุงเทพ และของ FSMART ในอนาคต นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
ลูกค้าธนาคารกรุงเทพ สามารถใช้บริการฝากเงินสด ผ่าน CenPay powered by บุญเติม ได้ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ใน ท็อปส์ ฟู๊ดฮอลล์, ท็อปส์ และท็อปส์เดลี่ รวม 700 สาขาทั่วประเทศ เพียงใช้บัตรประชาชน เลขที่บัญชีเงินฝาก และหมายเลขโทรศัพท์ของผู้นำฝาก โดยสามารถฝากเงินได้ ตั้งแต่ 1 10,000 บาท/รายการ สูงสุด 10,000 บาท/วัน/บัญชี เมื่อทำรายการฝากเงินเรียบร้อย ลูกค้าจะได้รับสลิปเป็นหลักฐานในการฝากเงิน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ CenPay powered by บุญเติม โทร. 1220 หรือ ธนาคารกรุงเทพ โทร. 1333 หรือ 0-2645-5555 หรือ www.bangkokbank.com
Go To Lead
|
'ญาญ่า'เปิดตัวแคมเปญใหม่ พรอมิส สมัครกู้เงินได้สะดวกและง่ายขึ้นผ่านแอป
บริษัท พรอมิส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิส เดินหน้าสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ด้วยการเปิดตัวแคมเปญใหม่ที่มาในคอนเซปต์ กู้เงินปลอดภัยอุ่นใจที่พรอมิส เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ลูกค้าสามารถสมัครสินเชื่อพรอมิสได้อย่างมั่นใจปลอดภัย สะดวกและง่ายขึ้นผ่านแอปพลิเคชัน พร้อมการอนุมัติสินเชื่อที่ไวทันใจใน 1 ชั่วโมง* โดยมี คุณญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรีเซนเตอร์คนสำคัญที่อยู่กับพรอมิสมาอย่างยาวนานมาถ่ายทอดการให้บริการที่อุ่นใจ ผ่านโฆษณาของพรอมิส ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ได้มากขึ้น จุดเด่นของแคมเปญ แอปพรอมิสสมัครง่ายได้ทุกที่ กู้พรอมิสอนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง* พรอมิสอนุมัติวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท* สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสยังคงมุ่งมั่นให้บริการสินเชื่อที่โปร่งใสและเป็นไปตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมพัฒนาการบริการให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ผู้ที่สนใจสมัครสินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.promise.co.th หรือแอปฯ PROMISE ผู้ที่ใช้บริการระบบปฏิบัติการ IOS สามารถดาวน์โหลดได้ที่ App Store และผู้ที่ใช้บริการระบบปฏิบัติการ Android สามารถดาวน์โหลดได้ที่ Google Play สินเชื่อส่วนบุคคลพรอมิสเคียงข้างคุณทุกก้าวเดิน กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว ดอกเบี้ย 15%-25% ต่อปี? กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนการสมัครที่[promise.co.th]promise.co.th เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด หากยื่นเอกสารครบถ้วนภายใน 18:00 น. และไม่มีเหตุขัดข้องด้านเอกสารหรือระบบ จะสามารถอนุมัติได้ภายใน 1 ชั่วโมง หรือภายในวันถัดไป
Go To Lead
|
KBank ร่วมกับ EGAT และ INNOPOWER เปิดตัว GreenPass แพลตฟอร์มลงทะเบียนและขาย REC สำหรับลูกค้ารายย่อยที่ติดโซลาร์
ธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) และ INNOPOWER เดินหน้าส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เปิดตัว GreenPass แพลตฟอร์มขึ้นทะเบียนและขายใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) สำหรับธุรกิจ SME และลูกค้ารายย่อย เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจ SME และลูกค้ารายย่อยที่ใช้พลังงานสะอาดจากโซลาร์รูฟท็อป สามารถสร้างรายได้เพิ่มจากการขาย REC ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการเปิดตัว GreenPass เป็นการสนับสนุนให้ธุรกิจ SME และลูกค้ารายย่อยได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปนอกเหนือจากการลดค่าไฟ และขายไฟคืน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความยั่งยืนทางพลังงานในระดับประเทศอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ Net Zero ได้ชัดเจนมากขึ้น
นายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดพลังงานสะอาดในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งคาดว่ามูลค่าตลาดจะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 26% ในช่วงปี 2567-2576 และภายในปี 2571 จะมีการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปอีกกว่า 200,000 ราย แต่ในปัจจุบันมีลูกค้ารายย่อยที่ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปกว่า 30,000 ราย ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนรับสิทธิ์ REC เพราะการขึ้นทะเบียน REC สำหรับรายย่อยยังมีกระบวนการที่ดูซับซ้อนและยากต่อการทำความเข้าใจสำหรับลูกค้ารายย่อย ธนาคารกสิกรไทยมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Net Zero จึงได้พัฒนา GreenPass ขึ้นมา ร่วมกับพันธมิตรอย่าง EGAT และ INNOPOWER
แพลตฟอร์ม GreenPass จะช่วยให้ผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยสามารถขึ้นทะเบียนและซื้อขาย REC ได้ง่ายและสะดวก โดยการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปขนาด 5 กิโลวัตต์ สามารถสร้างรายได้จาก REC เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 1,000-1,500 บาทต่อสัญญาการขึ้นทะเบียน นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยลดระยะเวลาคืนทุนและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า EGAT ในฐานะที่เป็นหน่วยงานผู้รับรอง REC ของประเทศไทย ตามมาตรฐาน I-TRACK หรือ I-REC(E) ของ The International Tracking Standard Foundation (Founder of I-REC) เห็นว่า REC สามารถนำมาสร้างเป็นรายได้หรือสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมนอกจากการลดต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าจากการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้ และเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการผลักดันให้เกิดการผลิตและการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาเราจะเห็นว่ามีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่มาขึ้นทะเบียนเป็นจำนวนมาก แต่ในปัจจุบันเริ่มมีโครงการขนาดเล็กซึ่งรวมถึงโครงการโซลาร์รูฟท็อปให้ความสนใจที่จะขึ้นทะเบียน REC กันมากขึ้น EGAT จึงเล็งเห็นโอกาสในการสนับสนุนให้รายย่อยมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์จาก REC นี้ด้วยเช่นกัน จึงเกิดความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้ผู้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปรายย่อยสามารถเข้าถึงการขึ้นทะเบียน REC ได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ EGAT ยังได้พัฒนา REC Issuer Platform ขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการรับรอง REC เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ได้อย่างทันการณ์ เพื่อช่วยให้ภาคเอกชนมีทางเลือกในการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ถือเป็นการสนับสนุนการพัฒนาตลาด REC ในประเทศไทยและส่งเสริมให้เกิดการผลิตและการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ กฟผ. ในการให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อมุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด กล่าวว่า GreenPass เป็นช่องทางที่อำนวยความสะดวกให้รายย่อยสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างง่ายดายและเข้าถึงได้มากขึ้น โดย INNOPOWER ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) ในประเทศไทย และยังเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม REC Aggregator ซึ่งช่วยรวบรวมกำลังการผลิตไฟฟ้าระดับรายบุคคลและองค์กรรายย่อยที่ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในภาคครัวเรือน เพื่อให้สามารถเข้าถึงตลาดซื้อขาย REC ได้อย่างเป็นระบบ
ที่ผ่านมา ความท้าทายเรื่องค่าใช้จ่ายและเอกสารที่เกี่ยวข้องทำให้ของผู้ผลิตไฟฟ้าระดับรายบุคคลและองค์กรรายย่อยไม่สามารถเข้าถึงได้โดยตรง การร่วมมือครั้งนี้ระหว่างธนาคารกสิกรไทย EGAT และ INNOPOWER ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเปิดตลาด REC ให้ผู้ผลิตรายย่อยเข้ามามีส่วนร่วมได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังผลิตต่ำกว่า 500 กิโลวัตต์ ซึ่งมีจำนวนมากและเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงจากความนิยมติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปี
ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียน REC ผ่านแพลตฟอร์ม REC Aggregator จะช่วยให้ผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยสามารถยื่นขอใบรับรองได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยระบบจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลแบบอัตโนมัติที่ยกระดับประสิทธิภาพการตรวจสอบและรับรองเอกสารตามมาตรฐานสากล พร้อมต่อยอดสู่การเป็นแพลตฟอร์มทวนสอบ (Verification Label) ตามมาตรฐาน I-TRACK รายแรกของประเทศไทย
นายพิพิธ เอนกนิธิ กล่าวทิ้งท้ายว่า ธนาคารกสิกรไทยมุ่งมั่นสู่การเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน พร้อมผลักดันและสนับสนุนลูกค้าและคู่ค้าให้ปรับตัวสู่ความยั่งยืนไปด้วยกัน ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินสีเขียว เช่น Green Loan, Green Bond การให้ความรู้ในการปรับตัวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เช่น งานฟอรัมแห่งปี EARTH JUMP, คอร์ส NET ZERO CEO, งานสัมมนา Decarbonize Now รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยในการปรับตัว โดยล่าสุด คือ การเปิดตัวแพลตฟอร์ม GreenPass ผู้ที่สนใจขึ้นทะเบียนขาย REC ในช่วงแรกของการเปิดตัว จะต้องเป็นผู้ที่ติดตั้งโซลาร์รูฟ ท็อปโดยใช้ Invertor ของ HUAWEI ทั้งนี้ ลูกค้าธุรกิจ SME และลูกค้ารายย่อย สามารถขึ้นทะเบียนและขาย REC โดยลงทะเบียนได้ที่ LINE: @GreenPass เพื่อเริ่มต้นสร้างรายได้จากพลังงานสะอาดได้ทันที โดยไม่มีค่าใช้จ่าย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.kasikornbank.com/greenpass หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ K Contact Center 02-8888888
เกี่ยวกับใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate : REC) ใบรับรองสำหรับการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่สามารถซื้อขายได้ เพื่อยืนยันแหล่งที่ผลิตว่ามาจากพลังงานธรรมชาติ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, น้ำ และลม เป็นต้น การซื้อขายใบรับรองมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น โดย REC สามารถนำไปใช้ในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรได้ในกิจกรรมที่เกิดจากการใช้ไฟฟ้า (Scope 2 : Indirect Emission)
Go To Lead
|
รับส่วนลด 20% เมื่อจองเที่ยวบินทั่วโลก ผ่านบัตร Krungsri Boarding Card ที่ Trip.com
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าผู้ถือบัตร Krungsri Boarding Card จองเที่ยวบินทั่วโลกผ่านเว็บไซต์ https://th.trip.com/w/ksboardingcard และชำระเงินด้วยบัตร Krungsri Boarding Card รับส่วนลด 20% สูงสุด 3,000 บาท ต่อการจอง ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 31 ธันวาคม 2568
ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่https://www.krungsri.com/th/promotions/cards/travel/boarding-card-discount-trip
Go To Lead
|
ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นประเมินผลสัมฤทธิ์ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพกำกับดูแล
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ)เพื่อทบทวนและปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคของ พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาใช้ประกอบการประเมินสภาพปัญหา ความจำเป็นและความสอดคล้องกับสถานการณ์ ความคุ้มค่าและภาระที่มีต่อภาคธุรกิจและประชาชน รวมถึงอุปสรรคในการบังคับใช้กฎหมาย โดยจะนำความเห็นและข้อเสนอแนะมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับให้การกำกับดูแลตลาดทุนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทยต่อไป
การเปิดรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว เป็นไปตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 (พ.ร.บ. ประเมินผลสัมฤทธิ์ฯ) ที่กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดทำการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายอย่างน้อยทุก 5 ปี นับแต่วันที่กฎหมายนั้นมีผลบังคับใช้ หรือดำเนินการทุกรอบระยะเวลาอื่น ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง หรือเมื่อมีกรณีอื่นตามที่กำหนดใน พ.ร.บ. ประเมินผลสัมฤทธิ์ฯ นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้บนเว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=1067 และระบบกลางทางกฎหมาย https://law.go.th/listeningDetail?survey_id=NTE3OURHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ= ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทาง e-mail: nichap@sec.or.th หรือ woraboon@sec.or.th หรือ sakol@sec.or.th จนถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2568
Go To Lead
|
[ENGLISH]
|