Finance/share
Hot News: ธนาคารกรุงเทพ 'หนุน' สินเชื่อSC Asset
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
ธนาคารกรุงเทพ 'หนุน'
สินเชื่อSC Asset
ธนาคารกรุงเทพ 'หนุน'สินเชื่อSC Assetทำเลไพร์มติดถนนสุขุมวิท คือ โรงแรม “KROMO Bangkok” บริหารโดย Curio Collection by Hilton แห่งแรกในไทย และ คอนโดแฟลกชิพปิดท้ายปี “Still Sukhumvit 20”
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพในฐานะ “ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค” มุ่งมั่นสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสร้างการเติบโตเพื่อคว้าโอกาสทางธุรกิจและยกระดับมาตรฐานบริการสู่ระดับสากล โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์สำหรับกลุ่มไฮเอนด์ (High-End Real Estate) ในไทยที่เติบโตอย่างโดดเด่น จากความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยธนาคารมีความยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนทางการเงิน แก่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึง โรงแรมครอโม แบงคอก, คูริโอ คอลเลกชัน บาย ฮิลตัน (Kromo Bangkok, Curio Collection by Hilton) โรงแรมจากเครือชั้นนำระดับโลก ที่ผสมผสานวัฒนธรรมไทยเข้ากับความหรูหราแบบสากลได้อย่างลงตัว
“ธนาคารกรุงเทพเชื่อมั่นในประสบการณ์อันยาวนาน และแข็งแกร่งของผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยอย่าง SC Asset ที่มุ่งมั่นพัฒนาโครงการคุณภาพที่เป็นเอกลักษณ์ และได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเสมอมา เรามองว่าการพัฒนาแบรนด์ Kromo ซึ่งเป็น Global Brand แห่งแรกในไทย จะกลายเป็นแลนด์มาร์คด้าน Hospitality ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของกรุงเทพฯ และเป็นตัวอย่างสำคัญของการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ทั้งนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว ที่มองหาคุณภาพและความเป็นเลิศระดับโลก” นายชาติศิริ กล่าว
นอกจากนี้ในปี 2568 นี้ ธนาคารกรุงเทพ ยังได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี บนถนนสุขุมวิท 20 ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District หรือ CBD) เพิ่มเติมอีก 1 โครงการ เชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าศักยภาพสูง อาทิ นักธุรกิจที่มี Business-Oriented Lifestyle รวมถึงนักธุรกิจต่างชาติที่ยังคงให้ความสำคัญกับการเข้ามาดำเนินธุรกิจในย่านศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของไทย
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC Asset เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก พันธมิตรทางการเงินคนสำคัญอย่างธนาคารกรุงเทพ ที่มีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งต่อเนื่องมากว่า 2 ทศวรรษ สำหรับพัฒนา 2 โครงการสำคัญ ทำเลไพร์มติดถนนสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้า อโศก-พร้อมพงษ์ ได้แก่ 1.ครอโม แบงคอก, คิวริโอ คอลเล็กชัน บาย ฮิลตัน (KROMO Bangkok, Curio Collection by Hilton) โรงแรมภายใต้ไลฟ์สไตล์แบรนด์ คิวริโอ คอลเล็กชัน บาย ฮิลตัน แห่งแรกในประเทศไทย ติดถนนสุขุมวิท 29 และ 2. “สติลล์ สุขุมวิท 20” (Still Sukhumvit 20) โครงการคอนโดมิเนียมระดับแฟลกชิพแห่งปีของบริษัท ติดถนนสุขุมวิท มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/2568 นี้ นับเป็นการได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากโครงการในอดีตที่ผ่านๆ มา
“SC มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาอสังหาฯทุกโครงการ ให้สร้างคุณค่าสู่ผู้คนได้อย่างแท้จริง ความมุ่งมั่นนี้จะสำเร็จได้ นอกจากจะต้องมีทำเลที่สะดวกสบาย และสินค้า-บริการที่ตอบโจทย์ผู้คนอย่างใส่ใจ ยังต้องมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเชื่อมั่นในกันและกัน ผมขอขอบคุณธนาคารกรุงเทพสำหรับความเชื่อมั่นที่มีต่อ SC ในการพัฒนา 2 โครงการสำคัญนี้ ตลอดจนความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องตลอดกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ” นายณัฐพงศ์กล่าว
SC Asset ยังคงมุ่งมั่นขยายพอร์ตของบริษัททั้งในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ตลอดจนธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income Business) ให้ได้ตามแผนงานอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่ขยายความร่วมมือร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง

Go To Lead


บัตรเครดิตวีซ่ากสิกรไทย
จัดแคมเปญใหญ่ “World Class SPORT”
นางสาวผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า บัตรเครดิตวีซ่ากสิกรไทย ได้สร้างสรรค์แคมเปญพิเศษอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกให้กับลูกค้า ทั้งคอนเสิร์ตระดับโลก ร้านอาหารชั้นนำที่ได้รางวัลการันตี ล่าสุด ได้เปิดตัวแคมเปญใหญ่ World Class SPORT โดยบัตรเครดิตวีซ่ากสิกรไทย ได้รับเอกสิทธิ์จัดกิจกรรมพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันฟุตบอลโลก FIFA World Cup 2026? หนึ่งในเกมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก และได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ซึ่งลูกค้าบัตรเครดิตวีซ่ากสิกรไทยเท่านั้นที่จะได้เก็บภาพความประทับใจกับถ้วยบอลโลก FIFA World Cup 2026? เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตกับเกมลูกหนังที่ทั้งโลกรอคอย
นางสาวนพร อิงคตานุวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด วีซ่า ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการชำระเงินดิจิทัล และพันธมิตรอย่างเป็นทางการของการแข่งขันฟุตบอลโลก FIFA World Cup 2026? วีซ่าภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย (KBank) เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับแฟนฟุตบอลในประเทศไทยได้ใกล้ชิดกับมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แคมเปญนี้ไม่ใช่แค่การสนับสนุนการแข่งขันกีฬา แต่คือการสร้างช่วงเวลาแห่งความประทับใจ และเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับสิ่งที่พวกเขารัก ผ่านนวัตกรรมและประสบการณ์ดิจิทัลที่ไร้รอยต่อ ซึ่งหนึ่งในไฮไลท์ที่วีซ่า และ KBank นำมาให้แฟน ๆ ฟุตบอลในประเทศไทย คือ โอกาสในการได้ชมถ้วยรางวัล FIFA World Cup 2026? Winner’s Trophy ที่เป็นตำนานอย่างใกล้ชิด ตัวถ้วยทำจากทองเหลืองชุบทอง มีลักษณะเกลียวขึ้นจากฐาน โดยมีนักกีฬาสองคนยกโลกขึ้นแสดงถึงพลัง ความแข็งแกร่ง และความเป็นหนึ่งเดียวของวงการฟุตบอล ซึ่งวีซ่าเองก็มีความมุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงผู้คนกับเทคโนโลยีการใช้จ่ายให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย ปลอดภัย และยั่งยืน สำหรับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา
เตรียมพบกับ 2 ความยิ่งใหญ่ระดับโลก กับ World Class SPORT โดยบัตรเครดิตวีซ่ากสิกรไทย
พิเศษ 1 สัมผัสถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลก FIFA World Cup 2026? รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอล อย่างใกล้ชิด สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตวีซ่ากสิกรไทยโดยเฉพาะ
เก็บภาพความทรงจำสุดประทับใจกับด้วยฟุตบอลโลก เพียงแสดงบัตรเครดิตวีซ่ากสิกรไทย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ณ ลานอีเดน 1 (Eden1) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นอกจากนี้ยังมีการแจกของรางวัลพิเศษจากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวีซ่ากสิกรไทยในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ครบทุก 2,000 บาท/เซลล์สลิป แลกรับสิทธิ์ภายในวันเดียวกัน ลุ้นรับลูกฟุตบอล FIFA World Cup 26TM League Ball จำนวน 20 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 1,400 บาท และลูกฟุตบอล FIFA World Cup 26TM Trionda Mini Ball จำนวน 35 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 500 บาท
พิเศษ 2 ลุ้นรางวัลใหญ่ แพ็กเกจบินลัดฟ้าไปชมแมตช์หยุดโลกรอบชิงชนะเลิศที่สหรัฐอเมริกา
เพียงลงทะเบียนร่วมแคมเปญผ่าน K PLUS และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตวีซ่ากสิกรไทย ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2569 ครบทุก 2,000 บาท/เซลล์สลิป รับ 1 สิทธิ์ลุ้น
-รางวัลที่ 1 “แพ็กเกจ รอบ Final 4 คืน” พร้อมตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และบัตรเข้าชมรอบชิงชนะเลิศที่สหรัฐอเมริกา 1 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง มูลค่า 1.5 ล้านบาท
-รางวัลที่ 2 “แพ็กเกจ รอบ 32 ทีม 4 คืน” พร้อมตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และบัตรเข้าชมรอบ 32 ทีม ที่สหรัฐอเมริกา 1 รางวัล รางวัลละ 2 ที่นั่ง มูลค่า 9 แสนบาท
-รางวัลที่ 3 ลูกฟุตบอล FIFA World Cup 26TM League Ball จำนวน 50 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 1,400 บาท
นอกจากนี้ เมื่อใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตวีซ่ากสิกรไทย ครบตามกำหนดในหมวดที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2569 รับของรางวัลพิเศษ ดังนี้ ยอดใช้จ่ายสะสมครบ 30,000 บาทขึ้นไป รับของรางวัล กระเป๋าคาดเอว adidas คละแบบ มูลค่า 600 บาท/ชิ้น สำหรับ 2,500 ท่านแรก
ยอดใช้จ่ายสะสมครบ 50,000 บาทขึ้นไป รับของรางวัล หมวกแก๊ป adidas มูลค่า 900 บาท/ชิ้น สำหรับ 2,000 ท่านแรก
ยอดใช้จ่ายสะสมครบ 80,000 บาทขึ้นไป รับของรางวัล กระเป๋าเป้ adidas CLSC BARS 3S คละสี มูลค่า 900 บาท/ชิ้น สำหรับ 1,500 ท่านแรก
ยอดใช้จ่ายสะสมครบ 120,000 บาทขึ้นไป รับของรางวัล กระเป๋าเป้ adidas มูลค่า 1,500 บาท/ชิ้น สำหรับ 1,000 คนแรก

Go To Lead


ธ.ก.ส. ขับเคลื่อนภารกิจยกระดับภาคเกษตร
สร้างสมดุลสิ่งแวดล้อม
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ครบรอบปีที่ 59 เดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจตามวิสัยทัศน์เป็น “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” ยกระดับการประกอบอาชีพของเกษตรกรทุกมิติตามแนวทางแกนกลางการเกษตร (Essence of Agriculture) นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้นและสร้างการเติบโต ภาคเกษตรไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน เผยผลการดำเนินงานครึ่งปีบัญชี 2568 (1 เมษายน 2568 – 30 กันยายน 2568) ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องและการลงทุน ทั้งในและนอกภาคการเกษตรระหว่างปี เป็นจำนวน 551,502 ล้านบาท ทำให้มีสินเชื่อรวม จำนวน 1,689,921 ล้านบาท ยอดเงินฝากสะสม 2,033,710 ล้านบาท สินทรัพย์รวม จำนวน 2,435,717 ล้านบาท มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ร้อยละ 6.20 ของสินเชื่อรวม ต่ำกว่าแผนการที่วางไว้ที่ร้อยละ 6.77 โดยในปีบัญชีนี้ ธ.ก.ส. ได้ออกผลิตภัณฑ์เงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ รวมถึงบุคลากรของรัฐและเอกชนที่ทำหน้าที่ในการดูแลภาคชนบทและชุมชนในการนำไปต่อยอดและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพ อาทิ สินเชื่อเคหะเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเงินด่วนคนดี และสินเชื่อเงินด่วนกึ่งแสน สำหรับสมาชิก อสม. และ อสส. ซึ่งมีผู้ใช้บริการสินเชื่อแล้วกว่า 636,945 ราย สินเชื่อเงินด่วนสิบหมื่น สำหรับสมาชิก อสม. และ อสส. ผู้ใช้บริการสินเชื่อแล้วกว่า 277,526 ราย
ด้านผลิตภัณฑ์เงินฝาก ธ.ก.ส. ได้เปิดตัวสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดขุนแผนมรกต เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 หน่วยละ 2,000 บาท ลุ้นโชคใหญ่ มูลค่า 40 ล้านบาท และรางวัลอื่น ๆ จำนวนกว่า 1 แสนรางวัล รวมมูลค่ากว่า 72 ล้านบาทต่อเดือน อายุสลาก 2 ปี ฝากครบกำหนดรับดอกเบี้ยทันที หน่วยละ 19 บาท หรือคิดเป็น 0.475% โดย ณ วันที่ 20 ต.ค. 68 มียอดฝากสลากแล้วกว่า
3,580 ล้านบาท คิดเป็น 1,790,000 หน่วย และเปิดการรับฝาก 2 ผลิตภัณฑ์ สร้างทางเลือกการออมเงิน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้า ประกอบด้วย เงินฝากทองชมพูนุช เมื่อฝากเงินรับดอกเบี้ยเงินฝากล่วงหน้า ณ วันที่ฝาก ร้อยละ 1.40 ต่อปี ระยะเวลาฝาก 7 เดือน และเงินฝากทองนพคุณ ฝากขั้นต่ำครั้งละ 10,000 บาท วงเงินฝากรวมสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย รับดอกเบี้ยทุกเดือนแบบขั้นบันได สูงสุดถึงร้อยละ 2.15 ต่อปี เฉลี่ยทั้งโครงการร้อยละ 1.40 ต่อปีระยะเวลาฝาก 10 เดือน เปิดรับฝากแล้ววันนี้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
ด้านการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ ธ.ก.ส. ได้ขับเคลื่อนภารกิจผ่านมาตรการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ระยะที่ 1 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 จนถึงระยะที่ 3 (1 ตุลาคม 2568 – 30 กันยายน 2569) ซึ่งในระยะที่ 3 มีผู้เข้าร่วมมาตรการแล้ว จำนวน 1.35 ล้านราย ต้นเงินกู้กว่า 186,935 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. ได้มีมาตรการในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และส่งเสริมศักยภาพในการประกอบอาชีพและความสามารถในการชำระหนี้ตามแนวทางตลาดนำ นวัตกรรมเสริม
เพิ่มรายได้ เพื่อให้เกษตรกรที่เข้าร่วมมาตรการมีรายได้เพิ่มขึ้นและลดภาระหนี้สินในระยะยาวหลังจบมาตรการ โดยในปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมแล้ว จำนวน 3.16 แสนราย ในจำนวนนี้สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการลดต้นทุนและสร้างผลผลิตเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 15% ได้เป็นจำนวนกว่า 1.14 แสนราย นอกจากนี้ ในระหว่างการเข้าร่วมมาตรการ ธนาคารยังได้สนับสนุนเงินทุนผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพ ภายใต้มาตรการพักชำระหนี้ให้กับผู้ผ่านการอบรมฯ วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนและเสริมสภาพคล่องในระหว่างการพักหนี้
โดยมีผู้ใช้บริการสินเชื่อ จำนวน 37,548 ราย ยอดจ่ายสินเชื่อสะสมรวมกว่า 3,021 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2568) นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังได้ดำเนินโครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังและนาปี ปี 2568 และส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะกับศักยภาพพื้นที่ ปีการผลิต 2568/69 โดยสนับสนุนเงินช่วยเหลือ ไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ มีเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 4.5 ล้านครัวเรือน รวมเป็นเงินกว่า 36,716 ล้านบาท
ด้านการพัฒนาชนบทอย่างยั่งยืน ธ.ก.ส. ขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดลูกค้าแข็งแรง ธนาคารยั่งยืน ที่จะเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายเพื่อนำไปสู่การพัฒนาภาคการเกษตร (Agricultural Networks) โดยเตรียมเปิดตัวเว็บไซต์ BAAC Matching แพลตฟอร์มดิจิทัลที่จะเชื่อมโยงการผลิตและการตลาดตลอดห่วงโซ่ เพื่อสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรรายย่อย วิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการเกษตรอย่างยั่งยืน ภายใต้คอนเซปต์ “BAAC Holistic : ก้าวไปด้วยกันสร้างสรรค์อนาคตภาคการเกษตรไทยอย่างยั่งยืน” โดย ธ.ก.ส.
จะรวบรวมและเชื่อมโยงสินค้า Glam เกษตร จากลูกค้า ธ.ก.ส. ทั่วประเทศ และจัดหมวดสินค้าที่ง่ายต่อการเลือกซื้อและเข้าถึงมาอยู่ในแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างช่องทางการตลาดใหม่ให้เกษตรกรและผู้บริโภคสามารถซื้อและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กันได้โดยตรง พร้อมเปิดให้บริการพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 นี้ ผ่าน http://baacmatching.baac.or.th โดย ธ.ก.ส. ยังได้ร่วมจุดประกายการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิต ภายใต้แนวคิด ‘ทำน้อยได้มาก’ ด้วยการยกระดับผลิตภัณฑ์และการสร้างภาพลักษณ์อันโดดเด่น ทันสมัย ด้วยการ Repackage และ Redesign เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเกษตรกร ทั้งเกษตรกรรุ่นใหม่ เกษตรกรหัวขบวน โดยเฉพาะเกษตรกรกลุ่มเปราะบางให้มีศักยภาพในการประกอบอาชีพและสร้างรายได้ โดยได้สนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้แก่สินค้าที่ได้รับเครื่องหมาย A-Product แล้วกว่า 360 รายการ และในสินค้า Essence Glam อาทิ ข้าวพร้อมทานแบรนด์อุ่นอิ่ม จากสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด จำกัด (สกต. ร้อยเอ็ด จำกัด) สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ จำกัด (สกต. สุรินทร์ จำกัด) สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครปฐม จำกัด (สกต. นครปฐม จำกัด) และน้ำสับปะรดกระป๋อง แบรนด์ Sure Juice จากสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ราชบุรี จำกัด (สกต. ราชบุรี จำกัด) ซึ่ง ธ.ก.ส. จะดำเนินการสนับสนุนต่อยอดไปยังสหกรณ์เกษตรเพื่อตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. อื่น ๆ ต่อไป พร้อมหนุนการท่องเที่ยวชุมชมในรูปแบบ Agro-Tourism และผลักดันการสร้างสินค้าเกษตรมูลค่าสูงที่สามารถจำหน่ายในตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ อันนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังเติมเยาวชนและคนรุ่นใหม่เข้าสู่ภาคการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหา Aging Society โดยให้กลุ่มคนเหล่านี้มองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้เทียบเท่ากับการทำงานในเมือง ผ่านโครงการเกษตรธนากร โดยเติมความรู้ทักษะด้านการเกษตรสมัยใหม่ และความรู้ทางการเงินให้กับเยาวชนในโรงเรียน เพื่อปูทางไปสู่การเป็นผู้ประกอบการทางการเกษตรในอนาคต นำร่อง
27 โรงเรียนทั่วประเทศ จาก 9 ฝ่ายกิจการสาขาภาค และเตรียมขยายผลไปยังโรงเรียนอื่น ๆ ทั่วประเทศต่อไป ควบคู่กับการดึง
คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ประสบการณ์ทั้งด้านเทคโนโลยีและการตลาดเข้ามาพัฒนาภาคการเกษตรไปสู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตรชั้นนำผ่านโครงการสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ ที่เปิดโอกาสให้พนักงานทั้งภาครัฐและเอกชน ข้าราชการที่เตรียมเกษียณอายุได้มีโอกาสสร้างรายได้จากการอาชีพการเกษตร ทำให้ภาคเกษตรกรรมมีความเข้มแข็งมากขึ้น นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังพร้อมยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานภายในองค์กรให้มีความเข้มแข็งด้วยการเพิ่มขีดความสามารถองค์กรและบุคลากร ผ่านการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้
ในกระบวนการทำงาน (Re-Process and Digitize Process) เพื่อลดเวลาในการดำเนินงานและเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ เช่น การสนับสนุนสินเชื่อชะลอข้าวผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile และระบบอำนวยสินเชื่อที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา และจะเริ่มใช้ในเดือนมกราคม 2569

Go To Lead


ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็น
ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อวางรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้นายจ้างและคณะกรรมการกองทุนสามารถเลือกรูปแบบการลงทุนของกองทุนได้อย่างเหมาะสม ภายใต้ข้อตกลงที่ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้สมาชิกได้รับข้อมูลและคำแนะนำด้านการลงทุนที่เพียงพอและตรงกับความต้องการของสมาชิก ตลอดจนมีกลไกติดตามรักษาสิทธิได้อย่างเหมาะสม ก.ล.ต. สนับสนุนการใช้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นกลไกหนึ่งของการออมและการลงทุนระยะยาวที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความมั่นคงทางการเงินเพื่อรองรับการเกษียณอายุ โดยมีแนวคิดในการปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้มีโครงสร้างที่จำเป็นต่อการรองรับการพัฒนาการจัดการข้อมูลการลงทุนและข้อมูลสมาชิกสำหรับงานทะเบียนสมาชิกและดูแลสิทธิของสมาชิก การจัดการเงินลงทุนของสมาชิกที่มีประสิทธิภาพและมีกลไกติดตามรักษาสิทธิ ของสมาชิก รวมถึงการมีกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลการปฏิบัติงานด้านการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่เหมาะสม
ก.ล.ต. จึงเปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญ 3 ประเด็นหลัก ดังนี้ (1) การกำหนดหน้าที่ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เพื่อให้บริการที่เหมาะสมแก่ลูกค้า โดยครอบคลุม 4 เรื่อง ได้แก่ การทำความรู้จักนายจ้าง การให้คำแนะนำที่เหมาะสมแก่ลูกค้า การดูแลและจัดทำสัญญาและข้อบังคับกองทุนให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และการจัดทำข้อกำหนดลงทุนและการเปิดเผยข้อมูลให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง (2) การกำหนดหน้าที่ของ บลจ. เกี่ยวกับงานดูแลสมาชิก ซึ่งรวมถึงงานทะเบียนสมาชิก (fund administration) โดยกำหนดให้ บลจ. ที่ให้บริการงานดูแลสมาชิกต้องจัดทำทะเบียนสมาชิกและสนับสนุนงานด้านการดูแลสิทธิและการลงทุนของสมาชิกตามที่กำหนด (เช่น การตรวจสอบความถูกต้องของเงินนำส่งเข้ากองทุน การให้บริการสับเปลี่ยนนโยบายการลงทุน) รวมถึงต้องจัดให้มีข้อมูลสมาชิกที่เพียงพอและเป็นปัจจุบันเพื่อใช้สอบทาน ติดต่อและจ่ายเงินให้แก่สมาชิกที่สิ้นสมาชิกภาพได้ (3) การปรับปรุงกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลการปฏิบัติงาน โดยกำหนดให้การทำธุรกรรมบางลักษณะของ บลจ. มีความเหมาะสมและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้แจ้งผู้เกี่ยวข้องทราบภายหลังการดำเนินการธุรกรรมดังกล่าวแล้ว
ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นหลักการในเรื่องดังกล่าวบนเว็บไซต์ ก.ล.ต. https://www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=1120 และระบบกลางทางกฎหมาย https://law.go.th/listeningDetail?survey_id=NjAwN0RHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ= ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถศึกษาและแสดงความคิดเห็นได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือทาง e-mail : anoma@sec.or.th kodchawan@sec.or.th หรือ sirinad@sec.or.th จนถึงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568

Go To Lead


EXIM BANK 'คว้า'ประกาศเกียรติคุณจาก Sustainism Initiatives
บนเวทีสหประชาชาติ ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน
นายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ได้รับการประกาศเกียรติคุณจากโครงการยั่งยืนนิยม (Sustainism Initiatives : STNSM) ภายใต้กรอบการสนับสนุนของสมาคมการตลาดเกษตรและอาหารแห่งภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก (AFMA) ซึ่งเป็นองค์การระหว่างประเทศภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) และองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)
การประกาศเกียรติคุณความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืนดังกล่าวมอบให้แก่องค์กรที่มีความโดดเด่นในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมควบคู่ไปกับการฟื้นฟูสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ผ่านกลไกทางการเงิน การลงทุน และการค้าสีเขียวในระดับภูมิภาค รวมทั้งมีบทบาทในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการสื่อสารด้านความยั่งยืนสู่สังคมในวงกว้าง โดย EXIM BANK ได้เข้าร่วมในฐานะเครือข่ายพันธมิตรที่ร่วมแสดงวิสัยทัศน์และกำหนดทิศทางความยั่งยืนของประเทศไทยและโลกโดยรวม ในงาน Climate & Sustainability Capital Forum (CSCAP) ซึ่งจัดขึ้น ณ องค์การสหประชาชาติ กรุงเทพ
EXIM BANK ในฐานะธนาคารเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งดำเนินงานโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance: ESG) เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวและสังคมคาร์บอนต่ำในระดับโลกอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com