Finance/share
Hot News: เคทีซี –บางกอกแอร์เวย์ส 'ชู'แคมเปญใหม่
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
เคทีซี –บางกอกแอร์เวย์ส
'ชู'แคมเปญใหม่
เคทีซี-บางกอกแอร์เวย์ส ลอนช์แคมเปญ “20 ปี 20 เส้นทาง”“เคทีซี-บางกอกแอร์เวย์ส”ฐานสมาชิกคุณภาพกว่า 80,000 ราย ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ มากกว่า 6,700 ล้านบาทต่อปี กลุ่มสมาชิกผู้ถือบัตรอยู่ในช่วงอายุ 30-49 ปี ยอดใช้จ่ายที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์สขยายตัว 15%
นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เคทีซีได้รับความไว้วางใจจากสายการบินบางกอกแอร์เวย์สให้เป็นพันธมิตรรายแรกและรายเดียวที่ร่วมกันเปิดตัวบัตรเครดิตร่วม “เคทีซี-บางกอกแอร์เวย์ส” ครั้งแรกในวันที่ 30 มิถุนายน 2548 ด้วยเจตนารมณ์ที่จะมอบความเอ็กซ์คลูซีฟให้กับสมาชิกทั้งบัตรเครดิตเคทีซีและสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ส ผู้รักการเดินทางในรูปแบบที่แตกต่าง โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เคทีซีได้ออกบัตรเครดิตร่วม “เคทีซี-บางกอกอร์เวย์ส” ทั้งสิ้น 7 หน้าบัตร เพื่อจับกลุ่มสมาชิกทั่วไป และสมาชิกกลุ่มพรีเมี่ยมรวมถึงจับมือกับค่ายวีซ่า มาสเตอร์การ์ด และเจซีบี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกที่หลากหลาย
ไม่เพียงแต่สร้างสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าให้กับสมาชิกเคทีซียังสะท้อนถึงการปรับตัวเพื่อตอบสนองพฤติกรรมการใช้จ่ายและท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล ด้วยบริการสมัครบัตรรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และแอปพลิเคชัน KTC Mobile ที่มอบ e-coupon ส่วนลดและแพ็กเกจท่องเที่ยวเส้นทางยั่งยืนให้กับนักเดินทางได้อย่างตรงใจ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 20 ปี เคทีซีและสายการบินบางกอกแอร์เวย์สได้จัดแพ็กเกจท่องเที่ยวยั่งยืน “20 ปี 20 เส้นทาง” ประกอบด้วยในประเทศ 18 เส้นทางและต่างประเทศ 2 เส้นทางผ่านบริการ KTC World Travel Service ได้แก่ เส้นทางหลวงพระบาง เมืองมรดกโลกตามมาตรฐานของ UNESCO ที่เผยให้เห็นความงดงามทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเส้นทางมัลดีฟ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ผสานความอัศจรรย์กับเสน่ห์ โรแมนติกอย่างลงตัว พร้อมทริปนำร่อง 3 วัน 2 คืน “Boutique Andaman : A Sustainable Journey” ที่จะร่วมเดินทางสู่จังหวัดภูเก็ตในวันที่ 8 - วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 โดยร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง โลเคิล อไลค์ / เลิฟ อันดามัน และโรงแรมบูติกบลูมังกี้ ในราคาเพียง 8,200 บาทต่อท่าน จำกัดเพียง 10 คู่เท่านั้น สำรองที่นั่งผ่าน KTC World Travel Service
นางสาวอมรรัตน์ คงสวัสดิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายขาย และรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด บมจ.การบินกรุงเทพ กล่าวว่า จากความร่วมมือตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นความสำเร็จที่บางกอกแอร์เวย์ส ได้ร่วมกับเคทีซีในการพัฒนาสิทธิประโยชน์ เพื่อให้สมาชิกฟลายเออร์โบนัส และสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี ได้รับประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ ซึ่งมีมากกว่าความคุ้มค่า และยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทางของผู้โดยสารบางกอกแอร์เวย์ส ปัจจุบันบางกอกแอร์เวย์สให้บริการเที่ยวบินสู่ 20 จุดหมายปลายทาง ประกอบด้วยภายในประเทศ 12 แห่ง และจุดหมายปลายทางต่างประเทศ 8 แห่ง โดยเส้นทางเกาะสมุย ยังคงเป็นเส้นทางยอดนิยม และยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เครือข่ายความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรสายการบิน โดยปัจจุบันมีสายการบินพันธมิตร (Codeshare Partners) รวมทั้งสิ้นจำนวน 30 สายการบิน และมีสายการบินข้อตกลงร่วม (Interline Partners) กว่า 70 สายการบิน เพื่อส่งเสริมศักยภาพเครือข่ายเส้นทางบิน และอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร รวมทั้งรองรับอุปสงค์การเดินทาง
ในโอกาสเฉลิมฉลองความร่วมมือครบรอบ 20 ปี บางกอกแอร์เวย์ส ขอมอบสิทธิประโยชน์ ให้แก่ผู้สมัครบัตรเครดิต “KTC-Bangkok Airways” ประเภท Mastercard และมียอดใช้จ่ายบนสายการบินฯ ตามที่กำหนด จะได้รับคะแนน KTC FOREVER ฟรี! เพิ่มอีก สูงสุด 5,500 คะแนน เพื่อโอนไปเป็นคะแนน ฟลายเออร์โบนัส แล้วรับเพิ่มอีก 20% จากฟลายเออร์โบนัส รวมเป็นคะแนนสูงสุดถึง 4,399 คะแนนฟลายเออร์โบนัส โดยมีระยะเวลาแคมเปญตั้งแต่ 15 มีนาคม 2568 – วันที่ 31 ธันวาคม 2568
นายพศิน มณีศรี Chief Operating Officer บริษัท แอทติจูดสเตย์ จำกัด กล่าวว่า จุดเริ่มต้นและแนวทางการพัฒนาแบรนด์โรงแรมบูติกบลูมังกี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากรางวัลชนะเลิศยอดเยี่ยม Design City ในโครงการ Thailand Boutique Awards 2016-2017 ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญในการยกระดับมาตรฐานธุรกิจโรงแรมบูติกทั้งในด้านการสร้างแบรนด์ การออกแบบคอนเซปต์และการบริการ ขณะเดียวกันในยุคการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) การดำเนินธุรกิจต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และทำให้ผู้ใช้บริการเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม จึงได้ดำเนินโครงการ #Blumonkeygogreen ลดการใช้ขยะ และส่งเสริมการจัดหาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การแยกขยะ การปรับเปลี่ยนของใช้ในห้องพักเพื่อลดการนำเข้าสินค้าใหม่
นายสมศักดิ์ บุญคำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวในปัจจุบันนักท่องเที่ยวจะเน้นการเดินทางท่องเที่ยวที่สร้างประสบการณ์เฉพาะตัว เช่นการท่องเที่ยวชุมชน (Local Tourism) ที่ให้ความใกล้ชิดกับวิถีชีวิตท้องถิ่นในโอกาสครบรอบ 20 ปี ระหว่างเคทีซี และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยโลเคิล อไลค์ ได้จัดโปรแกรมท่องเที่ยว “Boutique Gems” นำเสนอประสบการณ์ในทุกมิติ ทั้งธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม และอาหารพื้นบ้านที่หาชิมได้ยากใน 20 เส้นทางเพื่อเฉลิมฉลองความร่วมมือในครั้งนี้ โดยแต่ละเส้นทางจะเต็มไปด้วยเสน่ห์และบรรยากาศที่โดดเด่นมีเรื่องราวและความหมายที่ลึกซึ้ง เช่นชุมชนบ้านรวงเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ : สัมผัสวัฒนธรรมไทลื้อแท้ ผ่านเพลง และบรรยากาศ Slow Life แบบมีส่วนร่วมกับชุมชนชุมชนแหลมสัก จังหวัดกระบี่ : สัมผัสความหลากหลายของไทยพุทธ มุสลิม และจีฮกเกี้ยน พายคายัคชมวิวเขาหินปูน ลิ้มรสอาหารพื้นบ้าน และร่วมงานเกษตรในสวนผลไม้เขตร้อน ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว จังหวัดตราด : สัมผัสความลงตัวของวัฒนธรรมมุสลิม-จีน-ไทย เรียนรู้วิถีประมงพื้นบ้าน ล่องเรือชมป่าชายเลน และชิมอาหารท้องถิ่นสดใหม่ทริปการเดินทางโดยไม่รู้ปลายทาง : ออกแบบเฉพาะบุคคลมีการคัดเลือกกิจกรรมและสถานที่แบบพิเศษไม่ใช่จุดหมายปลายทางยอดนิยมแต่ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องถิ่น
นางสาวกาญจนา หงส์ทอง อดีตผู้สื่อข่าวด้านท่องเที่ยวที่ผันตัวสู่นักเดินทาง กล่าวว่า ความประทับใจในการใช้บริการสายการบินบางกอกแอร์เวย์สคือการมีห้องรับรองพิเศษให้แก่ผู้โดยสารทุกคน และเส้นทางการบินที่มีความเป็นเอกลักษณ์ โดยในปีนี้จะเห็นเทรนด์ของนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และเน้นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมากขึ้น เช่น การพกกระบอกน้ำส่วนตัวและนำมาใช้ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว หรือการสนับสนุนชุมชนในแหล่งท่องเที่ยว โดยเส้นทางของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สมีหลายเส้นทางที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน เช่น จังหวัดสุโขทัย ที่มีการท่องเที่ยวแบบผสมผสานระหว่างประเพณี วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ หรือ เส้นทางมรดกโลก หลวงพระบาง สปป.ลาว ที่นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ได้
สำหรับการเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางนักท่องเที่ยวต้องดูแลตัวเองท่ามกลางยุคเทคโนโลยีที่ทุกอย่างแม้จะสะดวกสบาย แต่ก็มีการโจรกรรมรูปแบบใหม่ๆมากขึ้น ดังนั้นการเดินทางแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องพกเงินสดเป็นจำนวนมาก เพราะหากเงินสดหายแล้วคือหายเลย แต่หากใช้บัตรเครดิตเมื่อบัตรฯ หายยังอายัดการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการบัตรเครดิตได้
นางประณยา กล่าวทิ้งท้าย การเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีในครั้งนี้ เคทีซีมุ่งเน้นมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและมีความเป็นเอกลักษณ์ผ่านการออกแบบแพ็กเกจท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับแนวโน้มการเดินทางในยุคปัจจุบัน รวมถึงมอบสิทธิพิเศษ ให้กับสมาชิกบัตรบัตรเครดิตร่วม “เคทีซี-บางกอกแอร์เวย์ส” ตลอดปี 2568 ดังนี้ แลกคะแนน KTC FOREVER รับเครดิตเงินคืนเพิ่ม 20?% เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส รับส่วนลดเพิ่ม 2,000 บาท เมื่อจองแพ็กเกจท่องเที่ยว “ 20 ปี 20 เส้นทาง” กับเคทีซีและสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เป็นจำนวนคู่ที่ KTC World Travel Service
พิเศษ! สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี - บางกอกแอร์เวย์ส มาสเตอร์การ์ด รับเพิ่ม 2,000 คะแนน KTC FOREVER เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์สตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป?/ แลก 2,000 คะแนน KTC FOREVER รับโค้ดส่วนลด 300 บาท ทุกวันที่ 20 ของทุกเดือน และร่วมลุ้นเป็น Top Spender 10 คู่ผู้โชคดีรับสิทธิ์ Exclusive Trip สู่เส้นทางตราด เฉพาะสมาชิกที่มียอดใช้จ่ายสะสมสูงสุด และมียอดใช้จ่ายผ่านสายการบินบางกอกแอร์เวย์สตั้งแต่ 1 เมษายน 2568 – 31 กรกฎาคม 2568 เดินทางพร้อมกันในเดือนตุลาคม 2568 https://www.ktc.co.th/promotion/travel/air-ticket/anniversary-ktc-bangkok-airways หรือ  KTC PHONE 02 123 5000  หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

Go To Lead


เดินหน้าขยายพอร์ตสินเชื่อ
สร้างแบรนด์ LHB SME
นายวรวุฒน์ โตเจริญธนาผล President และหัวหน้ากลุ่มงานการเงินและบัญชี บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG เปิดเผยว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะค่อยๆ ฟื้นตัวจากการส่งออก การท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชน ที่ได้รับการสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ รวมถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยี สภาพแวดล้อม และภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลให้ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2567 มีอัตราการเติบโตถึง 7.3% ส่งผลให้มียอดสินทรัพย์ 346,863 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,047 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ แม้ว่าธุรกิจหลักทรัพย์จะได้รับผลกระทบจากสภาวะตลาดทุน
พันธสัญญาด้านธรรมาภิบาลและการเติบโตอย่างยั่งยืน ปี 2568
แผนธุรกิจในปี 2568 บริษัทและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นสถาบันการเงินที่ให้บริการทางการเงินครบวงจร เติบโตอย่างยั่งยืน และมีธรรมาภิบาล ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและรางวัลต่างๆ ที่ได้รับ เช่น ผลประเมินระดับดีเลิศด้านการกำกับดูแลกิจการประจำปี 2567, หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings, ESG100 Sustainability Disclosure Recognition และ Carbon Neutral Certificate"

Go To Lead


บัตรเครดิต ttb
ชวนอิ่มคุ้มทั้งปีที่ McDonald’sเพียง 89 บาท
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี มอบโปรโมชันให้กับผู้ถือบัตรเครดิต ttb อิ่มอร่อยสุดคุ้มกับ McDonald’s รับสิทธิ์ซื้อชุดอร่อยคุ้มครบเซ็ต หรือชุดเบอร์เกอร์เกินคุ้ม 1 ชุด ในราคา 89 บาท จากราคาปกติ 215 – 299 บาท เมื่อจ่ายผ่านบัตรเครดิต ttb และบัตรเครดิต ttb Global House ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม ประเภทบุคคลธรรมดา โดยจำกัด 1 สิทธิ์ / ท่าน / สัปดาห์ หรือ 4 สิทธิ์ / ท่าน / เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด
ชุดอร่อยคุ้มครบเซ็ต ประกอบด้วย เบอร์เกอร์ 1 ชิ้น (แมคฟิช, ชีสเบอร์เกอร์ หรือ แมคไก่) ไก่ทอดแมค 1 ชิ้น (รสดั้งเดิม หรือสไปซี่) พาย 1 ชิ้น (ข้าวโพด หรือ สับปะรด) และโค้ก 16 ออนซ์ จำนวน 1 แก้ว ชุดเบอร์เกอร์เกินคุ้ม ประกอบด้วย เบอร์เกอร์ 1 ชิ้น (แมคฟิช, ชีสเบอร์เกอร์ หรือ แมคไก่) ซันเด 1 ถ้วย (ช็อกโกแลต หรือสตรอว์เบอร์รี) เฟรนช์ฟรายส์ ขนาดปกติ 1 ซอง และโค้ก 16 ออนซ์ จำนวน 1 แก้ว ทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าบัตรเครดิตใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 7-16% ต่อปี เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้ และอนาคต

Go To Lead


ออมสิน เสริมทักษะการเงิน
ผ่านบอร์ดเกม "มันนี่ปังปัง"
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารมุ่งเดินหน้าบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ในการขยายผลสร้าง Social Impact ให้เกิดแก่ผู้คนและสังคมในวงกว้างมากขึ้น ผ่านการดำเนินภารกิจหลักต่าง ๆ โดยเฉพาะการส่งเสริมทักษะความรู้ด้านการเงิน (Financial Literacy) และจุดพลังการออมอย่างมีเป้าหมายให้ประชาชน ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นที่ธนาคารริเริ่มพัฒนาเครื่องมือเสริมทักษะด้านการเงินแนวใหม่ในรูปแบบบอร์ดเกม “มันนี่ปังปัง” เพื่อตอบโจทย์ความสนใจและปลูกฝังความรู้ ความเข้าใจ และสร้างวินัยทางการเงินให้กับกลุ่มเยาวชน โดยวางเป้าหมายขยายการใช้งานบอร์ดเกมดังกล่าวในสถานศึกษา บนความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ซึ่งมีการนำร่องส่งมอบให้กับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พร้อมจัดกิจกรรมการแข่งขันบอร์ดเกมให้กับบุคลากรในสังกัด สพฐ. และนักเรียน เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในวิธีการเล่น ก่อนที่จะนำไปขยายผลการใช้งานในโรงเรียนในเครือข่ายทั่วประเทศ
บอร์ดเกม “มันนี่ปังปัง” เป็นสื่อการเรียนรู้เชิงรุกที่พัฒนาขึ้น เพื่อหวังเจาะกลุ่มเป้าหมายเยาวชนคนรุ่นใหม่ ด้วยรูปแบบเกมที่มีการผสมผสานระหว่างบอร์ดเกมกับการจำลองสถานการณ์ทางการเงิน ทำให้ผู้เล่นได้รับความสนุกไปพร้อม ๆ กับการได้รับความรู้ความเข้าใจในการวางแผนการเงินในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างสมจริง สามารถจัดสรรเงินเพื่อการใช้จ่าย บริหารหนี้ และวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับความรู้ในการวางแผนการเงินที่จะปูทางไปสู่การวางแผนการออมอย่างมีเป้าหมายในอนาคต โดยบอร์ดเกมดังกล่าวเป็นสื่อส่งเสริมความรู้ด้านการออมที่เป็นผลผลิตต่อยอด จากทีม “โค้ชออม” วิทยากรด้านการออมและการเงิน และแอปพลิเคชัน “โค้ช-ออม” (CoachAom)” นวัตกรรมออนไลน์ที่ช่วยให้การวางแผนการเงินและการออมบรรลุเป้าหมายได้ด้วยตนเอง

Go To Lead


กรุงไทย
ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25%
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อ ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน โดยเฉพาะนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก และปัญหาเชิงโครงสร้าง จากเศรษฐกิจนอกระบบที่มีขนาดใหญ่ และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงช่วยเหลือลูกค้าลดภาระทางการเงิน ในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ธนาคารกรุงไทย ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25% สอดคล้องกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพื่อให้ภาวะการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ เสถียรภาพระบบการเงิน ช่วยลดลดความตึงตัวของภาวะการเงินโดยไม่กระทบต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว และสามารถรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าได้อย่างเหมาะสม
อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน 7.270% ต่อปี เป็น 7.020 % ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน 6.925% ต่อปี เป็น 6.825 % ต่อปี อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลดลงจากปัจจุบัน 7.445% ต่อปี เป็น 7.345 % ต่อปี มีผลในวันที่ 3 มีนาคม 2568 ธนาคารกรุงไทย ให้ความสำคัญกับดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง และตรงจุด โดยเฉพาะครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง ที่มีภาระหนี้สูงและรายได้ฟื้นตัวไม่เต็มที่ รวมถึงผู้ประกอบการ SME ที่เผชิญปัญหาการแข่งขันรุนแรงจากสินค้านำเข้า ซึ่งเป็นผลกระทบของนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก ผ่านมาตรการทางการเงิน รวมถึงสนับสนุนความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้มีมาตรการเพิ่มเติมในการเพิ่มรายได้ให้ภาระครัวเรือน และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน

Go To Lead


SME D Bank ขานรับนโยบายรัฐ ลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25%
นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 2.25% ต่อปี เป็น 2.00% ต่อปี เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ดังนั้น SME D Bank ในฐานะสถาบันการของรัฐ ที่มีภารกิจหลักในการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ขานรับนโยบายรัฐบาล ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25% ได้แก่ ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลด 0.25% จาก 7.80 ลดลงเหลือ 7.55% ต่อปี , สำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลด 0.15% จาก 7.80% ต่อปี ลดลงเหลือ 7.65% ต่อปี และประเภทเงินกู้ขั้นต่ำ (MLR) ลด 0.10% จาก 7.40% ต่อปี เหลือ 7.30% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อช่วยลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อีกทั้ง ช่วยกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมในช่วงที่ยังมีปัจจัยท้าทายจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ ขณะเดียวกัน ยังจะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อประโยชน์แก่ผู้ฝาก กลุ่มหน่วยงาน องค์กร กลุ่มนิติบุคคล สถาบัน หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน มีทางเลือกในการหาแหล่งฝากเงินผลตอบแทนสูง ที่มีความมั่นคงและปลอดภัยสูงสุด

นอกจากการลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวแล้ว ธนาคารยังจัดเตรียมสินเชื่อ Soft Loan ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เพียง 3%ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ผ่าน 3 โครงการสินเชื่อที่จะช่วยลดภาระ เพิ่มสภาพคล่อง และเพิ่มศักยภาพให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่อง ได้แก่ 1.สินเชื่อ “SME Green Productivity” สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการติดตั้งระบบอุปกรณ์ ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต เครื่องจักร อุปกรณ์ เพื่อใช้พลังงานสะอาด และมุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียว วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท 2.สินเชื่อ “ปลุกพลัง SME” สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายเล็กที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 2 ล้านบาท นำไปใช้ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ รวมถึง หมุนเวียน และเสริมสภาพคล่องในธุรกิจ วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 1.5 ล้านบาท และ 3.สินเชื่อ “Beyond ติดปีก SME” สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไป นำไปเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ ปรับเปลี่ยนทรัพย์สินหรือเครื่องจักร เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ควบคู่บริการด้านการพัฒนา ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th) เสริมแกร่งธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ครบถ้วนในจุดเดียว ทั้งด้านแหล่งความรู้ ที่ปรึกษาธุรกิจ ตลอดจนช่องทางขยายตลาด และเพิ่มรายได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

Go To Lead


EXIM BANK ลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate
0.10% ต่อปี คงเหลือ 6.25% ต่อปี ต่ำที่สุดในระบบ
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี เพื่อให้ภาวะการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งช่วยกระตุ้นการเติบโตของภาคธุรกิจ EXIM BANK จึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ลง 0.10% ต่อปี เหลือ 6.25% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีหรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์ นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป การปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในครั้งนี้เป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับภารกิจของ EXIM BANK ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ สามารถปรับตัวรับมือปัจจัยท้าทายและแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลกอย่างยั่งยืน ในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราที่ช้าลง และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com