Finance/share
Hot News: กรุงศรี -AZAY ลอนช์ กรุงศรีประกัน สะสมทรัพย์
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
กรุงศรี -AZAY ลอนช์
กรุงศรีประกัน สะสมทรัพย์
กรุงศรี-อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ลอนช์ กรุงศรีประกันสะสมทรัพย์ เพื่อคุณและคนที่คุณรัก 20/5 (+) และ กรุงศรีประกันสะสมทรัพย์ เพื่อคุณและคนที่คุณรัก 20/10 (+) ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ช่วย ส่งต่อความมั่นคงทางการเงิน ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาตัวช่วยในการลดหย่อนภาษี
นางสาวดมิศา พิศิษฐวานิช ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดลูกค้ารายย่อย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรุงศรีให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงชีวิต โดยคำนึงถึงทุกแง่มุมของการใช้ชีวิตและการวางแผนทางการเงินอย่างรอบด้าน เราตระหนักดีว่าลูกค้าจำนวนมากมองหาเครื่องมือที่จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงทางการเงินและชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการวางแผนเพื่อความมั่นคงในระยะยาวทั้งสำหรับตนเองและครอบครัว กรุงศรีได้จับมือกับอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เพื่อร่วมกันออกแบบผลิตภัณฑ์ "กรุงศรีประกันสะสมทรัพย์ เพื่อคุณและคนที่คุณรัก 20/5 (+)" และ "กรุงศรีประกันสะสมทรัพย์ เพื่อคุณและคนที่คุณรัก 20/10 (+)" ที่ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าที่ต้องการวางแผนเก็บเงินเพื่อการศึกษาสำหรับบุตร วางแผนการเงินเพื่อความมั่นคงก่อนวัยเกษียณ วางแผนเก็บเงินเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนแบบมีเงินปันผล โดยสามารถเลือกจ่ายเบี้ยฯทั้งแบบระยะสั้น 5 ปี หรือระยะยาว 10 ปี นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การเสียชีวิต ด้วยความคุ้มครองสูงถึง 140% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และคุ้มครองเพิ่มเติมจากการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุถึง 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงช่วยดูแลด้านการเงิน แต่ยังช่วยเสริมความอุ่นใจในทุกมิติของชีวิต
นาย ชยา ควรคิด รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารทางธนาคาร และทางขายตรงธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต มุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าธนาคารในทุกช่วงชีวิต โดยเฉพาะการวางแผนทางการเงินเพื่ออนาคต ผลิตภัณฑ์ประกันสะสมทรัพย์ที่เราร่วมพัฒนากับกรุงศรี ไม่เพียงแต่ช่วยบริหารความเสี่ยงทางการเงิน แต่ยังมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมและยืดหยุ่น โดยคำนึงถึงความต้องการทั้งด้านการศึกษาของบุตรและการเตรียมตัวสำหรับการเกษียณ ซึ่งถือเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับลูกค้าและครอบครัวได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลลูกค้าในระยะยาว รับประกันภัยตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน ถึงอายุ 70 ปี ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดีสำหรับลูกค้าทุกวัย เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าวัยทำงานที่มองหาความมั่นคงในรูปแบบประกันชีวิต
“กรุงศรีประกันสะสมทรัพย์ เพื่อคุณและคนที่คุณรัก 20/5 (+) และ 20/10 (+)” เป็นแบบประกันสะสมทรัพย์ที่ให้ความคุ้มครองยาว 20 ปี สามารถเลือกจ่ายเบี้ยระยะสั้นเพียง 5 ปี หรือ 10 ปี เบี้ยประกันภัยเริ่มต้น เพียง 8,000 บาท เมื่อครบกำหนดสัญญา มอบเงินก้อน 120% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย* เพื่อใช้เป็นต้นทุนต่อยอดธุรกิจ เตรียมตัวก่อนเกษียณ หรือ เป็นทุนการศึกษาให้กับบุตร พร้อมโอกาสรับเงินปันผลรายปีตั้งแต่สิ้นปีที่ 2-20 และเมื่อครบกำหนดสัญญา ซึ่งถือเป็นจุดเด่นสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การเสียชีวิต ด้วยความคุ้มครองสูงถึง 140% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย** และคุ้มครองเพิ่มเติมจากการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุถึง 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย พิเศษ มอบความคุ้มครองให้กับผู้ชำระเบี้ยฯ ของสัญญาหลักหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับผู้ชำระเบี้ยฯ*** คนที่คุณรัก (ผู้เอาประกันภัย) ยังคงมีอนาคตที่สดใสที่ยังได้รับความคุ้มครองเหมือนเดิมโดยไม่ต้องกังวลค่าเบี้ยประกันภัยที่ยังชำระไม่ครบเพราะบริษัทฯ ดูแลให้
สำหรับเงื่อนไขการรับประกันภัยสมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน ถึงอายุ 70 ปี เบี้ยฯเริ่มต้น 8,000 บาทต่อปี สามารถเลือกระยะเวลาชำระเบี้ยฯ ได้ทั้งแบบรายปี / ราย 6 เดือน / ราย 3 เดือน / รายเดือน แบบประกันกรุงศรีประกันสะสมทรัพย์ เพื่อคุณและคนที่คุณรัก 20/5 (+) และ แบบประกันกรุงศรีประกันสะสมทรัพย์ เพื่อคุณและคนที่คุณรัก 20/10 (+)
เปิดขายผ่านช่องทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมโปรโมชันพิเศษผ่อน 0% นานถึง 10 เดือนด้วยบัตรเครดิตธนาคารกรุงศรีอยุธยา สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/personal/bancassurance/saving-insurance/savings-insurance

Go To Lead


KBTG -3 ม.ชั้นนำไทย
เปิดหลักสูตรปริญญาโทรร่วม KBTG Kampus 'เน้น'เทคโนโลยี
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป เปิดเผยว่า KBTG ได้เปิดตัวโครงการ KBTG Kampus เมื่อปี 2565 เพื่อแก้ปัญหาทางการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย ด้วยการเชื่อมรอยต่อระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษา และเสริมสร้าง Ecosystem ของการเรียนทางด้านเทคโนโลยี (Tech Education) ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น พร้อมเปิดตัวสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) เป็นพันธมิตรแห่งแรกในการนำร่องแก้ปัญหาทางการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการพัฒนาหลักสูตรระดับปริญญาตรีซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญ ล่าสุด KBTG Kampus ได้ต่อยอดเปิดตัวหลักสูตรระดับปริญญาโท ร่วมออกแบบหลักสูตรกับ 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย โดยคัดสรรโจทย์จากงานวิจัยจริงมาพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในโลกอุตสาหกรรมปัจจุบันและอนาคต รวมถึงมุ่งเน้นสาขาวิชาที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตั้งแต่การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์และพยากรณ์ข้อมูล ด้านปัญญาประดิษฐ์และนวัตกรรม ไปจนถึงด้านความปลอดภัย จนได้ออกมาเป็น 3 หลักสูตร ดังนี้ หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิเคราะห์เชิงธุรกิจ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาความมั่นคงไซเบอร์และการประกันสารสนเทศ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล หลักสูตรศิลปศาสตรและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นอกจากความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรแล้ว KBTG จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้สนใจเข้าศึกษาต่อและดูแลหลักสูตรเพื่อรองรับนักศึกษาตั้งแต่แรกเข้าจนถึงเรียนจบ โดยหวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระบบและยกระดับการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย ไปจนถึงอุตสาหกรรมไอทีระดับประเทศ ผ่านการพัฒนา Tech Talent รุ่นใหม่ ตอกย้ำการเป็นองค์กรเทคโนโลยีชั้นนำของไทย พร้อมได้มีการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้กับทางมหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ที่สนใจลงเรียนหลักสูตรดังกล่าว สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ https://kbtgkampus.tech/
สำหรับโครงการ KBTG Kampus จะประกอบไปด้วย 3 โปรแกรมหลัก คือ 1. KBTG Kampus ClassNest ร่วมมือกับพันธมิตรในการออกแบบพัฒนาหลักสูตร Bootcamp สร้างบุคลากรเทคโนโลยีรุ่นใหม่ โดยคัดเลือกผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศมาช่วยอัพสกิลคนไอทีทุกเพศทุกวัย เพื่อบ่มเพาะทักษะที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน รวมถึงเพิ่มโอกาสเข้าทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ โดย KBTG มีการสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับผู้ที่ผ่านการคัดเลือก และหลังจากเรียนจบหลักสูตรแล้ว ผู้เรียนยังสามารถยื่นคะแนน Post-Test ตรงเข้าสัมภาษณ์รอบสุดท้ายกับ KBTG ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา KBTG Kampus ClassNest ได้จัด Bootcamp มาแล้วทั้งสิ้น 7 หลักสูตร คือ Java & Go Software Engineering (2 รุ่น), Cyber Security (2 รุ่น), Infrastructure และ M.A.D (Machine Learning, AI, Data) ที่ทำร่วมกับแพลตฟอร์มมหาวิทยาลัยชั้นนำ มีผู้สนใจสมัครรวมแล้วกว่า 3,000 คน และผู้เข้าร่วมหลักสูตรแล้วกว่า 1,000 คน โดย ณ ปัจจุบันกำลังมีการเปิดรับสมัคร Cyber Security ClassNest รุ่นที่ 2 ขึ้น ผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 17 พ.ย. 2567
2. KBTG Kampus Apprentice เปิดให้นิสิตนักศึกษาระดับชั้นปีที่ 3-4 ได้เข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานและพัฒนาทักษะผ่านการปฏิบัติงานจริงที่ KBTG กับผู้เชี่ยวชาญและทีมงานในช่วงระหว่างปีการศึกษา ซึ่ง KBTG ร่วมมือกับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นำร่องโปรแกรม Apprentice และขยายผลไปยังคณะอื่นๆ และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทดแทนการเรียนในห้องเรียน ด้วยการสัมผัสโลกทำงานจริงเป็นเวลาร่วม 2,000 ชั่วโมง จนถึงปัจจุบันมี Apprectice เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 50 คนในหลากหลายสาขาการทำงานใน KBTG ปัจจุบัน KBTG Kampus ได้ต่อยอด KBTG Apprentice ในระดับปริญญาโทร่วมกับ 3 มหาวิทยาลัยเป็นหลักสูตรนำร่องดังที่ได้กล่าวถึงข้างต้น
3. KBTG Kampus Co-Research ต่อยอดความร่วมมือสู่การทำงานวิจัยร่วมกัน ระหว่าง KBTG และพันธมิตรมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยี เพื่อเปิดโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและธุรกิจ S-Curve ใหม่ๆ พร้อมยกระดับขีดความสามารถและขับเคลื่อนการทำวิจัยทางด้าน Deep Tech จากรั้วมหาวิทยาลัยออกสู่โลกภายนอก พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างอิมแพ็คต่อผู้ใช้งานจริงในระดับภูมิภาค มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาที่ต้องการพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง รวมถึงแพลตฟอร์ม EdTech และกลุ่มคนที่มีความต้องการในการยกระดับวงการเทคโนโลยีไทย หรือพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมไปด้วยกัน สามารถมาร่วมยกระดับ Tech Education Ecosystem โดยดูรายละเอียดได้ที่ https://kbtgkampus.tech/ หรือติดต่อ kbtgkampus@kbtg.tech

Go To Lead


ผู้จัดการ ธ.ก.ส.
ตรวจเยี่ยมสาขา-ให้กำลังใจพนักงาน จ.ขอนแก่น-มหาสารคาม
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและให้กำลังใจการปฏิบัติงานของพนักงาน ธ.ก.ส. ในพื้นที่สาขาซำสูง จังหวัดขอนแก่น และ สาขาชื่นชม จังหวัดมหาสารคาม ทั้งการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล อาทิ โครงการประกันภัยข้าวนาปี 2567 การฟื้นฟูศักยภาพในการประกอบอาชีพ ภายใต้มาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย ระยะที่ 1 ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาหนี้ต่อเนื่องให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมมาตรการฯ ระยะที่ 1 จำนวนกว่า 1.41 ล้านราย และธนาคารได้เปิดให้ลูกค้าแจ้งความประสงค์เข้าโครงการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อยระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึง 31 มกราคม 2568 และพบปะพูดคุยกับลูกค้าเพื่อสอบถามความคิดเห็นในการใช้บริการและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการ อาทิ สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดถุงเงิน ที่ให้ผลตอบแทนและลุ้นโชคแบบรวยกระจาย ในราคาหน่วยละ 100 บาท ลุ้นโชครางวัลมูลค่า 100,000 บาท จำนวน 900 รางวัลทุกเดือน และรางวัลพิเศษมูลค่า 1,000,000 บาท ปีละ 1 ครั้ง และโค้งสุดท้ายกับสลากออมทรัพย์ทวีสิน ชุดมรกต เพิ่มโอกาสการออมแบบรวยเหลือแจกในราคาหน่วยละ 500 บาท ลุ้นโชครางวัลใหญ่มูลค่า 20 ล้านบาท และรางวัลอื่นๆรวมมูลค่า 159 ล้านบาท
สำหรับผู้ที่เปิดบัญชีเงินฝากใหม่ หรือฝากเพิ่มตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พฤศจิกายน 2567 คงยอดเงินฝาก 6 เดือน รับไปเลยกระปุกออมทรัพย์ “คุณมั่นคง” พร้อมทั้งได้ติดตามโครงการ สินเชื่อเงินด่วนคนดี อสม. กึ่งแสน และ อสส. สำหรับลูกค้ารายเดิมที่ชำระเงินตรงงวดครบ 4 เดือน วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 50,000 บาท ผ่อนชำระ 600 บาทต่อเดือน 123 งวด สินเชื่อเคหะเพื่อที่อยู่อาศัย BAAC Housing Loans อัตราดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้นร้อยละ 2.99 ต่อปี คงที่นานถึง 5 ปีแรกให้กับเกษตรกรและบุคคลในครอบครัวที่มีรายได้ประจำเป็นรายเดือน บุคลากรภาครัฐ หรือพนักงานองค์กรในสังกัดหน่วยงานที่ได้ทำข้อตกลงร่วมกันกับธนาคาร นำไปซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ปลูกสร้าง ที่อยู่อาศัยปรับปรุงหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และการไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น

Go To Lead


ซีไอเอ็มบี ไทย ตั้ง 'นรนนท์'
นั่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย ในการแต่งตั้ง นางสาวนรนนท์ ลิ่วเฉลิมวงศ์ เข้ารับตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ รองผู้บริหารสูงสุด ปฏิบัติการสินเชื่อรายย่อย มีผลตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป ซึ่งได้รับมอบหมายจากธนาคารให้ทําหน้าที่บริหารงานและกำหนดกลยุทธ์ และรับผิดชอบในส่วนของปฏิบัติการสินเชื่อรายย่อย (Consumer Credit Operations) ตั้งแต่ขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ การบริหารสินเชื่อ การติดตามหนี้สินเชื่อ และการบริหารจัดการทุจริตติดตามหนี้ ให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องตามการเติบโตของธุรกิจ
นางสาวนรนนท์มีประสบการณ์การทํางานในสถาบันการเงินมามากกว่า 20 ปี และมีความชำนาญเรื่องสินเชื่อรายย่อย การจัดการความเสี่ยงและการอนุมัติสินเชื่อ โดยมีประสบการณ์ทำงานด้านปฏิบัติการสินเชื่อร่วมกับธนาคารชั้นนำ ก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ รองผู้บริหารสูงสุด ปฏิบัติการสินเชื่อรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) นางสาวนรนนท์ สําเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาระบบสารสนเทศ (Information Systems) จากมหาวิทยาลัยแทสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย และสําเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

Go To Lead


SME D Bank'ชู'สินเชื่อ“Boost Up”
ทุกกลุ่มเอสเอ็มอีเข้าถึง Soft Loan ดอกเบี้ยต่ำ 3.5% ต่อปี
นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า SME D Bank ขานรับนโยบายรัฐบาล ในการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย เข้าถึงแหล่งทุนต้นทุนต่ำ นำไปใช้ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ หรือปรับเปลี่ยนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน จากความร่วมมือกับธนาคารออมสิน ดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงินรวม 1,200 ล้านบาท ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อ แบ่งเป็น 1.สินเชื่อ Boost Up เพื่อลงทุน ปรับปรุง ขยาย ปรับเปลี่ยนธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง วงเงิน 1,000 ล้านบาท เปิดกว้างทุกกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ เข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ วงเงินกู้สูงสุด 40 ล้านบาท (รวมทุกสถาบันการเงิน) อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี คงที่ 2 ปีแรก ส่วนปีที่ 3 เป็นต้นไป MLR+0.25%ต่อปี ระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน สิ้นสุดวันรับคำขอกู้ภายใน 30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินของโครงการ
และ 2.สินเชื่อ Boost Up เพื่อเอสเอ็มอีประสบอุทกภัย วงเงิน 200 ล้านบาท เปิดกว้างทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทางตรง ซึ่งมีสถานประกอบการอยู่ในพื้นที่ ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อลงทุน ปรับปรุง หรือหมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง เพื่อฟื้นฟูกิจการ วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท (รวมทุกสถาบันการเงินสูงสุดไม่เกิน 40 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี คงที่ 2 ปีแรก ส่วนปีที่ 3 เป็นต้นไป MLR +1.5%ต่อปี ระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน สิ้นสุดวันรับคำขอกู้ภายใน 30 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินของโครงการ
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการรับบริการ แจ้งความประสงค์ได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น LINE Official Account : SME Development Bank , เว็บไซต์ www.smebank.co.th เป็นต้น หรือ สาขา SME D Bank ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 135

Go To Lead


ออมสิน ย้ำ! สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 3.5%
SMEs-รายย่อย ยื่นกู้ได้ทุกแบงก์
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการ SMEs และลูกค้ารายย่อย หรือผู้ประกอบการอิสระที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา สามารถยื่นขอกู้ในโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up ได้ที่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ อาทิ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินอื่น ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง โดยทุกสถาบันการเงินได้ร่วมกันขยายความช่วยเหลือแก่ภาคธุรกิจเป็นวงกว้างและทั่วถึงมากที่สุด ผ่านการให้สินเชื่อครอบคลุมผู้ประกอบการ SMEs และรายย่อย ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน 3.5% ต่อปี ใน 2 ปีแรก
สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ให้กู้เพื่อการลงทุนในทรัพย์สินถาวร หรือเสริมสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ ที่ไม่ใช่การรีไฟแนนซ์ ยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่ 30 ธันวาคม 2568 ผู้ประกอบการ SMEs ลูกค้ารายย่อย หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ประสบอุทกภัย ให้กู้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเสริมสภาพคล่องในการฟื้นฟูการดำเนินกิจการ ยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่ 30 ธันวาคม 2567 นี้เท่านั้น
อนึ่ง โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up เป็นการดำเนินตามนโยบายรัฐบาล เพื่อสนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้แก่ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ นำไปปล่อยสินเชื่อต่อให้กับผู้ประกอบการ โดยให้กู้ตามความจำเป็นและความสามารถในการชำระหนี้ กำหนดวงเงินกู้สูงสุดรวมทุกสถาบันการเงินไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อราย วงเงินกู้รวมในโครงการ 100,000 ล้านบาท เพื่อช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเติบโตไปอย่างยั่งยืน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารออมสินและสถาบันการเงินทุกแห่งที่ร่วมโครงการ

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com