Finance/share
Hot News: ‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’ กวาด 10 รางวัล PropertyGuru Thailand Property Award ครั้งที่ 18
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
EXIM BANK 'หนุน'
ESG โลกยั่งยืน
EXIM BANK รุกบริหารจัดการธุรกิจ รวมถึงองค์กรการเงินเพื่อส่งออก ต้องคำนึงถึง ESG เพิ่มขึ้น คำนึงถึงหลักคุณธรรมและจริยธรรม ความยั่งยืน และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้บริหารสูงสุดกลุ่มความร่วมมือองค์กรรับประกันภาครัฐในเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 12 (The 12th RCG CEO Meeting) การประชุมครั้งนี้เป็นการพบกันครั้งแรกขององค์กรสมาชิกภายหลังการประชุมครั้งที่ 11 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2563 ซึ่งว่างเว้นการประชุมมานานกว่า 3 ปีเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประเด็นหารือสำคัญในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ ความสำคัญของการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) ซึ่งมิใช่คุณค่าที่เป็นนามธรรมอีกต่อไป เมื่อโลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากอันเป็นผลกระทบจาก COVID-19 การบริหารจัดการธุรกิจ รวมถึงองค์กรการเงินเพื่อการส่งออก (Export Credit Agencies : ECAs) ต้องคำนึงถึง ESG เพิ่มมากขึ้น คำนึงถึงหลักคุณธรรมและจริยธรรม ความยั่งยืน และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ ECAs มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจก้าวข้ามข้อจำกัดด้านการค้า การลงทุน การบริหารจัดการ Supply Chain และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางโอกาสและความเสี่ยงรอบด้าน "ในการประชุมครั้งนี้ สมาชิกได้ตระหนักว่า ภาครัฐ รวมถึง ECAs ต้องมีบทบาทมากขึ้นในการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงได้แลกเปลี่ยนแนวทางดำเนินงานเพื่อบริหารจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว โดยการพัฒนานวัตกรรมการเงินสีเขียว อาทิ การพัฒนาบริการประกันการส่งออกให้แก่ธุรกิจสีเขียว ธุรกรรมการเงินสนับสนุนโครงการสีเขียว" ดร.รักษ์ กล่าว นอกจากนี้ สมาชิกได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และตัวอย่างธุรกิจที่มีแนวทางการปฏิบัติที่เป็นเลิศในด้านพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และการบริหารจัดการขยะอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยลดการสนับสนุนธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อขับเคลื่อนไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในที่สุด ทั้งนี้ สมาชิกจะร่วมกันสนับสนุนการดำเนินงานและกิจกรรมขององค์กรต่าง ๆ รวมทั้งตลาดการค้าการลงทุนบนหลักการ ESG ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม และการแก้ปัญหาทางธุรกิจให้แก่ลูกค้าผู้ประกอบการอย่างมีประสิทธิภาพ “EXIM BANK ร่วมกับสมาชิก RCG มุ่งมั่นที่จะขยายความร่วมมือและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ส่งออกตลอด Supply Chain โดยเชื่อมโยงกันทั้งภายในและภายนอกภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บูรณาการองค์ความรู้และศักยภาพในการรับความเสี่ยง เพื่อทำให้องค์กรสมาชิกสามารถใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาบริการประกันการส่งออกและการลงทุน รวมถึงการประกันต่อ เพื่อเติมเต็มความต้องการของลูกค้ากันและกัน ช่วยให้ทุกภาคส่วนก้าวผ่านความท้าทายของเศรษฐกิจโลกไปได้อย่างยั่งยืน” ดร.รักษ์ กล่าว กลุ่มความร่วมมือองค์กรรับประกันภาครัฐในเอเชีย-แปซิฟิก (Regional Co-operation Group : RCG) มี 12 องค์กรสมาชิก ประกอบด้วย องค์กรรับประกันการส่งออกแห่งชาติของอินโดนีเซีย (ASEI) องค์กรรับประกันการส่งออกประเทศอินเดีย (ECGC Limited) องค์กรการส่งออกแห่งประเทศออสเตรเลีย (EFA) บริษัทประกันสินเชื่อเพื่อการส่งออกของฮ่องกง (HKECIC) องค์กรประกันเพื่อการส่งออกเกาหลีใต้ (K-SURE) องค์กรรับประกันแห่งประเทศญี่ปุ่น (NEXI) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งมาเลเซีย (MEXIM) บริษัทรับประกันการส่งออกแห่งประเทศจีน (SINOSURE) องค์การวิสาหกิจของสิงคโปร์ (Enterprise Singapore) องค์กรรับประกันการส่งออกประเทศศรีลังกา (SLECIC) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของไต้หวัน (TEBC) และ EXIM BANK ของไทย

Go To Lead


‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’ กวาด 10 รางวัล
PropertyGuru Thailand Property Award ครั้งที่ 18
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของไทย เปิดเผยว่า การที่ “ฮาบิแทท กรุ๊ป” ได้รับรางวัล สุดยอดบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Best Lifestyle Developer จากเวที Property Guru Thailand Property Award ครั้งที่ 18 ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเป็นการตอกย้ำผู้นำพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการอยู่อาศัย และการลงทุนในรูปแบบไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์ (Lifestyle Investment) มากว่า 10 ปี ฮาบิแทท กรุ๊ป คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ทั้งยังมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะพัฒนาโครงการอย่างมีคุณภาพผ่านการใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบ พร้อมนำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ รางวัลที่ได้รับนี้เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงสะท้อนถึงวิสัยทัศน์การทำธุรกิจตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงภารกิจในการยกระดับมาตรฐานใหม่ของการใช้ชีวิตที่ทันสมัยทั้งปัจจุบันและในอนาคต
นอกจาก ฮาบิแทท กรุ๊ป ได้คว้ารางวัล Best Lifestyle Developer แล้ว ในปีนี้ได้รางวัล Special Recognition in Community Services และรางวัล Special Recognition in Sustainable Design and Construction รวมถึงรางวัลจาก 2 โครงการลักชัวรีรวมทั้งหมด 10 รางวัล บนเวที Property Guru Thailand Property Award ครั้งที่ 18 โดย 10 รางวัลที่ได้รับ มาจากโครงการ วินแดม แกรนด์ เรสซิเดนซ์ วงศ์อมาตย์ พัทยา (Wyndham Grand Residences Wongamat Pattaya) คว้ารางวัลในประเภท Best Condo Development (Thailand) Best Condo Development (Eastern Seaboard), Best Condo Architectural Design, Best Condo Interior Design, Best Condo Landscape Design และโครงการไฮแลนด์ พาร์ค พูล วิลล่า พัทยา (Highland Park Pool Villa Pattaya) คว้ารางวัลในประเภท Best Housing / Villa Development (Eastern Seaboard), Best Housing Architectural Design (Eastern Seaboard)
“เราจะใช้รางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ ในการเดินหน้าขับเคลื่อนการทำงานของเราเพื่อส่งมอบบ้านพักอาศัยและคอนโดมิเนียมที่มีคุณภาพ และมาตรฐานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง” นายชนินทร์ กล่าว ทั้งนี้ ผู้ชนะรางวัลของประเทศไทยมีสิทธิ์เข้าร่วมการชิงรางวัลระดับนานาชาติ Property Guru Asia Property Awardsจะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 18 ที่กรุงเทพฯ ในวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคมนี้ โดยมีผู้ชนะที่ได้รับการคัดเลือกจากการแข่งขันชิงรางวัลระดับภูมิภาคที่ดีที่สุดในเอเชียจากประเทศ กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และจีน PropertyGuru Thailand Property Award นับเป็นสุดยอดงานมอบรางวัลด้านอสังหาริมทรัพย์นี้ที่จัดขึ้นอย่างยาวนานที่สุดในประเทศไทย โดยมี บริษัทผู้พัฒนาและโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทยทั้งจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงระดับภูมิภาค

Go To Lead


ออมสิน เร่ง“การแก้ไขหนี้นอกระบบ”
ให้กู้ 50,000 บาทต่อราย ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.75%
ธนาคารออมสิน รับมอบนโยบายตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศเดินหน้า “การแก้ไขหนี้นอกระบบ” เป็นวาระแห่งชาติ โดยธนาคารพร้อมขับเคลื่อนภารกิจขานรับนโยบายรัฐ ตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ให้ธนาคารออมสินช่วยเหลือลูกหนี้เงินกู้นอกระบบที่เดือดร้อนจากการนำเงินกู้ไปใช้ประกอบอาชีพ โดยธนาคารเปิดให้กู้ “สินเชื่อธนาคารประชาชน เพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ” เพื่อใช้บรรเทาความเดือดร้อนภาระหนี้นอกระบบที่มีอยู่ ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์ยื่นกู้เป็นผู้ที่ประกอบอาชีพ มีรายได้ อายุ 20 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 65 ปีเมื่อรวมอายุตัวกับระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ วงเงินให้กู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.75% ต่อเดือน (Flat Rate) ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 5 ปี หรือ 60 งวด สามารถใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์อื่นเป็นหลักประกันได้
ทั้งนี้ สามารถติดต่อขอกู้ที่ธนาคารออมสินได้ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115

Go To Lead


Krungsri ESG Awards 2023
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยเป้าหมายในการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ยั่งยืนที่สุดในประเทศไทย กรุงศรีได้นำกรอบแนวความคิด ESG มาปรับใช้ทั้งการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนมุ่งมั่นให้การสนับสนุนและส่งเสริมเหล่าพันธมิตรและลูกค้าธุรกิจให้สามารถเปลี่ยนผ่านสู่การดำเนินงานด้าน ESG อย่างแท้จริงผ่านการสนับสนุนทางการเงิน รวมถึงโครงการต่าง ๆ ซึ่ง Krungsri ESG Awards 2023 นับเป็นอีกหนึ่งพลังความร่วมมือจากหลายภาคส่วนทั้งคณะกรรมการและพันธมิตรจากหน่วยงานรัฐและเอกชน รวมถึงผู้เข้าร่วมโครงการทุกท่านในการแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์เพื่อนำแนวคิด ESG ไปปรับใช้ พร้อมต่อยอดความยั่งยืนให้กับธุรกิจในทุกมิติ โครงการดังกล่าวจะสำเร็จไปไม่ได้ หากปราศจากความร่วมมือ การระดมความคิด และลงมือทำอย่างจริงจังของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม กรุงศรีขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินงานดังกล่าวจะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจตามแนวทาง ESG ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจไทยและในระดับประเทศต่อไป
นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรี ในฐานะภาคการเงินที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศ เราตระหนักถึงความเร่งด่วนและความจำเป็นในการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะปัจจุบันที่แนวคิดการดำเนินงานตามกรอบ ESG ได้ขยายวงครอบคลุมทุกภาคส่วนของห่วงโซ่ธุรกิจ จึงเป็นเรื่องที่ธุรกิจในทุกระดับรวมถึงผู้ประกอบการ SME จะต้องให้ความสำคัญและพร้อมที่จะปรับตัวดำเนินการตามกรอบดังกล่าวเพื่อความอยู่รอดและสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงยั่งยืน อย่างไรก็ตามยังมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่อาจมีความเข้าใจไม่ชัดเจน หรือยังไม่ทราบถึงแนวทางปฏิบัติ การจัดโครงการ Krungsri ESG Awards 2023 จึงเข้ามามีส่วนสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจ พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง”
โครงการ Krungsri ESG Awards 2023 จัดขึ้นเป็นปีแรก มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งส่งเสริมให้ลูกค้าธุรกิจตระหนักถึงความสำคัญและนำแนวคิด ESG ไปปรับใช้และต่อยอดเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในทุกมิติ โดยได้รับเกียรติจากองค์กรพันธมิตรผู้ทรงคุณวุฒิและมีวิสัยทัศน์ด้าน ESG ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สมาคมธุรกิจเพื่อสังคม และสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาและตัดสินรางวัล สำหรับปีนี้ มีกิจการที่เข้าร่วมโครงการเป็นกลุ่มลูกค้าธุรกิจของธนาคารกรุงศรีที่มียอดขายต่อปีไม่เกิน 1,000 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจเพื่อสังคมภายใต้เครือข่าย SE Thailand โดยมีกิจการที่ได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 18 รางวัล ประกอบไปด้วย รางวัล Excellence จำนวน 6 รางวัล ซึ่งมอบให้กิจการที่มีความเป็นเลิศ ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล และรางวัล Highly commended จำนวน 12 รางวัล ซึ่งมอบให้เพื่อเชิดชูกิจการที่ริเริ่มและดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่ดีทั้งสามด้าน นอกจากนี้ งานมอบรางวัลในครั้งนี้ได้จัดงานแบบ Carbon Neutral Event โดยชดเชยคาร์บอนเหลือศูนย์ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของกรุงศรีที่จะร่วมแก้ปัญหาของสภาพอากาศ “ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการทำงานด้าน ESG ของทุกท่าน ไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของท่านเท่านั้น แต่ยังทรงคุณค่าต่อการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศและโลกของเรา ทั้งนี้ กรุงศรี จะยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนในหลากหลายมิติ รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยสร้างการรับรู้ ส่งเสริม สนับสนุนและผลักดันการดำเนินงานด้าน ESG เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ SME ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นางสาวดวงกมล กล่าว

Go To Lead


ธนาคารกรุงเทพ-กลุ่มเดอะมอลล์
ชวนลูกค้าสร้าง ‘ตำนานนักช้อปยุคใหม่ ไบร์ทกว่าเดิม’
นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ล่าสุด ธนาคารและกลุ่มเดอะมอลล์ ได้ร่วมกันเปิดตัวซุปตาร์สุดฮอต “ไบร์ท – วชิรวิชญ์ ชีวอารี” ในฐานะพรีเซนเตอร์บัตรโคแบรนด์ Bangkok Bank M Visa ด้วยคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น เป็นศิลปินคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและมีความตั้งใจที่จะสร้าง “ตำนาน” บทใหม่ด้วยศักยภาพและความสามารถของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังชื่นชอบการได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะกับเรื่องการช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ โดยครั้งนี้ไบร์ทจะมาชวนลูกค้าผู้ถือบัตร Bangkok Bank M Visa ร่วมกันสร้าง “ตำนานนักช้อปยุคใหม่ ไบร์ทกว่าเดิม ในโอกาสเปิดตัวบัตรใหม่ครั้งนี้ ธนาคารได้จัดโปรโมชันพิเศษเพื่อกระตุ้นการรับรู้และเชิญชวนให้ลูกค้ามาสมัครบัตรใหม่ โดยผู้สมัครบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพรายใหม่ รับฟรี กระเป๋าเดินทาง Caggioni ขนาด 20 นิ้ว มูลค่า 3,990 บาท เมื่อสมัครบัตรเครดิต Bangkok Bank M Luxe Visa Signature, Bangkok Bank M Live Visa Platinum และได้รับอนุมัติระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 31 พฤษภาคม 2567 มียอดใช้จ่ายสะสมผ่านบัตร ตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ภายใน 60 วัน นับจากวันที่ได้รับอนุมัติบัตรเครดิต (สำหรับผู้สมัครบัตรหลักที่เป็นผู้สมัครบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพรายใหม่ ซึ่งไม่เคยถือ บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพทุกประเภทมาก่อน หรือหากเคยถือบัตรและได้ยกเลิกไปแล้ว ต้องยกเลิกแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี) ทั้งนี้ ธนาคารขอเชิญชวนลูกค้าและผู้สนใจสมัครบัตรเครดิตและบัตรเดบิต Bangkok Bank M Visa ได้ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป ที่ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา, บูท Bangkok Bank M ที่ห้างสรรพสินค้าในเครือ The Mall ทุกแห่ง หรือ Bangkok Bank Mobile Banking ช่องทางสะดวกที่สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง
“เราเชื่อมั่นว่าบัตรโคแบรนด์ Bangkok Bank M Visa จะเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างธนาคารและกลุ่มเดอะมอลล์ เพื่อร่วมกันส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในด้านการช้อปปิ้ง ไลฟ์สไตล์ และบริการทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปีที่เป็นเทศกาลแห่งความสุขและการจับจ่ายใช้สอย บัตรนี้น่าจะเป็นโซลูชันที่ช่วยตอบโจทย์ทั้งการชำระเงินที่สะดวกสบาย คุ้มค่ายิ่งขึ้นกับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ พร้อมประสบการณ์ใช้จ่ายที่เป็นตำนานสำหรับนักช้อปยุคใหม่ได้ดีทีเดียว ดังนั้น การมาจับมือกันและเป็น “เพื่อนคู่คิด” ให้กันและกันครั้งนี้ จะช่วยกันสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกมิติการใช้ชีวิตของลูกค้า ให้เกิดขึ้นต่อเนื่องไปทุกวันและเชื่อมั่นว่าลูกค้าจะให้การตอบรับที่ดี” นายโชค กล่าว
สำหรับ บัตรเครดิต Bangkok Bank M Visa ถือเป็นบัตรโคแบรนด์ใบล่าสุดที่เกิดจากความร่วมมือของธนาคารกรุงเทพและกลุ่มเดอะมอลล์ มาพร้อมสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งการช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์อย่างรอบด้าน เมื่อใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเดอะมอลล์ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ เอ็มโพเรียม (EMPORIUM) เอ็มควอเทียร์ (EMQUARTIER) เอ็มสเฟียร์ (EMSPHERE) สยามพารากอน Monline.com และ Gourmetmarketthailand.com โดยมอบส่วนลดสำหรับการช้อปปิ้ง สูงสุดถึง 10% พร้อมรับคะแนนสะสม M Point สูงสุด 4 เท่า (จากปกติใช้จ่าย 25 บาท รับ 1 คะแนนสะสม M Point) และพิเศษ! ใช้คะแนน 2 เท่าของยอดซื้อ เพื่อแลกคะแนนเป็นส่วนลดเพิ่มถึง 25% อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีบัตรเดบิต Bangkok Bank M Visa มีให้เลือกทั้งแบบบัตรชิปการ์ด และบัตรดิจิทัลที่ใช้ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง หรือจะเลือกสมัครทั้ง 2 แบบไว้ใช้คู่กันก็ได้ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในกลุ่มที่คุ้นเคยกับการใช้เงินสดในชีวิตประจำวัน ให้เปลี่ยนมาใช้การชำระผ่านบัตรแทนพร้อมรับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่าเดิม ทั้งส่วนลด คะแนนสะสม
M Point และสิทธิพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ
• บัตรเครดิต Bangkok Bank M Visa จะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ประกอบด้วย บัตรเครดิต Bangkok Bank M Live Visa Platinum สำหรับผู้มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป บัตรเครดิต Bangkok Bank M Luxe Visa Signature สำหรับผู้มีรายได้ 300,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป และบัตรเครดิต Bangkok Bank M Legend Visa Infinite สำหรับลูกค้าที่ได้รับการเรียนเชิญให้สมัครเท่านั้น ซึ่งมีสิทธิประโยชน์มากมายจากการใช้จ่ายในห้างและนอกห้าง อาทิ ส่วนลดสูงสุด 10% และส่วนลด 5% เมื่อใช้จ่ายที่ กูร์เมต์ มาร์เก็ต รับคะแนน M Point สูงสุด 4 เท่า และสามารถนำคะแนนมาแลกรับสินค้าได้ทุกชิ้นทั้งห้าง• บัตรเดบิต Bangkok Bank M Visa และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่จะออกเพิ่มเติม อาทิ บัตรพรีเพด (Prepaid Card), กิ๊ฟท์การ์ด (Gift Card) และ บัตรกดเงินสด (Revolving Card) ช่วงแรกได้เปิดตัวบัตรเครดิตและบัตรเดบิต Bangkok Bank M Visa ซึ่งสามารถสมัครได้ในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จะทยอยเปิดให้บริการในปี 2567 ตามลำดับ ผู้สนใจบัตรเครดิตและบัตรเดบิต Bangkok Bank M Visa สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา หรือ บัวหลวงโฟน โทร. 1333 หรือ 0-2645-5555 หรือติดต่อ M Card Contact Centre โทร. 02-789-5555 ได้ทุกวัน 10.00-19.00น.

Go To Lead


กลุ่มธุรกิจการเงินกสิกรไทย
ซื้อหุ้นเพิ่มทุนแมสเปี้ยน อินโดนีเซีย 84.55%
นายภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ ประธานกรรมการ บริษัท กสิกร วิชั่น ไฟแนนเชียล จำกัด (KASIKORN VISION FINANCIAL COMPANY PTE. LTD.) (KVF) เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจการเงินกสิกรไทยได้ทยอยเข้าถือหุ้นธนาคารแมสเปี้ยน ประเทศอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา โดยล่าสุดในครั้งนี้ได้ดำเนินการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนอีกครั้ง ทำให้มูลค่าทุนของธนาคารแมสเปี้ยนหลังเพิ่มทุนแล้วเสร็จอยู่ที่ 15,441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,000 ล้านบาท และส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารแมสเปี้ยนเพิ่มขึ้น จาก 67.68% เป็น 84.55% เพื่อผลักดันให้การดำเนินงานของธนาคารแมสเปี้ยนเติบโตอย่างต่อเนื่อง เสริมความแข็งแกร่ง รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการให้บริการลูกค้า และยังเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารแมสเปี้ยน ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยได้นำประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจธนาคารกว่า 78 ปี ความพร้อม ความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีการเงินมาประยุกต์ ต่อยอด และเสริมสร้างความแข็งแกร่งในทุกด้านสู่ธนาคารแมสเปี้ยน เพื่อเป็น “Right Financial Partner” ที่สามารถให้บริการด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากการให้บริการด้านธุรกรรมการเงินเพื่อช่วยส่งสริมการเติบโตในธุรกิจของลูกค้า รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในระยะยาว ผ่านการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มองค์กร/ธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate) กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และกลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail)
กลุ่มองค์กร/ธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate) เป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และเป็นผู้นำทางธุรกิจที่มีบทบาทขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย ธนาคารจึงต้องการเพิ่มความสามารถในการให้บริการ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระดับที่ลึกขึ้น เพื่อเป็นหนึ่งในแหล่งเงินทุนที่มีศักยภาพในการปล่อยสินเชื่อ และให้บริการด้านธนาคารที่ครบวงจร
กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ธนาคารได้ดำเนินการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยในการตรวจสอบรายได้ และการอนุมัติการปล่อยสินเชื่อ เพื่อปลดล็อคข้อจำกัดต่าง ๆ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัย และรัดกุม พร้อมทั้งยังนำเสนอระบบกู้เงินแบบ P2P ที่ลูกค้าสามารถกู้ระหว่างบุคคล
กลุ่มลูกค้ารายย่อย (Retail) ธนาคารมุ่งขยายฐานลูกค้ารายย่อยผ่านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการต่าง ๆ ทั้งบัญชีเงินเดือน QRIS (ระบบชำระเงินผ่าน QR Code ของประเทศอินโดนีเซีย) บัญชีเงินฝาก การกู้เงินส่วนบุคคล รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ให้ตอบสนองความต้องการ และพฤติกรรมของลูกค้ารายย่อยในชีวิตประจำวันอันหลากหลาย
นายภัทรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเพิ่มทุนในครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจสู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 ที่น่าเชื่อถือที่สุด ด้วยการยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมทางการเงิน และเทคโนโลยี เพื่อให้บริการที่ไม่จำกัดอยู่แค่ด้านการเงินตามการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน และด้วยความได้เปรียบของธนาคารกสิกรไทยที่มีพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญทั่วภูมิภาค จะยิ่งช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอินโดนีเซีย และ AEC+3 ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของธนาคารในการก้าวสู่การเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคชวาตะวันออก ประเทศอินโดนีเซีย ภายในปี 2570

Go To Lead


กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ชูแอป ‘UCHOOSE’
รุกขยายฐานผู้ใช้บริการผ่านช่องทางดิจิทัล
นางสาวณญาณี เผือกขำ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลแบรนด์บัตรเครดิต กรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์, บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน, และบัตรเครดิตโลตัส เปิดเผยว่า “การทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลของสมาชิกบัตรเครดิตและสินเชื่อในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะผ่านช่องทาง UCHOOSE แอปพลิเคชันเพื่อการบริหารบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ โดยจากข้อมูลพบว่า ลูกค้ากว่า 80% เข้าใช้งาน UCHOOSE เป็นประจำทุกเดือน โดยกลุ่มลูกค้าผู้ใช้งานหลัก คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งนี้ จากสถิติการใช้งานแสดงให้เห็นว่า จำนวนธุรกรรมผ่าน UCHOOSE ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2566 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่น บริการชำระบิลบัตรเครดิตผ่านแอปโดยเชื่อมต่อกับแอป KMA krungsri app มีจำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้น 36%, บริการชำระเงินด้วยการสแกน QR บัตรเครดิตผ่านแอปมีจำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้น 58% ส่วน U CASH บริการขอสินเชื่อเงินสดผ่านแอป UCHOOSE มีทำรายการรวมมูลค่ากว่า 35 พันล้าน เติบโต 24% นอกจากนั้น สัดส่วนการสมัครบัตรเครดิตผ่าน UCHOOSE ในปีนี้ ยังเติบโตขึ้นเป็นสัดส่วน 50% ของช่องทางทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของลูกค้าในการใช้ธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น รวมถึงศักยภาพของแอป UCHOOSE ในการเป็นช่องทางสำคัญที่จะช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้บริการทางการเงินที่ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทางการเงินที่หลากหลาย”
“ปีนี้ เพื่อเจาะตลาด ขยายฐานลูกค้าที่ชื่นชอบการใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลที่สะดวกสบาย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จึงมุ่งยกระดับบริการผ่านแอปพลิเคชัน UCHOOSE เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่สะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยนอกจากฟีเจอร์เด่น ๆ เช่น ฟีเจอร์สมัครบัตรเครดิตและสินเชื่อใหม่ผ่านแอป ‘U CARD & LOAN’ ที่ช่วยให้ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปเพื่อสมัครบัตรเครดิตและสินเชื่อได้อย่างสะดวกสบาย และง่ายดาย, บริการตรวจสอบข้อมูลและบริหารบัญชีบัตรเครดิตผ่านแอปซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้สมาชิกบัตรได้รับบริการทางการเงินที่สะดวก รวดเร็วแล้ว ในปีนี้ บริษัทยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ เช่น ยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยการยืนยันตัวตนด้วย Biometrics และ Face Scan เช่น หากต้องกดเงินสดจากวงเงินบัตรเครดิตเกิน 50,000 บาทขึ้นไป จะต้องยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทุกครั้ง รวมทั้งยังป้องกันการรีโมทหน้าจอ โดยระบบจะแจ้งเตือนทันทีให้ปิดโหมดการช่วยเหลือแบบพิเศษ (Accessibility Service) ก่อนทำธุรกรรมสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการของ Android, นอกจากนั้น ยังเพิ่มฟีเจอร์ ‘U POCKET’ ตัวช่วยในการบริหารและวางแผนการเงินส่วนบุคคล โดยระบบจะจดบันทึกทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแยกให้เป็น 6 หมวด ได้แก่
ช้อปปิ้ง, ไลฟ์สไตล์, อาหาร, การเดินทาง, จ่ายบิล และหมวดอื่น ๆ เพียงลูกค้าลากรายการใช้จ่ายไปเก็บตามหมวดหมู่ที่กำหนด โดยมีกราฟสรุปแสดงรายการใช้จ่ายให้เห็น เพื่อช่วยให้ลูกค้าวางแผนและบริหารการเงินได้ง่ายยิ่งขึ้น เป็นต้น ซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี นอกจากการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ยังตั้งเป้าจะสร้างความผูกพันกับลูกค้าปัจจุบัน โดยขยายเครือข่ายกับพันธมิตรชั้นนำในธุรกิจต่าง ๆ เพื่อนำเสนอดีลเด็ดและโปรโมชันสุดพิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับผู้ใช้งานแอป UCHOOSE ผ่านฟีเจอร์เด่น ๆ เช่น ฟีเจอร์ U MALL แหล่งรวมโปรแรง สุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะลูกค้า UCHOOSE มากกว่า 32 ร้านค้าพันธมิตร เช่น Lazada, Shopee, Lotus’s, Agoda, Central App, Uniqlo, Homepro Online, Major Cineplex, Grab เป็นต้น, U EATS ฟีเจอร์เอาใจสายกินที่นำเสนอโปรโมชันสุดคุ้มจาก 51 พันธมิตรร้านอาหารชั้นนำทั่วไทยและแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีชั้นนำที่มาพร้อมข้อเสนอและดีลเด็ดที่ลูกค้าสามารถซื้อผ่าน UCHOOSE ด้วยบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้อย่างสะดวก โดยพบว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2566 มียอดขายดีลแล้วกว่า 21,000 รายการ รวมมูลค่ากว่า 8.2 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เพื่อมอบโปรโมชันสุดพิเศษเพื่อผู้ใช้งานแอปผ่านฟีเจอร์ดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมการตลาด และกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานแอปเป็นประจำอีกด้วย
“ทั้งนี้ เพื่อสร้างความรับรู้เกี่ยวกับฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทางการเงินที่หลากหลายของ UCHOOSE ในช่วงปลายปีนี้ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้ออกแคมเปญสื่อสารการตลาดชุดใหม่ “เปิดUCHOOSEก่อนเปย์” เพื่อไม่พลาดโปรดี ดีลเด็ด โดยได้นักแสดงชื่อดัง “ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ” มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชัน UCHOOSE ที่ช่วยเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเข้ากับบริการทางการเงินแบบครบวงจรและครบจบในแอปเดียวทั้งกิน ช้อป เที่ยว สามารถรับชมได้ผ่านทุกช่องทางออนไลน์ของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ทั้ง เว็บไซต์, เฟซบุ๊ก, ไลน์, และ ยูทูบ เพื่อช่วยสร้างการรับรู้เกี่ยวกับฟีเจอร์ที่โดดเด่นของแอป UCHOOSE ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มากขึ้น เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ให้ทดลองดาวน์โหลด สมัครบัตร และใช้งานฟีเจอร์เด่น ๆ ของแอป รวมทั้งส่งเสริมให้กลุ่มผู้ใช้งานปัจจุบันเข้าใช้งานแอปเป็นประจำเพื่อใช้ประโยชน์จากดีลเด็ดและแคมเปญส่งเสริมการตลาดสุดพิเศษที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้า เพื่อยกระดับบริการและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น โดยในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าจะมีลูกค้าลงทะเบียนใช้งานแอป UCHOOSE แตะ 7.3 ล้านบัญชีภายในปี 2566” นางสาวณญาณี กล่าวสรุปผู้ที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาใช้งานได้อย่างสะดวก เพียงค้นคำว่า ‘UCHOOSE’ ในแอป สโตร์ หรือเพลย์ สโตร์ แล้วลงทะเบียนใช้งานด้วยตัวเอง ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.krungsriconsumer.com/uchoose

Go To Lead


"เงินติดล้อ" ได้รับการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการบริษัท
"ระดับดีเลิศ" (5 ดาว) ปี 66
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ หรือ TIDLOR กล่าวว่า การที่ได้รับคะแนนการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาวนั้น เป็นผลมาจากการที่ บมจ.เงินติดล้อ ดำเนินธุรกิจอย่างมีมาตรฐาน โปร่งใส และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ นอกจากนี้ ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของการยึดมั่นดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล ภายใต้กรอบแนวคิดทั้ง ESG : Environment, Social, Governance และแนวคิดด้าน SDGs: Sustainable Development Goals ตามเจตนาในการสร้างโอกาสทางการเงินที่เป็นธรรมและโปร่งใสให้กับประชาชน รวมถึงการมุ่งส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองด้านประกันภัยได้โดยสะดวกยิ่งขึ้น
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ได้รับคะแนนการประเมินด้านการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ “ระดับดีเลิศ (Excellence)” จากการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2566 (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2023 หรือ CGR) โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors: IOD) ภายใต้การสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ผู้สนใจสามารถติดตามเรื่องราวของ บมจ. เงินติดล้อได้ที่ www.tidlor.com หรือ Facebookเงินติดล้อ สอบถามผลิตภัณฑ์และบริการได้ที่ call center หมายเลข 088-088-0880 ตลอด 24 ชม.

Go To Lead


KTC FIT Talk #10“ถึงเวลาพลังงานทางเลือก เป็นพลังงานทางรอด”
นายสุวัฒน์ เทพปรีชาสกุล ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า เคทีซีเป็นสถาบันการเงินไทยโดยคนไทยเพื่อคนไทย เราตระหนักและให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจภายใต้ ESG หรือแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืนมาตลอด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องของการร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับสังคมไทยเพื่อส่งต่อให้กับคนรุ่นหลัง และพลังงานทางเลือกจากธรรมชาติกำลังเป็นความจำเป็นที่เข้ามาทดแทนพลังงานแบบเดิม เราจึงพยายามวางแผนกลยุทธ์การตลาดต่างๆ เพื่อร่วมขับเคลื่อนให้คนไทยและสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่สนใจเรื่องของพลังงานทดแทน สามารถเข้าถึงและจับต้องได้ โดยจากการศึกษาพบว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ และฐานข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Electronic Vehicle – EV) ตั้งแต่ ต้นปี 2566 ถึงปัจจุบัน ยังพบว่ามีการเติบโตต่อเนื่องถึง 60% และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ EV / เครื่องชาร์จระบบรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนประกันภัย สำหรับรถยนต์ EV โดยเฉพาะ และพร้อมมองหาโอกาสในการต่อยอดเพื่อเป็นหนึ่งในการสรรค์สร้างสังคมสู่ความยั่งยืนต่อไป
นายวัชรินทร์ บุญฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ กรมพัฒนาพลังงานทดแทน และอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ดำเนินการส่งเสริม สนับสนุนการผลิตและการใช้พลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่อง ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. 2561-2580 (AEDP 2018) โดยกำหนดเป้าหมายการใช้พลังงานทดแทนที่ร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ. 2580 และมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานทดแทน ทั้งในส่วนของพลังงานไฟฟ้า พลังงานความร้อน และเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง ซึ่งขับเคลื่อนผ่านมาตรการต่างๆ นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังจัดทำแผนพลังงานชาติฉบับใหม่ ที่มีเป้าหมายการมุ่งสู่ Carbon Neutrality 2050 หรือความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งหมายถึงการลด ดูดซับ หรือชดเชยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในปริมาณที่เท่ากับการปล่อย CO2 ตามกรอบแผนพัฒนาพลังงานชาติ (National Energy Plan) ซึ่งกำหนดเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไว้ที่สัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 โดยมุ่งเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน ส่งเสริมการประหยัดพลังงานให้เข้มข้นมากขึ้น รวมทั้งมีนโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ขอบเขตของการร่วมมือในการพัฒนาส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกระหว่างภาครัฐและเอกชนที่สามารถร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนสังคม พร้อมส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกในบริบทต่างๆ เช่น การส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจสีเขียว การใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญและมุมมองความต้องการในเชิงธุรกิจ
นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า “จากเมกะเทรนด์ ที่ผลักดันให้ระบบโซลาร์ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความต้องการใช้รถไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประสิทธิภาพของวัสดุอุปกรณ์ของระบบดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนของระบบโซลาร์ต่ำลงและเข้าถึงง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันระบบโซลาร์แบบออนกริด (On-Grid) ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจาก คืนทุนรวดเร็วที่สุด และสามารถขายคืนการไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ภาคประชาชน หากต้องการติดตั้งระบบโซลาร์ นอกเหนือจากพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของเจ้าของบ้านแล้ว ควรพิจารณาถึงมาตรฐานของอุปกรณ์ในระบบ ผู้ให้บริการติดตั้งที่เชื่อถือได้ เพื่อการดูแลในระยะยาว”“เอสซีจี โซลาร์รูฟ โซลูชัน ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมระบบหลังคาโซลาร์สำหรับที่พักอาศัย พร้อมโซลูชันครบวงจร เรามุ่งมั่นพัฒนาสินค้านวัตกรรมให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะระบบการยึดติดแผงโซลาร์โดยไม่ต้องเจาะหลังคา เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องหลังคารั่วด้วย Solar FIX การให้บริการแบบครบวงจร และการรับประกันตลอด 25 ปีโดยเอสซีจี ตลอดจนพัฒนาสินค้าและบริการให้เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ไฟฟ้าในบ้านอย่างครอบคลุมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนและผลักดันให้พลังงานสะอาดสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้น”
นายณัฐสิทธิ์ สุนทราณู ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือในการทำการตลาดเพื่อร่วมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีในสังคมไทย “อีกมุมหนึ่งของการดำเนินธุรกิจที่เคทีซีคำนึงถึงมาโดยตลอด คือการบูรณาการกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ภายใต้กรอบความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ที่มีการดำเนินงานให้สอดคล้องสนับสนุนในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรรมาภิบาล โดยเคทีซีได้คัดสรรสิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม คุ้มค่าและตรงกับความต้องการของสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีเป็นสำคัญ ซึ่งเรื่องของที่พักอาศัยถือเป็นปัจจัยหลักพื้นฐานของมนุษย์ เคทีซีจึงจัดเตรียมสิทธิพิเศษที่ช่วยตอบโจทย์แนวคิดและวิถีชีวิตไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่ของสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่เป็นคนรุ่นใหม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมองหาความคุ้มค่าในการใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด เพื่อให้สมาชิก เคทีซีและผู้บริโภคสามารถเข้าถึงพลังงานทางเลือกได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลิตภัณฑ์โซลาร์รูฟ และการเข้าถึงผลิตภัณฑ์โซลาร์รูฟได้ง่ายขึ้น โดยในช่วงปีพ.ศ.2564 - 2566 ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในการติดตั้ง โซลาร์รูฟเติบโตเฉลี่ย 10%” “เคทีซียังได้เตรียมสิทธิพิเศษในรูปแบบต่างๆ กับพันธมิตรชั้นนำเกี่ยวกับการติดตั้งโซลาร์รูฟ ทั้งการผ่อนชำระ 0% หรือรับเครดิตเงินคืนเพิ่มเติม เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี โดยสามารถติดต่อและหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-123-5000 หรือ โซลาร์ รูฟ (ktc.co.th) เราเชื่อว่าวันนี้พลังงานทางเลือกเป็นเรื่องสำคัญและจะได้รับความสนใจมากขึ้นจากกระแสของการรักษ์โลกและความยั่งยืน เคทีซีจึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่นำเสนอความคุ้มค่าให้กับสมาชิกเคทีซี นึกถึงโซลาร์รูฟ นึกถึงบัตรเครดิตเคทีซี นอกจากนี้ ยังเปิดรับธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือก และสนใจจะเป็นพันธมิตร คู่ค้าร่วมกับเคทีซีในการมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิก โดยร้านค้าที่สนใจใช้บริการรับชำระของเคทีซี (KTC Merchant Acquiring) สามารถสมัครได้ที่ www.ktc.co.th/merchant หรือติดต่อ Call Center ธุรกิจร้านค้าเคทีซี โทร. 0-2123-5700” นายสุวัฒน์กล่าวปิดท้าย “สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจจะเปลี่ยนรถจากพลังงานแบบเดิม มาใช้รถพลังงานไฟฟ้า หรือรถ EV เคทีซียินดีมอบสิทธิพิเศษที่ครบวงจรสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี อาทิ ผ่อนชำระ 0% ค่าจองรถ และค่าดาวน์รถยนต์ EV รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 16% หรือ รับคะแนนสะสมพิเศษสูงถึง 1,000,000 คะแนน เป็นต้น ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โปรโมชั่นบัตรเครดิต KTC รับเครดิตเงินคืน ส่วนลด ของแถม โปร KTC เพียบ หรือโทร. 0-2123-5000”

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com