Finance/share
Hot News: ธนาคารกรุงเทพ 'รุก' โอน 'เงินหยวน' ไว
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
ธนาคารกรุงเทพ 'รุก'
โอน 'เงินหยวน' ไว
ธนาคารกรุงเทพ ให้บริการโอนเงินหยวนไว หลังได้รับอนุมัติจากธนาคารกลางของจีนให้ใช้ระบบ CIPS (Cross-border Interbank Payment System) โอนตรงธนาคารสมาชิกของ CIPS ลดการผ่านธนาคารตัวกลาง ช่วยผู้นำเข้า-ส่งออก ลดค่าใช้จ่ายที่ถูกเรียกเก็บจากธนาคารตัวกลาง
นายพิพัฒน์ อัสสมงคล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพ ได้เพิ่มศักยภาพการทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวน (Chinese Yuan – CNY) ผ่านระบบการชำระเงินระหว่างธนาคารข้ามพรมแดน หรือ CIPS โดยเป็นธนาคารไทยแห่งแรกที่ได้รับอนุมัติจากธนาคารกลางของจีนให้เป็น Direct Participant ดังนั้น ธนาคารจึงสามารถทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศด้วยสกุลเงินหยวนได้โดยตรงกับระบบ CIPS ซึ่งช่วยลดระยะเวลาทำธุรกรรมให้สั้นลง คู่ค้าได้รับเงินเร็วขึ้น และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจ เป็นการยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจ ทำให้มีความสามารถแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งยังส่งเสริมให้เกิดโอกาสด้านการค้าระหว่างประเทศไทย-จีนในอนาคตเพิ่มมากขึ้นด้วย
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า บริการนี้เหมาะสำหรับผู้ประกอบการด้านนำเข้า-ส่งออกที่มีธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศกับคู่ค้าในประเทศจีน โดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการค้าสูง เช่น เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เป็นต้น โดยในปี 2567 จีนเป็นคู่ค้าสำคัญของไทยอันดับที่ 1 ที่มีมูลค่าการค้าสูงสุด โดยไทยและจีนมีมูลค่าการค้าระหว่างกันรวมเกือบ 4.1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกจากไทยไปจีนมูลค่าประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท และการนำเข้าจากจีนมีมูลค่าประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท จึงถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก
“การเข้าร่วมเป็น Direct Participant ในระบบ CIPS สะท้อนถึงความตั้งใจในการพัฒนาบริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อ สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าให้ได้ดียิ่งขึ้น และทำให้ธุรกิจของลูกค้าได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจยุคใหม่ ตอกย้ำความเป็น “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” เคียงข้างและช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ การพัฒนาบริการดังกล่าว จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เพื่อสนับสนุนธุรกิจของลูกค้า และส่งเสริมการค้าระหว่างไทย-จีน ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และมีสาขาตั้งอยู่ในเมืองหลักๆ ของประเทศจีน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของธนาคารกรุงเทพในฐานะ “ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค” ที่มีความตั้งใจสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจไทยให้ก้าวสู่ตลาดจีนได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน” นายพิพัฒน์กล่าว
ธนาคารพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณในทุกธุรกรรมทางการเงิน โดยลูกค้าสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bangkokbank.com/Business-Banking/My-International-Trade หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์ สำนักธุรกิจ หรือ สาขาธนาคารทั่วประเทศ และ Corporate Services Center 02 031 7888

Go To Lead


ออมสิน เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมการเงินเพื่อสังคม ล่าสุด “สินเชื่อต้อนรับเปิดเทอม”
ผ่อนเกณฑ์อนุมัติให้เข้าถึงง่าย ดอกเบี้ยต่ำ 0.60% ต่อเดือน ไม่ต้องใช้หลักประกัน ช่วยผู้ปกครอง
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกมาตรการ “สินเชื่อธนาคารประชาชนต้อนรับเปิดเทอม” ที่ผ่อนเกณฑ์อนุมัติให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และเป็นการเดินหน้าภารกิจเชิงสังคมในการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม สำหรับผู้ปกครองที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการเตรียมความพร้อมแก่บุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่เพียง 0.60% ต่อเดือน วงเงินกู้ตามความจำเป็นสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 1 ปี (12 งวด) ผ่อนชำระประมาณ 894 บาทต่อเดือน (รวมเงินต้นและดอกเบี้ย) ทั้งนี้ สำหรับผู้มีอาชีพ รายได้ และที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถยื่นขอสินเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักประกัน ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo หรือติดต่อธนาคารออมสินสาขาเพื่อขอคำแนะนำในการสมัครสินเชื่อ ได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2568
ตามที่รัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้สถาบันการเงินเข้าช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะ กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ทั้งค่าชุดเครื่องแบบนักเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียน และอื่น ๆ ด้วยการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยได้เข้าถึงการศึกษาอย่างต่อเนื่อง

Go To Lead


หุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” อายุ 4 ปี 10 เดือน 13 วัน ช่วงดอกเบี้ย [2.80 – 2.95]% ต่อปี
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หุ้นกู้ชุดนี้จะเปิดให้ผู้ถือหุ้นกู้เดิม (ผู้ถือหุ้นกู้ CPALL256B) จองซื้อก่อน ระหว่างวันที่ 28 – 30 พฤษภาคม 2568 ผ่าน 4 ธนาคาร ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.กสิกรไทย และ ธ.ไทยพาณิชย์ จองซื้อขั้นต่ำ 1 หน่วย หรือ 1,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 1 หน่วย หรือ 1,000 บาท โดยจำนวนสูงสุดที่จองได้จะไม่เกินจำนวนหุ้นกู้ชุด CPALL256B ที่ถืออยู่ ณ วันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นกู้ ณ วันที่ 23 เมษายน 2568 (ใช้สิทธิ 1 หน่วย หุ้นกู้เดิม :1 หน่วย หุ้นกู้ใหม่) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป จะเปิดจองระหว่างวันที่ 25 – 27 มิถุนายน 2568 ผ่าน 6 ธนาคาร ได้แก่ ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงศรีอยุธยา ธ.กสิกรไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กรุงไทย และ ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย รวมทั้งแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ด้วย จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณทุกๆ 100,000 บาท
หุ้นกู้ชุดใหม่นี้เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน อายุ 4 ปี 10 เดือน 13 วัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยมีช่วงอัตราดอกเบี้ยที่ [2.80-2.95]% ต่อปี (สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง)“หุ้นกู้ ซีพี ออลล์ ครั้งนี้ เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์นักลงทุนในช่วงที่ดอกเบี้ยกำลังปรับลด เพราะยังได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงผ่านการลงทุนกับบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแรงและแบรนด์เป็นที่รู้จักของคนไทย” นายเกรียงชัยกล่าว พร้อมขอเน้นย้ำ ให้ผู้ลงทุนระวังมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อบริษัทฯ หลอกลงทุน นำเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง โดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook และแอปพลิเคชัน Line เป็นต้น ขอให้นักลงทุนพิจารณาผลตอบแทนที่เป็นไปได้ หรือติดต่อสอบถามผ่านธนาคารทั้ง 6 แห่งที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ก่อนตัดสินใจลงทุน
ซีพี ออลล์ ยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยเครือข่าย “เซเว่น อีเลฟเว่น” กว่า 15,245 สาขาทั่วประเทศ และวางแผนเปิดเพิ่มปีละประมาณ 700 สาขา รวมถึงการขยายไปยังประเทศกัมพูชาและลาว พร้อมยกระดับบริการ O2O ผ่าน 7-Delivery ให้เข้าถึงลูกค้าได้ทุกช่องทาง ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังต่อไปนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 987,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% และกำไรสุทธิ 25,346 ล้านบาท โตถึง 37.1% จากปีก่อน ตอกย้ำศักยภาพในการเติบโตท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน

Go To Lead


EXIM BANK ขานรับนโยบายรัฐแบ่งเบาภาระภาคธุรกิจ SMEs
ลดดอกเบี้ย Prime Rate เหลือ 6.15% ต่อปี ต่ำที่สุดในระบบ
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate เหลือ 6.15% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีหรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์ นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ มีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินโลกที่ปรับสูงขึ้นจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าประเทศเศรษฐกิจหลักและแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งช่วยกระตุ้นการเติบโตของภาคธุรกิจไทย
นอกเหนือจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate เป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2567 EXIM BANK ยังมอบสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าชั้นดีที่ร่วมเติบโตมากับ EXIM BANK ด้วยส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษถึง 1.00% ต่อปี เริ่มต้น 3.10% ต่อปี สำหรับลูกค้าที่แสดงความจำนงภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 และเบิกกู้ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2568 พร้อมกันนั้น EXIM BANK ยังคงดำเนินโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ EXIM BANK ได้จัดตั้ง Export Clinic เพื่อให้คำปรึกษาและข้อมูลแก่ผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ Reciprocal Tariffs โดยสอดคล้องกับพันธกิจของ EXIM BANK ในการส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจการค้าและการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน มีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ สามารถปรับตัวรับมือกับปัจจัยท้าทายและแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลกอย่างยั่งยืน

Go To Lead


SME D Bank อุ้มเอสเอ็มอีรายเล็กเข้าถึงแหล่งทุน จัดกิจกรรม
เสิร์ฟสินเชื่อถึงถิ่น ชูดอกเบี้ยพิเศษ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เป็นประธานเปิดกิจกรรม Focus Group ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง SME D Bank กับตลาดหลวงปู่ทวด จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายเล็กในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และใกล้เคียง เข้าถึงแหล่งทุนจาก SME D Bank โดยเฉพาะจากโครงการสินเชื่อ “ปลุกพลัง SME” ซึ่งเป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษจากรัฐบาล เพียง 3%ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน วงเงินกู้สูงสุด 1.5 ล้านบาท ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 2 ล้านบาท มีสภาพคล่องที่เพียงพอ สามารถนำไปใช้ต่อยอด สร้างการเติบโตในการประกอบธุรกิจ โดยมีนายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ เจ้าของตลาดหลวงปู่ทวด ให้การต้อนรับ และพาเยี่ยมชมตลาด ภายในงานยังการมอบป้ายสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก SME D Bank
นอกจากนั้น ยังมีบริการให้คำปรึกษาแนะนำเตรียมพร้อมถึงแหล่งทุน และสามารถแจ้งความประสงค์ยื่นกู้ได้ทันทีภายในงาน ทั้งนี้ SME D Bank จัดกิจกรรมในรูปแบบนี้ ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการทำงานเชิงรุก ลงพื้นที่ไปมอบบริการด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการรายเล็กถึงถิ่นอย่างใกล้ชิด ณ ห้องประชุมตลาดหลวงปู่ทวด

Go To Lead


ธ.ก.ส. - สภากาชาดไทย จัดกิจกรรมรับบริจาคโลหิต
“Give Blood Give Life หยดนี้เพื่อชีวิต”
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้กำลังใจผู้บริหารและพนักงาน ธ.ก.ส. ที่เข้าร่วมบริจาคโลหิตในกิจกรรม “Give Blood Give Life หยดนี้เพื่อชีวิต” โดย ธ.ก.ส. ร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อร่วมกันเติมเต็มการสำรองโลหิตในคลังเลือดของสภากาชาดไทยให้เพียงพอสำหรับนำไปใช้กับผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินให้ได้รับ การรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงทีในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคมที่ ธ.ก.ส. ได้จัดขึ้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส เพื่อให้ผู้บริหารและพนักงาน ธ.ก.ส. ได้มีส่วนร่วมในการเป็นผู้ให้ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์หรือผู้ป่วยที่มีความต้องการรับโลหิต โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีจำนวนผู้ลงทะเบียนร่วมบริจาคโลหิต 218 ราย คิดเป็นปริมาณโลหิต 74,400 CC. ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 2 อาคารทาวเวอร์ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com