Realestate
Hot News: ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 'ชี้'พระราม 2 มาแรง
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ 'ชี้'พระราม 2 มาแรง
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มั่นใจศักยภาพทำเลพระราม 2 การพัฒนาเครือข่ายคมนาคม และระบบสาธารณูปโภคจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มในอนาคต พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มกำลังซื้อด้วยโครงการบ้านแนวราบคุณภาพ
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี’ เปิดเผยว่า ปัจจุบันทำเลพระราม 2 ยังเป็นทำเลที่ตั้งของโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่กำลังมองหาบ้าน เพราะเป็นทำเลที่สามารถใช้เดินทางเข้าสู่พื้นที่ย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเมื่อเทียบกับทำเลชานเมืองโซนอื่น ๆ ของกรุงเทพฯ ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ เซ็นทรัล พระราม 2, เทสโก้ โลตัส พระราม 2, บิ๊กซี พระราม 2, โฮมโปร พระราม 2 รวมถึง พอร์โต ชิโน่ รายล้อมไปด้วยสถานศึกษาชั้นนำ ได้แก่ รร.อัสสัมชัญ แคมปัส พระราม 2, ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมีสถานพยาบาลชั้นนำ ได้แก่ รพ. บางปะกอก 9, รพ. บางมด, รพ. นครธน ทำให้เป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะอยู่อาศัยเองหรือลงทุนก็ตาม
โดย ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มั่นใจว่า หากเครือข่ายคมนาคมที่ภาครัฐได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยจะพลิกโฉมพระราม 2 ได้อย่างมาก เพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้าออกเมืองและเชื่อมต่อพื้นที่จังหวัดเศรษฐกิจให้แก่ย่านนี้ได้อย่างหลากหลายเส้นทาง ได้แก่ ถนนพระราม 2, ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนกัลปพฤกษ์ (สาทรตัดใหม่), ทางด่วนเฉลิมมหานคร (ขั้นที่ 1), ทางด่วนดาวคะนอง, ทางด่วนพระราม 2 และทางด่วนสุขสวัสดิ์ โดยเฉพาะการเดินทางแบบสะดวกรวดเร็วด้วยระบบบริการขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ และรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้มในอนาคต และส่วนต่อขยาย ‘มอเตอร์เวย์สาย M82’ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จที่จะทันเปิดใช้ตามกำหนดภายในปี 2567 ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรหนาแน่นในเวลาเร่งด่วนบนถนนพระราม 2 ลงไปได้ และเพิ่มโครงข่ายใหม่ให้การเดินทางสู่ภาคใต้คล่องตัวและสะดวกมากยิ่งขึ้น
“ภาพรวมโครงการบ้านเเนวราบในย่านนี้มีความหลากหลาย โดยจะมีตั้งแต่ทาวน์โฮมระดับราคาเริ่มต้นที่ 2-3 ล้านบาท บ้านแนวคิดใหม่ในราคาเริ่มต้นที่ 3.9 ล้านบาทขึ้นไป และบ้านเดี่ยวขนาด 50 - 70 ตารางวา ในราคาระหว่าง 5 - 7 ล้านบาท ที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และผู้ประกอบการในพื้นที่ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อบ้านได้ตามต้องการ สำหรับ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ปัจจุบันเรามีโครงการอยู่ระหว่างการขายรวม 5 โครงการ จำนวนยูนิตรวมกว่า 700 ยูนิต นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กล่าวถึงภาพรวมการ พัฒนาโครงการในย่านพระราม 2
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ มองว่าในอนาคตหากเครือข่ายคมนาคมต่างๆ เสร็จสมบูรณ์ เชื่อว่าโซนนี้จะสามารถเพิ่มมูลค่าในอนาคตได้อย่างมาก “ทำเลพระราม 2 เป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีได้อย่างครบครัน เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยในระยะยาว การประกาศใช้บัญชีราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรอบใหม่ของปี 2566 - 2569 โดยกรมธนารักษ์ ทำให้เห็นว่าได้มีการปรับขึ้นราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเฉลี่ยสูงถึง 7- 8% เนื่องจากศักยภาพของทำเลพระราม 2 ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง สามารถเชื่อมต่อโครงข่ายถนนและทางพิเศษได้หลายสาย เดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวกสบาย โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาทีก็ไปถึงสาทร และโซนนี้ยังเป็นหนึ่งในพื้นที่การลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะด้านคมนาคมที่ปัจจุบันมีการก่อสร้างในหลาย ๆ โครงการ และยังมีโครงการการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ คาดว่าจะเปิดใช้บริการได้ในปี 2570 ทุกปัจจัยที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นแรงหนุนหลักที่ดึงดูดให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านยังให้ความนิยมต่อโครงการที่อยู่อาศัยในย่านนี้” นายชูรัชฏ์ กล่าวสรุป

Go To Lead


ซีคอน สร้างสรรค์แคมเปญพิเศษ “ซีคอน...ส่งต่อด้วยใจ”
นายวิชัย ซอโสตถิกุล ผู้บริหาร บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยว่า บริษัททเล็งเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจการก่อสร้างที่จะ มีผลต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งการดำเนินงานด้านธุรกิจก่อสร้างนั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านวิศวกรรมโยธา มาเป็นผู้บริหารงานโดยตรง ด้วยเหตุนี้นายวิชัย จึงได้มอบหมายให้นายกอบชัย ซอโสตถิกุล บุตรชายที่สำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมโยธาจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งขณะนั้นทำงานอยู่กับบริษัทออกแบบก่อสร้างของสหรัฐอเมริกาเข้ามารับผิดชอบบริหารงานในบริษัทฯ ภายใต้การบริหารงานของ นายกอบชัย ซอโสตถิกุล มีผลทำให้บริษัทฯ ได้มีโอกาสเข้าไปรับผิดชอบการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญหลายๆ โครงการ ผลงานแรกก็คือ โครงการออกแบบก่อสร้างตลาดและตึกแถวประมาณ 200 คูหา บริเวณตลาดมหานาค และจากการดำเนินงานในหลายโครงการต่อมา บริษัทฯ จึงได้คิดค้นและพัฒนา “ระบบซีคอน” ที่ทำให้สามารถสร้างอาคารที่แข็งแรงทนทาน ประหยัดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการก่อสร้าง ทำให้เกิดระบบการก่อสร้างที่ได้มาตรฐานยิ่งขึ้น
ผลงานแรกที่ใช้การก่อสร้างระบบซีคอน ได้แก่ โครงการสร้างตึกแถวบริเวณถนนพระราม 4 และ ถนนบรรทัดทองของบริษัท วังใหม่ จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจากความสำเร็จในครั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างศูนย์การค้าสยามสแควร์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่แห่งแรกของประเทศไทย ณ ขณะนั้น อันประกอบด้วยโรงภาพยนตร์ 3 โรง สถานโบว์ลิ่ง 1 แห่ง และ ตึกแถวประมาณ 550 คูหา และยังได้ร่วมมือกับบริษัท สี่พระยาก่อสร้าง จำกัด สร้างโรงแรมสยามอินเตอร์คอนติแนนตัล ซึ่งนับเป็นผลงานที่ภาคภูมิใจของบริษัทฯ ที่นำมาซึ่งความเชื่อถือ และไว้วางใจในการก่อสร้างด้วย “ระบบซีคอน” ต่อมาในปี พ.ศ. 2509 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้มีนโยบายสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยในประเทศไทยให้มีบ้านเป็นของตนเอง โดยการค้ำประกันเงินกู้ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อได้เกิดการพัฒนาโครงการในด้านที่อยู่อาศัยดังกล่าว โดยการนำเงินกู้มาให้ประชาชนกู้ยืมสำหรับนำไปซื้อบ้านเพื่อเป็นการตอบสนอง ในโครงการนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัทอเมริกาแห่งหนึ่งจัดสร้าง “หมู่บ้านมิตรภาพ” ซึ่งประกอบด้วย บ้านเดี่ยว ประมาณ 800 หลัง ให้ประชาชนเช่าซื้อในอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระคืน 20 ปี ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก และนับว่าบริษัทฯ เป็นผู้บุกเบิกและริเริ่มบริการสร้างหมู่บ้านจัดสรรผ่อนส่งระยะยาวขึ้น จนเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน
2567 ซีคอน ส่งไม้ต่อการดำเนินธุรกิจด้วยคุณภาพที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ในปี พ.ศ. 2567 นอกจากโรงงานผลิตโครงสร้างชิ้นส่วนเสา – คานกึ่งสำเร็จรูประบบซีคอนแห่งที่ 2 @ ลำลูกกาคลอง 12 ได้สร้างเสร็จเรียบร้อย และมีกำลังการผลิตสูงถึง 1.2 แสนชิ้นต่อปี หรือ 700-800 หลัง เพื่อรองรับการขยายตัว และการขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว พร้อมก้าวไปอย่างต่อเนื่องแบบ “Fast Forward” แล้ว นายกอบชัย ซอโสตถิกุล ยังได้ถ่ายทอดเจตนารมย์และวิสัยทัศน์แห่งผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้านสู่ 2 ผู้บริหารรุ่นที่ 3 คือ นายไปรเทพ ซอโสตถิกุล ประธานกรรมการบริหาร และนายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด เพื่อสานต่อการพัฒนานวัตกรรม และบริการรับสร้างบ้านในไทยให้ก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เริ่มจากการสร้างสรรค์แคมเปญพิเศษ “ซีคอน...ส่งต่อด้วยใจ” โดยได้พัฒนาภาพยนตร์โฆษณา และมิวสิค วิดีโอ เพื่อคงความเชื่อมั่น และยอมรับต่อแบรนด์ในกลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบัน
นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กล่าวว่า ล่าสุด ซีคอน ได้นำกลยุทธ์ Music marketing กลยุทธ์ทางการตลาดที่นำ “เสียงเพลงและดนตรี” มาใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารเพื่อตอกย้ำ brand loyalty และสร้าง brand awareness แก่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ด้วยการร่วมกับ “บอย โกสิยพงษ์” นักแต่งเพลง นักร้อง และโปรดิวเซอร์ชื่อดังของไทย นำบทเพลง LIVE and LEARN มา rearrange ใหม่ โดยได้รับเกียรติจาก ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว นักร้องมากความสามารถที่มีผลงานเพลงมากกว่าร้อยบทเพลง มาส่งผ่านอารมณ์เพลง LIVE and LEARN ในแนวดนตรีดรัมแอนด์เบส (Drum and Bass) เวอร์ชั่นพิเศษของซีคอน ร่วมกับ กลม เดอะวอยซ์-อรวี พินิจสารภิรมย์ เพื่อถ่ายทอดเส้นทางและเรื่องราวตลอด 63 ปีในธุรกิจของซีคอน ที่ไม่เคยหยุดพัฒนาศักยภาพ และบริการด้วยการนำทุกโจทย์ที่ผ่านเข้ามาในเส้นทางธุรกิจมาค้นหา solution ใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคในทุกยุคด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง จนได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพ และบริการต่อเนื่องตลอดมา “เหตุผลที่ ซีคอน เลือกบทเพลง LIVE and LEARN มาใช้ในแคมเปญนี้ เพราะเนื้อหาของบทเพลงนี้มีความหมายที่ดี สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้สอดคล้องกับสิ่งที่เราต้องการจะสื่อสารออกไปได้ชัดเจน สามารถสื่อสารให้เห็นในเชิงของปรัชญาการดำรงชีวิต ที่คนๆ หนึ่งได้เดินทางหรือบริหารธุรกิจมานานถึง 63 ปี ซึ่งแน่นอนว่าต้องสะสมประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญมามาก และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมสิ่งที่สั่งสมมานั้นก็ต้องสืบทอดไปสู่คนรุ่นถัดไป แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปคือ ปณิธานและความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจในแบบ customer centric ที่เรายึดถือมาโดยตลอด และเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ยั่งยืนจากปัจจุบันสู่อนาคต”
ทั้งนี้ บทเพลง LIVE and LEARN ในแนวดนตรีดรัมแอนด์เบส (Drum and Bass) เวอร์ชั่นพิเศษของ ซีคอน จะถูกนำมาพัฒนาเป็นภาพยนตร์โฆษณาและ มิวสิค วิดีโอ ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 เมษายน นี้

Go To Lead


เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ส่ง HealthScape ธุรกิจ Well-Being
เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์เป็นที่จดจำในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชูรี และผู้นำคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ ด้วยแพชชั่นที่มุ่งสร้างสรรรค์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และความทุ่มเทด้วยใจที่ต้องการเซตมาตรฐานใหม่ของวงการอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นเรื่อง Pet-Friendly ตั้งแต่โครงการแรก เพื่อให้ที่อยู่อาศัยในทุกโครงการทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมสามารถเลี้ยงสัตว์ และสร้างคอมมูนิตี้คนรักสัตว์ได้อยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียมจนเป็นบทพิสูจน์ที่แท้จริงของผู้นำ No.1 ตลาดคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ทุกโครงการ สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิต (Lifescape Developer) อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกมิติ ผ่านโรดแมพแผนธุรกิจ “Lifescape at a New Height” เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตธุรกิจรอบด้าน หนึ่งหมุดหมาย คือ Diversify Revenue การปรับสัดส่วนประเภทของธุรกิจหลัก ควบคู่กับการพัฒนาและผลักดันในการสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจใหม่เพื่อให้ครอบคลุมในทุกมิติการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค นั่นคือ TechScape และ HealthScape ล่าสุด เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้แนะนำบริษัทน้องใหม่ภายใต้โครงสร้างบริษัทฯ กับ บริษัท เฮลท์สเคป (HealthScape) จำกัด อีกหนึ่งแพชชั่นสำคัญที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้าน “สุขภาพที่ดี (Well-Being)”
บริษัท เฮลท์สเคป (HealthScape) จำกัด คือ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้าน Well-Being โดยตั้งขึ้นจากแนวคิดเพื่อต่อยอดและเติมเต็มความมุ่งมั่นของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์เพื่อพัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันภายใต้แนวคิด CRAFTING LIFESCAPE TO EXCELLENCE ตอบโจทย์ Lifescape ในทุกมิติ โดยเฉพาะด้าน “สุขภาพที่ดี (Well-Being)” ภายใต้เป้าหมายที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในด้านสุขภาพ เพื่อให้ทุกชีวิตสามารถมีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจอย่างเต็มศักยภาพสูงสุด และมีอายุยืนยาวสง่างามสมวัย ซึ่งได้สะท้อนอัตลักษณ์ของบริษัทผ่านโลโก้ที่มีความโดดเด่น สัญลักษณ์ “H” แรงบันดาลใจที่นำมาจากเส้นสายของ “เทโลเมียร์ (Telomere)*” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ส่วนหนึ่งในการสะท้อนลักษณะเซลล์ในร่างกาย *เทโลเมียร์ (Telomere) เปรียบเสมือนปลอกพลาสติกหุ้มปลายเชือกรองเท้า ปกป้องไม่ให้เชือกรองเท้าหลุดรุ่ยและพังก่อนเวลาอันควร ซึ่งถ้าเรามีเทโลเมียร์ที่หดสั้นลงผิดปกติ จะทำให้เราเข้าสู่ภาวะเจ็บป่วยได้ง่ายและไวกว่าคนปกติ
เภสัชกรศรายุทธ ทัฬหิกรณ์ Business Unit Director บริษัท เฮลท์สเคป (HealthScape) จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้การบริหารธุรกิจ Well-being ของบริษัทฯ เราได้เตรียมแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพในแบบองค์รวม (Holistic Health) และเติมเต็มความต้องการของร่างกายที่แตกต่างกันไปเพื่อความสมบูรณ์สูงสุด (Optimum Health) ตามแนวทางศาสตร์ชะลอวัย โดยนำเสนอนวัตกรรมสุขภาพแบรนด์แรก “MADE BY SILVER (เมด บาย ซิลเวอร์)” โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป มาพร้อมนวัตกรรมที่เป็นเอกสิทธิ์โดยเฉพาะของเฮล์ทสเคป ที่เรียกว่า “BIOSCAPE? (ไบโอสเคป)” ซึ่งผสมผสานกลุ่มสารอาหารสำคัญในปริมาณที่เหมาะสม สามารถเสริมฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด และเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์จำเป็นต่อร่างกาย อาทิ โปรตีนพืช (Pea, Almond) ไขมันดี (MCT Oil, Flaxseed Oil) ไฟเบอร์ วิตามิน 13 ชนิด เกลือแร่ 8 ชนิด พรีไบโอติกส์ โพรไบโอติก และกรดอะมิโนชนิด BCAA และสารสกัดจากธรรมชาติอีกหลากชนิด ทั้งตามความต้องการพื้นฐาน และเติมเต็มตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ตอบโจทย์องค์ประกอบในด้าน Good Nutrition, Good Digestion, Good Sleep ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพที่แข็งแรง”
การบริหารธุรกิจ Well-being ของบริษัทฯ สินค้าตัวแรกคือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายคนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ภายใต้แบรนด์แรก “MADE BY SILVER (เมด บาย ซิลเวอร์)” แบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจคนอายุ 50 ปีขึ้นไปอย่างแท้จริง ด้วยแนวคิดริเริ่มจากกลุ่มซิลเวอร์ พัฒนาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนซิลเวอร์” “MADE BY SILVER (เมด บาย ซิลเวอร์)” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จะมาปฏิวัติการดูแลสุขภาพในแบบองค์รวม (Holistic Health Revolution) ผ่านนวัตกรรม “BIOSCAPE? (ไบโอสเคป)” ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเติมเต็มความต้องการของร่างกายที่แตกต่างกันไปอย่างสมบูรณ์สูงสุด (Optimum Health) ตามแนวทางศาสตร์ชะลอวัย “BIOSCAPE (ไบโอสเคป)” นวัตกรรมที่เป็นเอกสิทธิ์โดยเฉพาะของ เฮลท์สเคปเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยผสมผสานกลุ่มสารอาหารสำคัญในปริมาณที่เหมาะสม (Optimum Dose) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการออกฤทธิ์ของแต่ละสาร และประสิทธิภาพทวีคูณเมื่อแต่ละสารเสริมฤทธิ์กันอย่างเหมาะสม (Effective Co-Factor Regeneration) เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์จำเป็นต่อร่างกาย อาทิ โปรตีนพืช (Pea, Almond), ไขมันดี (MCT Oil, Flaxseed Oil), ไฟเบอร์ วิตามิน 13 ชนิด, เกลือแร่ 8 ชนิด, พรีไบโอติกส์, โพรไบโอติก และกรดอะมิโนชนิด BCAA และสารสกัดจากธรรมชาติอีกหลากชนิด ทั้งตามความต้องการพื้นฐาน และเติมเต็มตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ตอบโจทย์องค์ประกอบในด้าน Good Nutrition, Good Digestion, Good Sleep ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพที่แข็งแรง”
MADE BY SILVER (เมด บาย ซิลเวอร์) มาพร้อมด้วยกันทั้งหมด 4 สูตร ตอบโจทย์ความต้องการของวัยซิลเวอร์ยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนแตกต่างกัน ได้แก่ EXEC Lifestyle: สำหรับวัยซิลเวอร์ 50+ ที่มีไลฟ์สไตล์ เป็นนักบริหาร ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานหนัก มีภาวะความเครียด พักผ่อนน้อย เหมาะสำหรับซิลเวอร์คนที่ต้องการเสริมด้านระบบประสาทและสมอง สายตา และการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ EASY Lifestyle: สำหรับวัยซิลเวอร์ 50+ ที่มีไลฟ์สไตล์เบาๆ หรือกิจกรรมการพักผ่อนแบบสโลว์ไลฟ์ การเคลื่อนไหวร่างกายน้อย เน้นเสริมในด้านระบบการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ACTIVE Lifestyle: สำหรับวัยซิลเวอร์ 50+ ที่ใช้เวลาส่วนมากไปกับกิจกรรมแอคทีฟ ชอบออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งต้องการเสริมมวลกล้ามเนื้อ ข้อเข่า หรือป้องกันการอักเสบที่อาจเกิดจากการออกกำลังกาย PARTY Lifestyle: สำหรับวัยซิลเวอร์ 50+ ที่ยังคงชื่นชอบการปาร์ตี้สังสรรค์ ดื่มแอลกอฮอล์ หรืออาจมีการได้รับอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ ต้องส่งเสริมกระบวนการดีท็อกซิฟิเคชั่นเพื่อช่วยขับสารพิษหรือลดอนุมูลอิสระในร่างกาย และชะลอเซลล์ผิวที่อาจเกิดการเสื่อมโทรมได้ง่าย“บริษัทฯ ได้สร้างการรับรู้ผ่านภาพยนตร์โฆษณาภายใต้แนวคิด “Aging Gracefully” ที่แสดงถึงการใช้ชีวิตของวัยซิลเวอร์ยุคใหม่ ผ่านทั้งประสบการณ์ ความคิด และการมีทัศนคติในด้านต่างๆ และยังคงมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ สง่างามสมวัย รวมถึงความต้องการมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม โดยได้คุณไบรอน บิชอฟ (Byron Bishop) และคุณฝน อุมาวร วินด์เซอร์ ไคลฟ์ (Fon Windsor Clive) มาสะท้อนไลฟ์สไตล์บอกเล่าการใช้ชีวิตที่โดดเด่นอย่างมีความสุข ควบคู่กับกิจกรรมเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์กับผลิตภัณฑ์ MADE BY SILVER (เมด บาย ซิลเวอร์) โดยมั่นใจว่าจะสามารถสร้างกระแสการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าวัยซิลเวอร์ได้เป็นอย่างดี พร้อมตั้งเป้ายอดขายกว่า 50 ล้านบาท ปลายปีนี้” เภสัชกรศรายุทธ กล่าว

Go To Lead


มูลนิธิเอสซีจีชวนเยาวชนไทยหัวใจศิลป์ ชิงรางวัลยุวศิลปินไทย 2567
มูลนิธิเอสซีจี เปิดเวทีแห่งโอกาสทางศิลปะ ขอเชิญชวนเยาวชนไทย ที่มีอายุระหว่าง 15-25 ปี ทั่วประเทศ ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดโครงการรางวัลยุวศิลปินไทย 2567 (ครั้งที่ 20) : Young Thai Artist Award 2024 ภายใต้ธีมการประกวด “Beloved Universe: บอกรักโลกด้วยศิลปะ” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัลมูลค่ารวม 3,300,000 บาท โดยน้องๆ สามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ถึง 6 สาขา ได้แก่ ศิลปะ 2 มิติ ศิลปะ 3 มิติ ภาพถ่าย ภาพยนตร์ วรรณกรรมและการประพันธ์ดนตรี
น้องๆ เยาวชนไทยหัวใจศิลป์ที่สนใจปลดปล่อยพลังความสามารถด้านศิลปะอย่างสร้างสรรค์ สามารถสมัคร Online ได้แล้วที่ www.youngthaiartistaward.com พร้อมปลดล็อคพรสวรรค์ รังสรรค์ศิลป์ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2567 *ยกเว้นสาขาวรรณกรรมปิดรับสมัครวันที่ 15 กรกฎาคม 2567ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัคร Online ได้ที่ www.youngthaiartistaward.com ติดตามความเคลื่อนไหวและสอบถามรายละเอียดได้ที่คลิก www.facebook.com/YoungThaiArtistAward และ www.instagram.com/youngthaiartistaward

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com