
|
เดินหน้าภารกิจสำคัญ ยกระดับการสำรวจข้อมูลเกษตร
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สศก. ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีภารกิจสำคัญในการจัดทำข้อมูลสารสนเทศการเกษตรทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ และประมง ด้วยวิธีการทางสถิติ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการยกระดับความแม่นยำและเป็นปัจจุบันของข้อมูลซึ่งนอกจากจะได้ร่วมมือกับ เศรษฐกิจการเกษตรอาสา (ศกอ.) ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งมีอยู่จำนวน 999 ราย ทำหน้าที่ รายงานข้อมูลราคาสินค้าเกษตร และสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตร แล้ว สศก. ยังได้เดินหน้าความร่วมมือกับเครือข่ายอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการสำรวจข้อมูลกรอบตัวอย่างสำหรับการสำรวจ (Frame Survey) ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การบูรณาการร่วมกับ อกม. ซึ่งเป็นผู้แทนเกษตรกรที่มีความรู้ความเข้าใจในพื้นที่อย่างแท้จริง มีจิตอาสา และอยู่ภายใต้สังกัด กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยให้การรวบรวมข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น แม่นยำ และรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดปัญหาด้านการเข้าถึงข้อมูลและทำให้ได้รายละเอียดสินค้าเกษตรที่สอดคล้องกับการวิเคราะห์ในเชิงนโยบาย
สำหรับการดำเนินงานเพื่อจัดเก็บข้อมูลการเกษตรร่วมกับ อกม. นั้น ทาง สศก. ได้ดำเนินการต่อเนื่องในการจัดเก็บข้อมูลสินค้าเกษตรสำคัญจำนวน 26 ชนิดสินค้า ทั้งพืช ปศุสัตว์ และประมง เช่น ข้อมูลจำนวนครัวเรือนผู้ปลูกหรือเลี้ยง เนื้อที่เพาะปลูก เดือนที่เพาะปลูก จำนวนรอบการปลูก จำนวนตัวปศุสัตว์ จำนวนบ่อหรือกระชัง เนื้อที่เลี้ยง ราคาที่ขายได้ เป็นต้น มีเป้าหมายรวม 74,955 หมู่บ้าน ครอบคลุม 76 จังหวัด โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณ มาตั้งแต่ปี พ.ศ 2566 ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ 2566 ได้ดำเนินการในพื้นที่ 26 จังหวัด รวม 15,996 หมู่บ้านซึ่งครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้และภาคกลางบางส่วน ในปีงบประมาณ พ.ศ 2567 ได้ดำเนินการในพื้นที่ 18 จังหวัดรวม 14,270 หมู่บ้าน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง และในปีงบประมาณ พ.ศ 2568 ได้ดำเนินการใน 24 จังหวัด รวม 26,155 หมู่บ้าน โดยได้ดำเนินการสำรวจในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วนตามเป้าหมาย ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ 2569 สศก. ได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินงานกิจกรรมนี้อย่างครบถ้วน อีก 8 จังหวัด ตามจำนวนเป้าหมายมากกว่า 18,500 หมู่บ้าน โดยจะดำเนินการให้ อกม. จัดเก็บข้อมูลกรอบตัวอย่างในพื้นที่รับผิดชอบที่เหลือของภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมด และในอนาคตเมื่อการดำเนินงานครบตามเป้าหมายแล้ว สศก. มีแผนที่จะพัฒนาฐานข้อมูลกรอบตัวอย่างให้มีความทันสมัยและสะดวกต่อการใช้งานผ่าน Web Application ซึ่งจะช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลและแสดงรายงานประกอบการวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจะทำให้เจ้าหน้าที่สำรวจของ สศก. สามารถใช้และปรับปรุงฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบันได้ในเวลาเดียวกันขณะลงพื้นที่สำรวจ
ด้วยการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง สศก. และเครือข่าย อกม. ในครั้งนี้ สศก. มีความเชื่อมั่นว่า จะสามารถยกระดับการสำรวจข้อมูลการเกษตรให้มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือในทุกมิติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการบริหารจัดการสินค้าเกษตรและขับเคลื่อนการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพร่วมกัน เลขาธิการ สศก. กล่าว
Go To Lead
|
มิตรผล โอเอซิสพลิกวิกฤตน้ำด้วย โอเอซิสเพื่อการเกษตร
นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล เปิดเผยว่า "กลุ่มมิตรผลในฐานะองค์กรที่ช่วยขับเคลื่อนภาคเกษตรไทย เราไม่ได้มองบทบาทของตัวเองแค่การทำธุรกิจ แต่ในฐานะพลเมืองคนหนึ่งของประเทศที่เชื่อว่าน้ำคือรากฐานความมั่นคงของชีวิตผู้คน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ความเชื่อนี้ผลักดันให้เราพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืน และแบ่งปันประโยชน์นั้นคืนสู่ชุมชนและสังคมไทย โดยทุกวันนี้ปัญหาโลกร้อนที่ทำให้สภาพอากาศแปรปรวน นับเป็นความท้าทายใหญ่ของภาคเกษตร และหนึ่งในแนวทางที่สามารถรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ การจัดหาแหล่งน้ำสำรอง (Resource) เราจึงริเริ่มโครงการ 'Mitr Phol Oasis' ขึ้นมา เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากวิกฤตภัยแล้งและน้ำท่วม โครงการฯ นี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งน้ำไว้ใช้ทำการเกษตรและดำรงชีวิต แต่ยังเป็นเหมือนโอเอซิสที่สร้างความหวังให้กับเกษตรกรในพื้นที่ นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความรู้วิธีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบแนวทาง 'มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม' เพื่อให้เกิดการวางแผนในการใช้น้ำ แบ่งปันกันอย่างเท่าเทียม และใช้ทรัพยากรน้ำอย่างรู้คุณค่าและยั่งยืน
โครงการ Mitr Phol Oasis ได้พัฒนาขึ้นในพื้นที่ลุ่มต่ำที่เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง และสร้างเป็นอ่างกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีความจุมากกว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะเปิดประตูรับน้ำจากธรรมชาติในช่วงฤดูน้ำหลากเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม มากักเก็บไว้ใช้ในฤดูแล้งเพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำ และวางระบบกระจายน้ำไปยังไร่อ้อยของเกษตรกรอย่างทั่วถึง ปัจจุบันมีโครงการฯ ทั้งหมด 4 แห่งในจังหวัดขอนแก่น ชัยภูมิ สุพรรณบุรี และกาฬสินธุ์ ครอบคลุมพื้นที่รับประโยชน์กว่า 22,000 ไร่ โครงการฯ นี้ไม่เพียงช่วยให้เกษตรกรสามารถบรรเทาปัญหาช่วงน้ำหลากและรับมือกับภัยแล้งได้ดีขึ้นแล้ว แต่ยังช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ และลดต้นทุนค่าน้ำได้มากถึง 3,500 บาทต่อไร่ต่อปี นอกจากนี้ยังสร้างรายได้จากการจ้างงานในชุมชนอีกด้วย
ชีวิตที่เปลี่ยนไปเมื่อ "โอเอซิส" มาถึง เมื่อเดินทางลงพื้นที่สำรวจโครงการโอเอซิส ณ บ้านถนนกลาง ตำบลสระพัง อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ สิ่งที่ได้เห็นคือไร่อ้อยที่เขียวขจี ตัดกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุและแห้งแล้ง แม่เอี้ยง-บุษกร ขันแข็ง เกษตรกรในพื้นที่ เล่าถึงชีวิตก่อนที่จะมีโครงการฯ นี้ให้ฟังว่า "แถวนี้ห่างไกลจากแหล่งน้ำและพอฝนตกน้ำก็ท่วมสูงทุกปี เลยลองปลูกอ้อยเพราะทนต่อสภาพภูมิอากาศได้ดีกว่า เวลาโดนน้ำท่วมอย่างน้อยก็ยังได้ผลผลิตบ้าง ตอนทำไร่อ้อยแรกๆ แม่ต้องอาศัยฟ้าฝนอย่างเดียว ต้องขุดสระเล็กๆ ในไร่ไว้กักน้ำตอนน้ำหลากมาใช้ หรือไม่ก็ต้องซื้อน้ำจากที่อื่นมาใส่สระ รอบละ 3,600-4,000 บาท เวลาใช้น้ำก็ต้องคอยดูว่าน้ำในสระลดลงไปกี่เซนฯ แล้ว กังวลตลอดว่าน้ำจะพอไหม"
แม่ภาพ-สุภาพ จันทร์ที เกษตรกรชาวไร่อ้อย กล่าวเสริมว่า "สมัยก่อนเวลาจะใช้น้ำมารดอ้อย แม่ต้องจ้างคนมาช่วยแบกท่อแป๊บทั้งยาวทั้งหนัก ขนรอบนึงเป็นสิบๆ ท่อน มาเสียบต่อกันรวมแล้วร้อยกว่าท่อน ระยะทางเป็นกิโลฯ เพื่อไปเอาน้ำจากแหล่งธรรมชาติมาใช้ พอได้น้ำแล้วก็ต้องมาเก็บท่อ ช่วยกันแบกกลับ ลำบากมากจริงๆ" แต่เมื่อกลุ่มมิตรผลเข้ามาพัฒนาและสร้างโครงการ Mitr Phol Oasis ชีวิตของเหล่าเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะช่วยบรรเทาน้ำหลากในฤดูฝนชุกและหล่อเลี้ยงพืชผลในหน้าแล้งด้วยน้ำที่เพียงพอแล้ว ยังส่งต่อองค์ความรู้จากแนวทาง มิตรผล โมเดิร์นฟาร์ม สู่เกษตรกรอีกด้วย โดย แม่ภาพ เล่าให้ฟังต่อว่า "ตอนที่ตัดสินใจมาปลูกอ้อย แม่ไม่มีความรู้เลยเพราะไม่เคยปลูกมาก่อน ทางมิตรผลก็เข้ามาแนะนำพันธุ์อ้อย วิธีการปลูกอ้อย การบำรุง และสอนการให้น้ำด้วยระบบน้ำหยด แม่ก็ตั้งใจเรียนรู้และเอาไปใช้ในไร่ วางท่อปล่อยน้ำให้หยดตามโคนต้นช่วยประหยัดน้ำมากกว่าวิธีอื่น เวลาให้ปุ๋ยก็สามารถใส่ไปพร้อมน้ำหยดได้เลย ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน ที่สำคัญคือผลผลิตดีขึ้นมากเพราะอ้อยได้รับน้ำสม่ำเสมอ และเก็บรักษาความชื้นในดินได้ดีขึ้น"
แม่เอี้ยง เล่าพร้อมรอยยิ้มว่า "เมื่อมีน้ำ เราก็มีชีวิต พอมีแหล่งน้ำตรงนี้ ชีวิตเปลี่ยนเลยค่ะ ไม่ต้องรอฟ้าฝนแล้ว ทุกวันนี้สามารถควบคุมและวางแผนได้ว่าต้องการใช้น้ำวันไหน ก็จองคิวกันในกลุ่มไลน์ที่มีสมาชิก 111 ราย ทุกคนในกลุ่มได้ประโยชน์จากโครงการฯ นี้กันหมด วันไหนถึงคิวที่จองไว้แค่เปิดวาล์วรับน้ำลงสระในไร่ ก็ได้น้ำมาใช้ไม่มีขาด ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องลำบากอีกต่อไปแล้ว พออ้อยมีน้ำเพียงพอและสม่ำเสมอ ไม่ต้องรอลุ้นฟ้าฝน จากที่ทั้งปีปลูกได้อ้อยแค่ 7-8 ตันต่อไร่ ตอนนี้ได้ปีละ 20 กว่าตันต่อไร่ เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า ทุกวันนี้นอกจากแม่จะใช้น้ำจากโครงการฯ มาปลูกอ้อยแล้ว ยังเอามาดูแลพืชผักสวนครัวอื่นๆ ที่ปลูกแบบเกษตรผสมผสานในบริเวณรอบสระพักน้ำด้วย เหมือนเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตประจำบ้าน มีทั้งแตงกวา พริก ถั่วฝักยาว กล้วย มะละกอ มะเขือ พวกนี้เป็นอาหารพื้นฐานของเราอยู่แล้ว กินได้ทั้งปี เหลือก็ขายได้อีก มีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นอีกด้วย
Go To Lead
|
[ENGLISH]
|