|
Krungthai COMPASS 'ชี้' High Spending รุ่ง
ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินนักท่องเที่ยวต่างชาติเผชิญแรงกดดันจากตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่หดตัวรุนแรง คาดปี 2568 จะอยู่ที่ราว 5.5 ล้านคน ฟื้นตัวเพียง 50% จากปี 2562 แต่ยังได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวกลุ่ม High Spending จะมีส่วนช่วยพยุงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มีมูลค่าราว 1.74 ล้านล้านบาท ฟื้นตัวที่ระดับ 91% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด แนะสนับสนุนทุนสร้างภาพยนตร์หรือซีรีส์ต่างชาติในประเทศไทย จะเป็นแรงกระเพื่อมด้าน Soft Power ที่สำคัญ และเป็นหนึ่งในโอกาสใหม่สำหรับภาคท่องเที่ยวของไทย
ดร.สุปรีย์ ศรีสำราญ ผู้อำนวยการฝ่าย ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 ปีนี้ นับเป็นปีแห่งความท้าทายของภาคท่องเที่ยวไทยที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นกลุ่มรายได้หลักส่งสัญญาณลดลงอย่างมากต่อเนื่อง และอาจจะฟื้นได้ราว 50-65% เท่านั้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด แต่ยังได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวกลุ่มแมสอย่างมาเลเซีย และอินเดีย และกลุ่ม High Spending อาทิ ยุโรป รัสเซีย และอิสราเอล ที่เข้ามาช่วยพยุงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มีมูลค่าราว 1.74-1.95 ล้านล้านบาท ซึ่งสถานการณ์ในครั้งนี้คงกระทบต่อผู้ประกอบการใน Supply Chain ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของนักท่องเที่ยวต่างชาติ นับเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ทั้งนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐที่เอื้อต่อการท่องเที่ยว และช่วยประคับประคองผู้ประกอบการใน Supply Chain อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ควบคู่กับการปรับตัวของภาคเอกชนให้สอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป และเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้ง Ecosystem เพื่อผลักดันให้ไทยกลับมาครองใจนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หลากหลายมากขึ้น และลดการพึ่งพานักท่องเที่ยวกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากจนเกินไป รวมทั้งเป็นเครื่องยนต์ที่ทรงพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างและกระจายรายได้
นายกณิศ อ่ำสกุล นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า 3 เหตุผล ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่มาไทยในช่วง 1-2 ปีนี้ ได้แก่ 1) ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของประเทศไทย โดยผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยในไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้ากว่าในอดีต โดยอาจใช้เวลาถึง 1 ปี กว่าที่นักท่องเที่ยวจีนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ 2) พฤติกรรมและกลุ่มของนักท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนไป โดยนักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม F.I.T. ที่มักมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ๆ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นชัดเจน ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของไทย อาจมีความแปลกใหม่ที่น้อยกว่าประเทศคู่แข่งเช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และมาเลเซีย ที่มีการพัฒนา Destination ใหม่ๆ 3) ผลกระทบจากภาวะเศรษฐจีนที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อของชาวจีนยังไม่กลับมาในระดับเดิม ทำให้นักท่องเที่ยวจีนบางส่วนเลือกเดินทางในประเทศทดแทนการท่องเที่ยวต่างประเทศที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
นายธนา ตุลยกิจวัตร นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวเสริมว่า ปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทย คือ นักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่กลับมา และยังต้องแข่งขันกับประเทศในภูมิภาคที่ทำการตลาดเชิง รุกมากขึ้น แม้ว่าตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ เช่น มาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย และยุโรป จะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แต่ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยการหายไปของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวที่ไม่ทั่วถึง โดยแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวกลุ่ม High Spending ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น จะส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในระดับ 4-5 ดาว แต่ธุรกิจ อื่นๆ ยังต้องเผชิญแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนหดตัวรุนแรง เช่น โรงแรมในระดับไม่เกิน 3 ดาว ร้านอาหาร
Street Food คอนโดมิเนียม รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่างธุรกิจรถเช่า ร้านขายของที่ระลึก บริษัทนำเที่ยว ฯลฯ และอาจขยายวง กว้างไปยังธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้และของตกแต่งในโรงแรม เป็นต้น
ภาครัฐยังเป็นกำลังสำคัญที่มีบทบาทในการพยุงภาคท่องเที่ยวไทยให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายในครั้งนี้ ด้วยมาตรการต่างๆ ที่เข้มข้น และครอบคลุมทุกมิติอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งมาตรการเรียกความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมๆ ไปกับมาตรการที่ช่วยพยุงผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างจริงจัง นอกจากนี้ Krungthai COMPASS มองว่าการสนับสนุนทุนสร้างภาพยนตร์หรือซีรีส์ต่างชาติในประเทศไทย จะเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ช่วยสร้างแรงกระเพื่อมด้าน Soft Power ที่สำคัญ และเป็นหนึ่งในโอกาสใหม่สำหรับภาคท่องเที่ยวของไทย โดยประเมินว่าจุดคุ้มทุน (Break-even) ของการโปรโมทประเทศไทยด้วยวิธีออกทุนผลิตซีรีส์ 1 EP จะอยู่ที่การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 500-1,000 คน
Go To Lead
|
EXIM BANK- BCEL สปป.ลาว ริเริ่มสนับสนุนเงินทุนสกุลกีบ ขยายกิจการอาหารสัตว์ของกลุ่มเบทาโกร
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า การสนับสนุนเบทาโกร (ลาว) อาหารสัตว์ ครั้งนี้ถือเป็นโครงการแรกภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง BCEL และ EXIM BANK เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว โดยใช้เงินกีบเป็นเงินสกุลหลักในการดำเนินธุรกิจและหมุนเวียนในกิจการ เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการใช้เงินสกุลกีบใน สปป.ลาว รวมทั้งลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของลูกค้า เสริมสร้างและเติมเต็ม Supply Chain การค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว ให้แข็งแกร่งและแข่งขันได้ในตลาดการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังส่งเสริมการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) ต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง อาเซียน และโลกโดยรวม สปป.ลาว เป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ในฐานะ Land Link เชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งทางบกระหว่างประเทศไทย สาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยเฉพาะเส้นทางผ่านสะพานข้ามแม่น้ำโขง และมีปัจจัยดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ อาทิ อัตราค่าแรงขั้นต่ำ สิทธิพิเศษด้านภาษีและการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางการค้ากับต่างประเทศ ปัจจุบันไทยมีมูลค่าการลงทุนใน สปป.ลาว สูงเป็นอันดับที่ 2 รองจากจีน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคพลังงาน เกษตรกรรม ปศุสัตว์ การท่องเที่ยว และธุรกิจบริการ
Go To Lead
|
เท่อย่างไทย โดยไฟ-ฟ้า ทีทีบี จัดเต็มเวิร์กชอป การพูดต่อหน้าสาธารณชน
โครงการ เท่อย่างไทย โดย ไฟ-ฟ้า ทีทีบี ร่วมกับภาควิชาวาทวิทยาและสื่อสารการแสดง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินหน้าจุดประกายศักยภาพเยาวชนทั่วประเทศ ผ่านกิจกรรม จุดประกายการพูดต่อหน้าสาธารณชน ซึ่งเป็นหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์สำคัญในช่วงต้นของโครงการ เท่อย่างไทย ประจำปี 2568 โดยเปิดโอกาสให้เยาวชน ครู และผู้สนใจจากทั่วประเทศมีโอกาสเข้าร่วมได้แบบไร้ข้อจำกัดทั้ง Onsite และ Online สะท้อนความสำเร็จมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ณ ทีทีบี สำนักงานใหญ่ จำนวน 443 คน จาก 131 โรงเรียน และมีผู้ชมการถ่ายทอดสดผ่าน ttb bank : YouTube Channel และ TikTok รวมกว่า 7,000 คน ภายในกิจกรรมจัดเต็มสาระความรู้และเวิร์กชอปสนุก ๆ โดย 3 วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประภัสสร จันทร์สถิตย์พร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปอรรัชม์ ยอดเณร และอาจารย์ ดร.ชานนท์ ศิริธร ที่มาเปิดมุมมองใหม่ให้เยาวชนได้เรียนรู้ตั้งแต่ความสำคัญของการสื่อสารและนำเสนออย่างมีเป้าหมาย หลักการวิเคราะห์ผู้ฟัง พูดอย่างไรให้ถูกใจเขาและตรงใจเรา รวมถึงเทคนิคการพูดบนเวทีสาธารณะ การนำเสนอด้วยเสียง ภาษากาย และการเคลื่อนไหวบุคลิกภาพอย่างมืออาชีพ โดยเนื้อหาเน้นแนะนำศาสตร์และศิลป์ของการนำเสนอแบบมุ่งเป้า ที่ให้ความสำคัญใน 3 เรื่องหลัก ประกอบด้วย 1. องค์ประกอบและโครงสร้างการเล่าเรื่อง 2. รู้จักคนฟัง และ 3. เข้าใจภาษากาย น้ำเสียง และการใช้อวัจนภาษาในการเล่าเรื่อง
บทสรุปสำคัญด้านการสื่อสารต่อหน้าสาธารณชน1. บอกผู้ฟังเสมอว่ากำลังจะเล่าเรื่องอะไร เพราะจะช่วยเตือนผู้เล่าไม่ให้ไหลออกนอกประเด็น ต้องสรุปสิ่งที่ต้องการสื่อสารให้ชัด และปฏิบัติตามเวลาที่กำหนด หากทำได้ใช้เวลาให้สั้นที่สุด นอกจากจะได้รับโอกาสให้เพิ่มเวลา ดังนั้น หากมีเวลาพูด 10 นาที ควรเตรียมเนื้อหาที่จะพูดประมาณ 70-80% 2. รู้เรา รู้เขา รู้เรื่อง ถือเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะแม้ผู้พูดจะตั้งใจอยากสื่อสาร แต่จะไม่ประสบความสำเร็จได้เลย หากพูดในสิ่งที่ผู้ฟังไม่ได้อยากฟังและไม่เกิดประโยชน์ จึงต้องรู้ว่าผู้ฟังต้องการอะไร มีปัญหาหรือกำลังเผชิญกับสถานการณ์แบบไหน นอกจากนี้ ต้องใช้คำศัพท์ที่ผู้ฟังเข้าใจ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพการสื่อสารทั้งสิ้น 3. การเตรียมตัว ในฐานะผู้พูดเตรียมตัวเองได้ทั้งหมด ตั้งแต่ความอยากจะพูด อยากกระตุ้น และอยากสร้างความสัมพันธ์ ซึ่งสามารถจัดวางได้เองว่าอยากให้คนจำอะไรในสิ่งที่พูด แต่ต้องรู้ว่าคนอยากฟังในสิ่งที่ลื่นไหลไม่ติดขัด อยากรู้มากกว่าที่เคยรู้ แม้จะเป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้ว ดังนั้น ต้องทำการบ้านหาข้อมูลใหม่ ๆ เพิ่ม และที่สำคัญการสื่อสารต้องทำให้เติบโต หรืองดงามไปด้วยกัน อย่าทำให้คนฟังรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์หรือไม่ได้อะไรกลับไป โดยเฉพาะกรณีการประกวดต้องทำการบ้านให้ตรงกับโจทย์ 4. การสื่อสารเป็นการสร้างสมดุลระหว่างอารมณ์ ความคิด หลักการเหตุผล แม้จะเป็นการใช้จินตนาการ ความทรงจำ และความรู้สึกร่วมด้วย แต่ต้องอยู่ภายใต้สติปัญหา สมาธิ ต้องพูดให้ง่าย หาจุดเชื่อมโยงกับผู้ฟังให้เจอ จึงต้องรู้ก่อนว่าจะไปพูดกับใคร หากพูดติดขัดไม่ต้องตำหนิตัวเองจนทำให้เป็นจุดบกพร่องที่เห็นได้ชัดเกินไป และต้องมั่นใจว่าจะกลับมาตั้งต้นใหม่ในแบบของตัวเองได้ พร้อมสร้างจุดแข็งให้ตัวเองเมื่อมีโอกาสได้พูด โดยสรุป ทักษะการพูดคือเครื่องมือสำคัญที่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโอกาส ความเข้าใจ และการเติบโต ไม่ว่าจะในห้องเรียน บนเวที หรือในโลกการทำงาน การพูดอย่างมั่นใจและมีเป้าหมายจะช่วยให้เราสื่อสารตัวตนได้อย่างชัดเจน และยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกมิติ ดังนั้น อย่ามองการพูดเป็นข้อจำกัด แต่จงใช้มันเป็นพลังในการสร้างเส้นทางของตัวเองอย่างสง่างาม
สำหรับคุณครูและน้อง ๆ เยาวชนที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประกวดภายใต้โครงการ เท่อย่างไทย โดย ไฟ-ฟ้า ทีทีบี ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 53 มีการประกวดทั้งสิ้น 4 กิจกรรม คือ1. การประกวด มารยาทไทย เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติ โดยส่งเสริมการปลูกฝังให้เยาวชนได้ศึกษาและฝึกฝนมารยาทแบบไทยที่ถูกต้อง เท่ได้ถูกกาลเทศะ
2. การประกวด การพูดต่อหน้าสาธารณชน เพื่อสร้างความมั่นใจ และฝึกฝนความเป็นมืออาชีพ 3. การประกวด การอ่านฟังเสียง เพื่อฝึกฝนให้เยาวชนอ่านและออกเสียงได้ถูกต้องตามหลักการออกเสียงภาษาไทย และ4. การประกวด โครงงาน เท่ได้ ต้องไม่บูลลี่ เปิดโอกาสให้เยาวชนรวมพลังสร้างโครงงานจริงในโรงเรียน เพื่อรณรงค์ให้เกิดความเข้าใจ และลดพฤติกรรมการบูลลี่ โดยทางโครงการยังคงยืนหยัดในวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่นำมาใช้ได้จริง คุณครู ที่สนใจสามารถส่งน้อง ๆ เยาวชนเข้าร่วมประกวดได้ทุกกิจกรรม โดยในปีนี้ทางโครงการเปิดกว้างรับสมัครเยาวชนที่สนใจทุกคน ตั้งแต่วันนี้และขยายเวลาการรับสมัครถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ดูรายละเอียดและขั้นตอนการสมัครได้ที่ www.เท่อย่างไทย.comหรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 06 2070 0088, 06 2070 0099ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี มุ่งมั่นและตั้งใจเดินหน้าจุดประกายเยาวชนและชุมชน เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ติดตามกิจกรรมดี ๆ ต่อได้ที่ https://www.ttbfoundation.org
Go To Lead
|
SC ผนึก 5 สถาบันการเงิน เสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด หุ้นกู้อายุ 3 ปี และ 4 ปี ประกาศดอกเบี้ย 4.00% - 4.25%
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท เสนอขายในวันที่ 18 และวันที่ 21 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ บริษัทฯและหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ระดับ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต Stable หรือ คงที่ จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นระดับลงทุนได้ หรือ Investment Grade สะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงระดับบน และได้แต่งตั้ง 5 สถาบันการเงินชั้นนำของประเทศเข้ามาเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และเป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น
สำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 5 แห่ง ได้แก่
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 869 โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา (รวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน))ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 1428 กด#4
ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application - CIMB Thai ได้อีก 1 ช่องทาง) โทร. 02-626-7777บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-165-5555 (รวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน))บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004 คำเตือน: โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนตามรายละเอียดด้านล่าง
Go To Lead
|
ออมสิน คว้า 4 รางวัลใหญ่ Money & Banking Awards 2025
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รับ 4 รางวัลใหญ่ Money & Banking Awards 2025 ได้แก่ รางวัลธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยแห่งปี 2568 Best Retail Bank of the Year 2025 รางวัลธนาคารยอดเยี่ยมด้านสินเชื่อบุคคล รางวัลธนาคารยอดเยี่ยมด้านเงินฝาก และรางวัลธนาคารที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยมี นางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มยุทธศาสตร์และสื่อสารเพื่อความยั่งยืน นางสาวศิริพร เลิศสัตยสุกใส รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าบุคคล และนางสมจิตร์ ทองจุ้น ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานกิจการสาขา 1 เป็นผู้แทนรับรางวัล จาก ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ประธานในพิธีมอบรางวัลเกียรติยศ Money & Banking Awards 2025 จัดขึ้นโดยวารสารการเงินธนาคาร
รางวัลธนาคารยอดเยี่ยมด้านสินเชื่อบุคคล ธนาคารได้รับรางวัลเป็นครั้งแรก สะท้อนความสำเร็จการปล่อยสินเชื่อนวัตกรรมการเงินเพื่อสังคมที่ผ่อนเกณฑ์อนุมัติ/ดอกเบี้ยต่ำ มุ่งเน้นช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย/ฐานราก โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยมีประวัติเครดิต ไม่เคยกู้แบงก์ได้ หรือ มีเครดิตต่ำ ให้เข้าถึงสินเชื่อในสถาบันการเงิน จนเกิด Social Impact ที่ชัดเจน ขณะที่รางวัลธนาคารที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งเป็นรางวัลใหม่ของปีนี้ ตอกย้ำการดำเนินงานตามแนวทาง ESG ที่ครอบคลุมทุกด้าน โดยเฉพาะการดำเนินงานด้านสังคมที่เด่นชัด ตามจุดยืนการเป็นธนาคารเพื่อสังคม ส่วนด้านสิ่งแวดล้อม ธนาคารมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero อย่างจริงจัง โดยที่ผ่านมาถือเป็นแบงก์แรกที่ไม่ปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเกณฑ์ ESG Score พร้อมดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส เป็นธรรม ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี อีกทั้งยังยืนหนึ่งครองตำแหน่งติดต่อกันเป็นปีที่ 10 กับรางวัลธนาคารเพื่อลูกค้ารายย่อยแห่งปี 2568 Best Retail Bank of the Year 2025 และต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 กับรางวัลธนาคารยอดเยี่ยมด้านเงินฝาก ความสำเร็จทั้งหมดนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนภารกิจธนาคารเพื่อสังคม ที่สร้าง Social Impact เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อคนไทยกว่า 13 ล้านคน ผ่านภารกิจหลัก 4 ด้าน ได้แก่ การสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนในระบบสถาบันการเงิน การแก้ปัญหาหนี้สิน การพัฒนาสังคมและชุมชน และสนับสนุนนโยบายรัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีนายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานบรรณาธิการ วารสารการเงินธนาคาร ประธานจัดงาน Money & Banking Awards 2025
Go To Lead
|
[ENGLISH]
|