|
|
KResearch 'ชี้' เร่งแก้ขาดดุล 'คลัง'
KResearch 'เผย'สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือปรับมุมมองอันดับเครดิตของประเทศไทยจาก มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เป็น เชิงลบ (Negative Outlook) แม้คงอันดับเครดิต BBB+ สะท้อนความกังวลหลักต่อฐานะคลังไทยอ่อนแอลงต่อเนื่อ งหลังวิกฤตโควิด
นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในกลุ่มอันดับเดียวกัน (BBB+ หรือ Baa1) จะเห็นว่าฐานะการคลังของไทยอ่อนแอกว่า โดยเฉพาะหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว และการขาดดุลการคลังที่ยังสูงต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในกรณีเศรษฐกิจไทยเติบโตเพียง 2% ต่อปีในระยะข้างหน้า การขาดดุลการคลังอาจยังอยู่สูงกว่า -4.0% ของ GDP และหนี้สาธารณะมีแนวโน้มแตะกรอบเพดาน 70% ภายในปี 2570 ทั้งนี้ รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการคลังระยะปานกลาง ซึ่งน่าจะเห็นรายละเอียดแผนลดการขาดดุลการคลังที่ชัดเจนขึ้น
ดร.ลลิตา เธียรประสิทธิ์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า บทเรียนจากต่างประเทศชี้ให้เห็นว่า ประเทศที่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือได้ มักมีการดำเนินนโยบายลดขาดดุลอย่างเป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น อิตาลี ที่สามารถลดการขาดดุลจาก 8.0% เหลือต่ำกว่า 4.0% ของ GDP ภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ผ่านแผนเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ
ขณะที่ฝรั่งเศสซึ่งถูกปรับลดทั้งมุมมองและอันดับเครดิตจากการขาดดุลการคลังที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องเผชิญกับต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น รวมถึงอันดับความน่าเชื่อถือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลบางรายถูกปรับลดตาม อย่างไรก็ตาม การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไม่ได้หมายความว่าอันดับเครดิตของภาคเอกชนจะถูกปรับลดไปด้วย ขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินของแต่ละบริษัท
นางสาวปริชญา ฤทธิ์สุข นักวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า แนวทางลดขาดดุลการคลังของไทยอาจไปที่การเพิ่มรายได้ภาครัฐ เนื่องจากรายจ่ายส่วนใหญ่เป็นรายการที่ปรับลดได้ยาก ในระยะสั้น มาตรการเพิ่มรายได้แบบเฉพาะจุด (Piecemeal) อาจช่วยประคองสถานการณ์ได้บ้าง
แต่ในระยะปานกลางถึงยาว การปฏิรูปการคลังอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องพึ่งพาการพัฒนาฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพเพื่อออกแบบนโยบายสวัสดิการอย่างตรงเป้า ควบคู่กับการขยายฐานภาษีและการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ
Go To Lead
|
ttb reserve พาลูกค้าคนสำคัญอิ่มอร่อยมื้อพิเศษร้าน แสง ท่าเตียน
ttb reserve มอบประสบการณ์ความประทับใจให้ลูกค้าคนสำคัญอีกครั้งกับ Exclusive Dining Reservation ที่คัดเลือกร้านอาหารจองยาก และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมารังสรรค์เป็นมื้อพิเศษ โดยครั้งนี้สำรองโต๊ะอาหารมื้อพิเศษที่ร้าน แสง ท่าเตียน ร้านอาหารไทยสไตล์โฮมเมด ที่โดดเด่นด้วยบรรยากาศอบอุ่น และรสมือแม่ในทุกจาน
ยามเย็นสุดพิเศษนี้ นอกจากลูกค้า ttb reserve ได้สัมผัสความสวยงามของพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ณ ท่าเตียนแล้ว ยังได้ประสบการณ์รับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถันจากเชฟผู้ดูแลร้าน ที่ตั้งใจเลือกวัตถุดิบสดจากตลาดด้วยตนเองทุกวัน เพื่อถ่ายทอดลงในเมนูต่าง ๆ อย่างประณีต โดยเฉพาะเมนูไฮไลต์ และเมนูขึ้นชื่ออื่นอีกมากมาย ที่สะท้อนเสน่ห์ของอาหารไทยแบบเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง
บรรยากาศของงานเป็นกันเอง อบอวลไปด้วยความสุข เปรียบเสมือนการมาทานอาหาร บ้านเพื่อน ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์เฉพาะตัวของร้าน แสง ท่าเตียน ลูกค้าต่างประทับใจกับทั้งรสชาติและการดูแลเอาใจใส่ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดเตรียมโต๊ะ ไปจนถึงการเสิร์ฟจานอาหารที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวกิจกรรมครั้งนี้สะท้อนความตั้งใจของ ttb reserve ที่ต้องการคัดสรรประสบการณ์จากร้านอาหารจองยากให้กับลูกค้าคนสำคัญอย่างต่อเนื่อง ผ่านการนำเสนอร้านจองยาก หรือ Fine Dining ที่มีความโดดเด่น พร้อมสรรสร้างช่วงเวลาพิเศษที่น่าจดจำในแบบที่แตกต่างไม่เหมือนใคร มอบให้เฉพาะผู้ถือบัตรเครดิต ttb reserve infinite และ ttb reserve signature ที่มีสถานะ Gold หรือ Platinum หรือ Diamond เท่านั้น
Go To Lead
|
งานวิ่งประจำปี UOB Heartbeat Run ระดมทุนสูงสุด 5.3 ล้าน
นายริชาร์ด มาโลนี่ย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยว่า ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการมอบโอกาสที่เท่าเทียมให้กับเด็กไทย ทุกบาทของการระดมทุนคือพลังแห่งความเชื่อของผู้คนที่ต้องการเปิดประตูสู่อนาคต ปีนี้การสนับสนุนจะช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้พัฒนาทักษะสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตและสร้างอนาคตที่ดีกว่า เราขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมวิ่ง ร่วมบริจาค และร่วมทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นจริง
นางสาวกนกวรรณ โชว์ศรี ผู้อำนวยการโครงการร้อยพลังการศึกษา มูลนิธิยุวพัฒน์ กล่าวว่า ผลลัพธ์ของโครงการนี้สัมผัสได้จริงในห้องเรียน นักเรียนจำนวนมากในพื้นที่ห่างไกลแทบไม่มีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้ดิจิทัล ห้องเรียนรู้ดิจิทัล UOB My Digital Space เปิดโอกาสให้นักเรียนได้สำรวจ ทดลองและพัฒนาทักษะที่จะติดตัวไปยาวนานจนกระทั่งจบการศึกษา ความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จจากความร่วมแรงร่วมใจกัน
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 15 ปีของการจัดงานวิ่งประจำปี UOB Heartbeat Run ด้วยยอดเงินระดมทุนสูงสุด 5.3 ล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเงินทั้งหมดจะนำไปพัฒนาห้องเรียนรู้ดิจิทัล UOB My Digital Space (MDS) ให้กับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล เงินระดมทุนจะสามารถส่งมอบห้องเรียนรู้ดิจิทัล UOB My Digital Space (MDS) จำนวน 10 ห้องเรียน ครอบคลุมนักเรียน 5,700 คนในพื้นที่ห่างไกล ได้แก่ กาญจนบุรี สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น ชลบุรี พะเยา ลำปาง สิงห์บุรี อุดรธานี กระบี่ และสุพรรณบุรี โรงเรียนจำนวนมากยังมีอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ทำให้ห้องเรียนดิจิทัลนี้ เป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักเรียนในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ รวมถึงทักษะด้านการเงินผ่านสื่อดิจิทัล นับตั้งแต่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ดำเนินโครงการนี้ร่วมกับโครงการร้อยพลังการศึกษาในปี 2565 กิจกรรม UOB Heartbeat Run ได้มีส่วนช่วยระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการนี้รวมแล้วกว่า 17 ล้านบาท ซึ่งเป็นการมอบโอกาสครั้งสำคัญให้กับนักเรียนได้เรียนรู้ผ่านเครื่องมือดิจิทัลที่ทันสมัย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับคุณครูในการใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการสอน กิจกรรม UOB Heartbeat Run เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมอาสาเพื่อสังคมที่กลุ่มธนาคารยูโอบีจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำปีใน 18 ประเทศทั่วโลก โดยในปีนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 90 ปีของกลุ่มธนาคารยูโอบี ตอกย้ำความมุ่งมั่นของธนาคารในการสนับสนุนชุมชนและขยายโอกาสทางการศึกษา
Go To Lead
|
ธ.ก.ส. ส่งข้าวพร้อมทานตราอุ่นอิ่ม ช่วยประชาชนประสบอุทกภัยภาคใต้
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มอบหมายให้ ธ.ก.ส. นำข้าวพร้อมทานตราอุ่นอิ่ม จำนวน 10,000 ถ้วย สามารถรับประทานได้ทันที สะดวก สะอาด ปลอดภัย พกพาง่าย โดยไม่ต้องอุ่น และสามารถเก็บรักษาได้ในอุณหภูมิห้องนานถึง 18 เดือน ส่งมอบให้แก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ จังหวัดสงขลา จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัดตรัง จังหวัดสตูล จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น โดยข้าวพร้อมทานตราอุ่นอิ่ม มีถึง 7 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมมะลิ ข้าวหอมมะลิแดง ข้าวหอมนิล ข้าว กข 43 และข้าวกล้อง กข 43 ซึ่งผลิตโดยสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด จำกัด สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ จำกัด และสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครปฐม จำกัด ซึ่งถือเป็นหัวขบวนในการรวบรวมและรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรรายย่อยและนำมาแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สู่ข้าวพร้อมทานตราอุ่นอิ่ม โดยการผลิตข้าวพร้อมทานสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรเมื่อเทียบต่อต้นข้าวเปลือกสูงถึง 260,000 บาทต่อตัน อันเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มโอกาสและสร้างรายได้ให้เกษตรกรในระยะยาว
ธ.ก.ส. ขอเชิญชวนประชาชนผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อ ข้าวพร้อมทาน ตราอุ่นอิ่ม จาก สกต. ร้อยเอ็ด สกต.สุรินทร์ และสกต. นครปฐม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมถึงส่งขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือต่อไป โดยสามารถติดต่อได้ที่ สกต.ร้อยเอ็ด จำกัด โทร. 088 338 2572 สกต.สุรินทร์ โทร 081 955 6719 และ สกต. นครปฐม โทร. 089 456 2117 โดย ธ.ก.ส. พร้อมอยู่เคียงข้างเพื่อก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน สอบถามรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือของ ธ.ก.ส. ได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง
Go To Lead
|
SMEs Export Studio Fair 2025
ติดปีกผู้ประกอบการไทยสร้างแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก
นายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า งานแฟร์ครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสะท้อนความสำเร็จของผู้ประกอบการที่ผ่านการบ่มเพาะในโครงการ SMEs Export Studio ระหว่างปี 2566-2568 รวมถึงการนำเสนอผลงานของผู้ประกอบการรุ่นใหม่จากหลักสูตร EXIM 2X รุ่นที่ 1 ปี 2568 ซึ่งได้รับการพัฒนาความรู้ด้านการส่งออกแบบครบวงจร ทั้งการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การสร้างเอกลักษณ์แบรนด์ การวางกลยุทธ์รุกตลาดต่างประเทศ และการยกระดับมาตรฐานสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดโลก หลักสูตรนี้เป็นเวทีสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยได้ทดลองตลาดจริง ประเมินศักยภาพและความต้องการของผู้บริโภคก่อนขยายสู่เวทีโลก
นายชลัช กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการได้ทดสอบตลาดจริง (Market Testing) ก่อนเดินหน้าสู่การส่งออกเต็มรูปแบบ โดย EXIM BANK ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจากทั้งภาครัฐและเอกชนสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้แข่งขันในตลาดโลกได้อย่างแข็งแกร่ง ผ่านโมเดลพัฒนา 2D-2S ได้แก่ Design & Packaging, Digital Transformation, Standards & Sustainability และ Strategic Partnerships พร้อมบ่มเพาะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ผ่านหลักสูตร EXIM 2X เพื่อเสริมกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออกไทยในอนาคต
EXIM BANK เดินหน้าบทบาท Export Co-pilot ทำหน้าที่เป็นคู่คิดทางธุรกิจ ให้การสนับสนุนผู้ส่งออกแบบครบวงจร รวมถึงขยายบทบาทเชิงรุกในการเชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยกับผู้ซื้อ (Buyers) ในตลาดที่มีศักยภาพ เพื่อช่วยลดผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์โลก โดยทำงานร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ความรู้ คำปรึกษา และแนวทางเตรียมความพร้อมก่อนบุกตลาดต่างประเทศ ครอบคลุมด้านการตลาด การบริหารความเสี่ยง และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ และกรมธรรม์ประกันความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินจากคู่ค้าต่างประเทศ วงเงินคุ้มครองสูงสุด 300,000 บาท การขับเคลื่อนทั้งหมดนี้สอดคล้องกับนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล มุ่งยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการไทย ขยายโอกาสทางการค้า และผลักดันสินค้าไทยสู่เวทีโลกอย่างเป็นรูปธรรม
Go To Lead
|
ออมสิน ลุยช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่ มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เบื้องต้น
สนับสนุนโรงครัว ร่วม 2.4 ลบ.พร้อมเตรียมออกมาตรการเยียวยา/ช่วยเหลือฟื้นฟู
ธนาคารออมสิน ลงพื้นที่เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยรุนแรงในหลายจังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง และสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะที่จังหวัดสงขลา อำเภอหาดใหญ่ ที่กำลังเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมสูงแผ่ขยายเป็นวงกว้างอยู่ขณะนี้ โดยธนาคารได้จัดสรรงบประมาณเพื่อส่งมอบความช่วยเหลือเบื้องต้น มูลค่ารวม 2.4 ล้านบาท ประกอบด้วย ถุงห่วงใยจากใจออมสิน บรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น จำนวน 4,500 ชุด และสนับสนุนวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารแก่ผู้ประสบภัยที่ศูนย์พักพิง ณ เทศบาลเมืองควนลัง เทศบาลเมืองคลองแห และเทศบาลเมืองคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งประสบปัญหาวิกฤตน้ำท่วมสูง ไฟฟ้าดับ และปริมาณอาหารไม่เพียงพอที่จะแจกจ่ายให้กับประชาชน ทั้งนี้ การส่งมอบความช่วยเหลือรอบแรกเริ่มที่เทศบาลเมืองควนลัง โดยมีนางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะกรรมการธนาคารออมสิน และนางพรอุทัย สมพงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานกิจการสาขา 6 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ พร้อมผู้บริหารและพนักงาน ร่วมเป็นผู้แทนส่งมอบ และนายสมบูรณ์ ปัญญาธนกร นายกเทศมนตรีเมืองควนลัง และนายเธียรเมฆ ทัลวัลลิ์ ปลัดเทศบาลเมืองควนลัง เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำส่งความช่วยเหลือต่อเนื่องไปยัง 2 เทศบาลต่อไป
ธนาคารยังคงเดินหน้าขยายความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการช่วยเหลือลูกค้าประชาชนในระยะถัดไป เพื่อให้ครอบคลุมตั้งแต่การบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า การประคับประคองทางการเงิน ไปจนถึงการฟื้นฟูในระยะยาว สามารถช่วยให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ ตามจุดยืนของการเป็นธนาคารเพื่อสังคมที่พร้อมเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์
Go To Lead
|
SME D Bank ออกมาตรการด่วน'ช่วย'เอสเอ็มอีภาคใต้ประสบอุทกภัย
ให้สิทธิ์พักชำระหนี้และเติมทุนฉุกเฉิน ช่วยลดภาระ ฟื้นฟูธุรกิจ
นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อำเภอหาดใหญ่ และหลายพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่อย่างมาก ทั้งทางตรงและทางอ้อม SME D Bank มีความห่วงใยลูกค้าและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างยิ่ง จึงออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ตามรายงานกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แก่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี จ.กระบี่ จ.นครศรีธรรมราช จ.ตรัง จ.พัทลุง จ.สตูล จ.สงขลา จ.ปัตตานี จ.นราธิวาส และ จ.ยะลา รวมถึง จังหวัดอื่นๆ ตามที่จะได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในอนาคต ให้ลดภาระค่าใช้จ่าย และสามารถกลับมาเดินหน้าธุรกิจได้ในเร็ววัน ได้แก่
มาตรการ พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับกลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term Loan) สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน สัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน และสามารถพักชำระดอกเบี้ยได้
มาตรการ เติมทุนฉุกเฉิน เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ สำหรับลูกค้าเดิมได้รับผลกระทบทางตรง ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อให้มีวงเงินกู้ฉุกเฉิน นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท ถึงสูงสุด 200,000 บาท (บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท) อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน
อีกทั้ง ธนาคารยังมีสินเชื่อช่วยเติมทุนเพิ่มเติม สำหรับเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ยกระดับธุรกิจ ภายหลังสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลาย อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ได้แก่ 1.สินเชื่อ SME Green Productivity 2.สินเชื่อ ปลุกพลัง SME และ 3.สินเชื่อ Beyond ติดปีก SME
นอกจากนั้น ธนาคารยังดำเนินกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือเบื้องต้น ด้วยการจัดเตรียมและส่งมอบ ถุงน้ำใจ จำนวน 300 ถุง ที่บรรจุข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน นำไปมอบเป็นกำลังใจ และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทางภาคใต้ ณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2568 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนครั้งนี้เป็นทางเลือกโดยสมัครใจ ผู้ประกอบการที่ต้องการรับบริการ แจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น สาขา SME D Bank ทุกแห่งทั่วประเทศ , LINE Official Account : SME Development Bank , เว็บไซต์ www.smebank.co.th เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357
Go To Lead
|
กรุงศรี ออกมาตรการ'ช่วย' ลูกค้าได้รับผลกระทบอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) ห่วงใยลูกค้าและผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ และพร้อมเคียงข้างให้ความช่วยเหลือผ่านมาตรการเร่งด่วน ซึ่งครอบคลุมทั้งลูกค้าบุคคล และลูกค้าธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบ รายละเอียดมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ประกอบด้วย
ลูกค้าสินเชื่อบุคคล สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อ SME รายย่อย ประกอบด้วย
ลดค่างวด ครอบคลุมดอกเบี้ยจ่ายในแต่ละเดือน สูงสุดระยะเวลา 6 เดือน หรือ
พักชำระเงินต้น (ชำระเพียงดอกเบี้ย) สูงสุดระยะเวลา 3 เดือน
แจ้งความประสงค์ขอรับมาตรการช่วยเหลือได้ที่สาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั่วประเทศ หรือ Krungsri Call Center 1572 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ธันวาคม 2568 โดยเงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด
ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจ SME ประกอบด้วย ลดค่างวด ครอบคลุมดอกเบี้ยจ่ายในแต่ละเดือน สูงสุดระยะเวลา 6 เดือน หรือ
พักชำระเงินต้น (ชำระเพียงดอกเบี้ย) สูงสุดระยะเวลา 6 เดือน
แจ้งความประสงค์ขอรับมาตรการช่วยเหลือได้ที่ผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ (Relationship Manager) หรือ สอบถามโทร. 02-296-6262 หรือ 02-626-2626 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ธันวาคม 2568 ลูกค้าสินเชื่อกรุงศรี ออโต้ พักชำระค่างวด เป็นระยะเวลา 3 เดือน
แจ้งความประสงค์ขอรับมาตรการช่วยเหลือ สอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติม ได้ที่ กรุงศรี ออโต้ โทร. 02-740-7400 กด 3 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2568 ลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ มีรายละเอียดดังนี้ มาตรการที่ 1: พักชำระหนี้ นานสูงสุด 2 รอบบัญชี สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยพักชำระหนี้สูงสุดไม่เกิน 2 รอบบัญชี ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2568 ถึง มกราคม 2569 โดยระหว่างเข้าร่วมมาตรการพักชำระดังกล่าว ดอกเบี้ยยังคงคำนวณตามอัตราปกติแบบลดต้นลดดอก
ลูกค้าซึ่งประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือจากโครงการดังกล่าว สามารถติดต่อมายังบริษัทฯ เพื่อลงทะเบียนแจ้งความจำนงภายใน 31 มกราคม 2569 ผ่านทางศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิตและสินเชื่อในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ (ทุกวัน ตลอด 24 ชม.) หรือ Helpline : 02-714-5155 (ในเวลาทำการ จันทร์ถึงศุกร์ 8.30 17.30 น.) และจะได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณี (การพิจารณาเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของบริษัท)
มาตรการที่ 2: ปรับลดยอดผ่อนชำระรายเดือน ด้วยการขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระ (ปรับปรุงโครงสร้างหนี้) (ทั้งนี้ ไม่รวมลูกค้าที่ได้รับการช่วยเหลือในมาตรการอื่นสูงสุดอยู่แล้ว) โดยลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมมาตรการ สามารถติดต่อมายังบริษัทฯ เพื่อลงทะเบียนแจ้งความจำนง ผ่านทางศูนย์บริการสมาชิกบัตรฯ (ทุกวัน ตลอด 24 ชม.) หรือ Helpline: 02-714-5155 (ในเวลาทำการ จันทร์ถึงศุกร์ 8.30 17.30 น.) และจะได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณี (การพิจารณาเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของบริษัท)
ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามได้จากเว็บไซต์ www.krungsriconsumer.com หรือ
ติดต่อศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิตและสินเชื่อในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิต กรุงศรี 02-646-3555
ศูนย์บริการสมาชิกบัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ 02-345-6789
ศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน 02-627-8111
ศูนย์บริการสมาชิกบัตรเครดิตโลตัส 1712
สำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันรถยนต์และประกันทรัพย์สินผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารได้มีบริการพิเศษ จาก บมจ. อลิอันซ์อยุธยา ประกันภัย สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโดยเฉพาะ โดยสามารถดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์ที่เข้าร่วมมาตรการและบริการได้เว็บไซต์ของธนาคาร หรือติดต่อ 1292 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ดูรายละเอียดมาตการช่วยเหลือเพิ่มเติม www.krungsri.com
Go To Lead
|
[ENGLISH]
|