Education/Health
Hot News: นักเรียนต่างชาติเรียนต่อนิวซีแลนด์ 8 เดือนพุ่ง 43%
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
นักเรียนต่างชาติเรียนต่อนิวซีแลนด์ 8 เดือนพุ่ง 43%
นางเพนนี ซิมมอนด์ส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาและทักษะของนิวซีแลนด์ เปิดเผยข้อมูลจำนวนนักเรียนต่างชาติที่ลงทะเบียนศึกษาต่อกับสถาบันการศึกษาที่ประเทศนิวซีแลนด์ในช่วง 8 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม 2023 พบว่ามีนักศึกษาต่างชาติจำนวนทั้งสิ้น 59,306 ราย ซึ่งคิดเป็นอัตราเพิ่มสูงขึ้นถึง 43% เมื่อเทียบกับตัวเลขของปี 2022 ในจำนวนนี้พบว่า นักศึกษาจากประเทศจีนลงทะเบียนศึกษาต่อมากเป็นอันดับ 1 เป็นจำนวน 36% รองลงมาคืออินเดีย 10% ญี่ปุ่น 10% เกาหลีใต้ 5% และไทย 4% ซึ่งจำนวนนักเรียนและนักศึกษาจากประเทศไทยติดอันดับอยู่ใน 5 อันดับแรก เติบโตจากก่อนมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ไทยจัดอยู่ในอันดับ 7
“จำนวนนักเรียนต่างชาติที่ลงทะเบียนศึกษาต่อในนิวซีแลนด์มากกว่า 59,000 ราย ในเวลาเพียง 8 เดือน เป็นการยืนยันว่านักศึกษาต่างชาติยังคงมองว่านิวซีแลนด์เป็นประเทศจุดหมายปลายทางและเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาที่น่าดึงดูด จำนวนนักศึกษาต่างชาติที่ลงทะเบียนศึกษาต่อในนิวซีแลนด์เมื่อเปรียบเทียบระหว่างปี 2023 กับปี 2022 พบว่ามีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเกือบทุกภาคส่วน โดยเฉพาะโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 347% จาก 1,565 ราย เป็น 7,001 ราย รองลงมาคือในระดับโรงเรียนมีรายงานว่าเพิ่มขึ้น 114% จาก 5,925 ราย เป็น 12,662 ราย สถาบันเทคโนโลยีและโพลีเทคนิคเพิ่มขึ้น 32% จาก 4,955 ราย เป็น 6,560 ราย ส่วนระดับมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้น 15% จาก 24,040 ราย เป็น 27,535 ราย และสถานประกอบการฝึกอบรมเอกชน เพิ่มขึ้น 13% จาก 5,000 ราย เป็น 5,671ราย
นางสาวช่อทิพย์ ประมูลผล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์ หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ (Education New Zealand; ENZ) สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2023 จำนวนผู้ถือวีซ่านักเรียนจากประเทศไทยเติบโตขึ้นกว่า 150% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2022 ภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีนักเรียนต่างชาติไปเรียนต่อนิวซีแลนด์เพิ่มสูงขึ้นทุกปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงนักเรียนไทยที่ลงทะเบียนเรียน ภาษาอังกฤษ รวมถึงศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาและระดับมหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์

Go To Lead


มทร.ธัญบุรี เดินหน้าลดคาร์บอน
นายเรวัต ซ่อมสุข ผู้อำนวยการกองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี กล่าวว่า จากการที่ มทร.ธัญบุรีประกาศขับเคลื่อนนโยบายCarbon Neutrality หรือความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยตั้งเป้าหมายให้ปริมาณการปล่อยคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับปริมาณคาร์บอนที่ถูกดูดซับกลับคืนมา โดยในปี 2035 มทร.ธัญบุรีจะเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่จะช่วยแก้วิกฤตสภาพภูมิอากาศของโลกได้ จึงเป็นที่มาของนโยบาย Green Campus ทำให้ มทร.ธัญบุรีมีโครงการที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้น คือการลงนามความร่วมมือกับบริษัท พาวเวอร์ เน็คซ์ จำกัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญโครงข่ายการจัดการพลังอัจฉริยะ ดำเนินการโครงการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และระบบโครงข่ายสถานีชาร์จแบบสลับแบตเตอร์รี่จากตู้คีออส โดยโครงการจะเริ่มปลายเดือนมีนาคมนี้ คาดหวังว่าจะเกิดการลดใช้พลังงานน้ำมัน ลดฝุ่นละออง ลดมลภาวะทางเสียง รวมถึงเป็นการลดภาระด้านค่าใช้จ่าย เนื่องจากพลังงานไฟฟ้ามีราคาที่ประหยัดกว่าน้ำมัน และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษาอีกด้วย
สำหรับรูปแบบของโครงการดังกล่าว จะแบ่งการให้บริการออกเป็น 2 ลักษณะ คือโครงการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และระบบโครงข่ายสถานีชาร์จแบบสลับแบตเตอร์รี่จากตู้คีออส มทร.ธัญบุรีมีเป้าหมายที่จะพยายามลดจำนวนจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันให้มากที่สุด โดยปัจจุบันจากการสำรวจพบว่า ในมหาวิทยาลัยมีจักรยานยนต์เข้ามาจอดประมาณ 800 คันต่อวัน แต่เข้า-ออกภายในมหาวิทยาลัยไม่ต่ำกว่า 3,000 เที่ยวต่อวัน ทั้งนี้มุ่งหวังว่าบุคลากรและนักศึกษาจะหันมาใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 20%ทุกปี ซึ่งการผลักดันให้เกิดการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้า มหาวิทยาลัยได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านการให้บริการเช่นกัน โดยจะให้มีศูนย์บริการ ซ่อม บำรุง เปลี่ยนอะไหล่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย นอกจากนี้ในส่วนของระบบโครงข่ายสถานีชาร์จแบบสลับแบตเตอร์รี่จากตู้คีออส 2 จุด แต่ละจุดจะมีแบตเตอรี่เซลล์ 15 ลูก อยู่บริเวณลานจอดรถสำนักงานอธิการบดี และบริเวณอาคารเรียน 13 ชั้นประตู 4 ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้ในระยะเริ่มแรกของโครงการ

Go To Lead


เมดพาร์ค ติดอันดับโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในไทย 3 ปีซ้อน
โรงพยาบาลเมดพาร์ค ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Newsweek ให้เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2024 จากการสำรวจจัดอันดับโรงพยาบาลกว่า 2,400 แห่ง ใน 30 ประเทศทั่วโลก โดยเป็นการติดอันดับอย่างต่อเนื่องถึง 3 ปีซ้อน เริ่มจากอันดับที่ 10 ในปี 2022 เขยิบขึ้นมาเป็นอันดับที่ 9 ในปี 2023 และก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นอันดับที่ 6 ด้วยคะแนน 76.54% ในปี 2024 ยืนยันถึงความทุ่มเทของโรงพยาบาล ในการส่งมอบบริการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในแง่ของการรักษา การบริการ และการดูแลผู้ป่วย
Newsweek นิตยสารข่าวชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้นำในการจัดอันดับโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลก ยังคงร่วมมือกับบริษัท Statista Inc. บริษัทระดับโลกด้านการสำรวจวิจัยข้อมูลและรวบรวมสถิติ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์จากประเทศเยอรมัน ในการพัฒนาและออกแบบวิธีการประเมินเพื่อให้การจัดอันดับนั้นมีคุณภาพ โดยใช้เกณฑ์สำคัญ 2 หัวข้อสำหรับการประเมินจัดอันดับ 30 โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศไทย
การประเมินความเห็นจากผู้ชำนาญการทางการแพทย์ ที่ทำงานในโรงพยาบาล ผ่านแบบสำรวจออนไลน์ ที่ถูกส่งไปยังบุคลากรทางการแพทย์กว่า 85,000 คน ทั่วโลก ประเมินด้วยตัวชี้วัดต่างๆ เช่นผลการรักษา อัตราผู้ป่วยต่อแพทย์ สภาพแวดล้อมและความสะอาด
การประเมินประสบการณ์ และความพึงพอใจของผู้ป่วยในการเข้ารับการรักษา จากผลคะแนนของผู้เข้ารับบริการบน Google Reviews โรงพยาบาลเมดพาร์ค เป็นโรงพยาบาลเปิดใหม่ ที่สามารถก้าวไปยืนอยู่บนทำเนียบโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศได้ตั้งแต่ครบปีแรกของการดำเนินการ และในปัจจุบันก็ยังคงยืนอยู่ในแถวหน้าของการเป็นผู้บริการทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่สะท้อนถึงความตั้งใจจริงของโรงพยาบาลเมดพาร์ค ที่ยังคงยึดมั่นเป้าหมาย และวิสัยทัศน์ดั้งเดิมที่มีตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้งโรงพยาบาล นั่นคือการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบริการทางการแพทย์มาตรฐานสากล สำหรับโรคยากและซับซ้อนแห่งภูมิภาคเอเชียอาคเนย์

Go To Lead


SLC Clinic เปิดตัวนวัตกรรมความงามสุดล้ำ
แพทย์หญิงพิมพิดา วรัญญูรัตนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SLC Group สถาบันเสริมความงามครบวงจร กล่าวว่า SLC Clinic ได้จัดงาน SLC GRAND LAUNCHING VOLNEWMER กับการเปิดตัวเป็นเจ้าแรกของการนำ Volnewmer เครื่องมือทางการแพทย์ความงามนวัตกรรมความงามสุดล้ำมาใช้ ซึ่งมีประสิทธิภาพด้านการยกระดับและฟื้นฟูสภาพผิวด้วยความถี่ขั้นสูงสุดในกลุ่มเครื่องมือแพทย์
SLC คลินิกเป็นเจ้าแรกที่นำเทรนด์ ใช้เครื่อง Volnewmer เป็นเครื่องมือแพทย์ความงามที่มีประสิทธิภาพด้านการยกกระชับผิว ช่วยฟื้นฟูสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหน้าผ่านความร้อนจากคลื่นวิทยุความถี่สูง Volnewmer มีประสิทธิภาพในการเพิ่มปริมาตรชั้นผิว แน่นกระชับ และฟื้นฟู ผิวหน้า ให้ดูอ่อนเยาว์ มอบการเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากขึ้น และเป็นการรักษาที่ตรงจุด ผสานหลายการรักษาในครั้งเดียว จะมีระบบสั่นที่ช่วยกระจายเพื่อลดความเจ็บ และสร้างระบบ Water-Cooling ให้ความเย็นแบบต่อเนื่องโดยตรงบนผิวชั้นบนเพื่อป้องกันผิวไหม้ระหว่างการให้พลังงาน RF และช่วยเพิ่มความต้านทานผิวเพื่อให้ได้ผลรับสูงสุดในการรักษา เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่นหนุ่มสาวก็สามารถใช้บริการได้เช่นกัน”
นายซึง ฮัน เบค Chief Executive Officer Classys Inc ผู้ผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ตัวใหม่ล่าสุดจากประเทศเกาหลี เปิดเผยว่า “Volnewmer นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในประเทศเกาหลีและ APAC ในปี 2024 ตอบโจทย์ และแก้ไขปัญหา การ ยกกระชับหน้าปรับเปลี่ยนรูปหน้า จากนวัตกรรมเดิมๆ จนเป็นที่ประทับใจ ในทุกเพศทุกวัย ทั้งผิวหน้าและผิวกาย มาพร้อมกับหัวทิปดีไซน์โดดเด่นแบบพื้นผิวโค้งและซ่อนขอบเพื่อลดผลข้างเคียง ทำให้ Volnewmer เป็นเทคโนโลยี RF ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการยกกระชับและฟื้นฟูสภาพผิวด้วยเทคโนโลยีคลื่นวิทยุขั้นสูง ด้วยความถี่ระบบ 6.78 MHz ซึ่งเป็น ความถี่สูงสุดในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ จึงมี ความเสถียรและปลอดภัยมากที่สุด

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com