Education/Health
Hot News: 'ลา โรช-โพเซย์' เคียงข้างผู้ป่วยมะเร็ง
http://www.tviclick.com
Home Page iClick News.com
Home
Print this webpage
Print
English Version
English
'ลา โรช-โพเซย์'
เคียงข้างผู้ป่วยมะเร็ง
มาแตง ฟอเร่ต์ ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์ ลา โรช-โพเซย์ กล่าวว่า ลา โรช-โพเซย์ ได้ร่วมมือกับมูลนิธิเครือข่ายมะเร็งจัดงาน “ลา โรช-โพเซย์ เคียงข้างผู้ป่วยมะเร็ง” (Cancer Support by La Roche-Posay) ตั้งแต่ปี 2567 โครงการนี้ดำเนินงานสอดคล้องกับพันธกิจของลา โรช-โพเซย์ ในการร่วมมือกับแพทย์ผิวหนังเพื่อสนับสนุนผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคผิวหนังทุกประเภท รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากผลข้างเคียงทางผิวหนังจากการรักษามะเร็ง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากกว่า 80% ของผู้ป่วยมะเร็งประสบกับอาการที่เกิดจากผลข้างเคียงของการรักษามะเร็ง ซึ่งนำไปสู่การที่ 50% ของผู้ป่วยต้องลดระดับการรักษาลง ด้วยเหตุนี้ ลา โรช-โพเซย์ ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายมะเร็งแห่งประเทศไทย จึงได้เปิดตัวโครงการสนับสนุนผู้ป่วย โดยจัดเวิร์คช็อปเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและให้ความรู้ที่ดีขึ้นแก่ผู้ป่วยมะเร็งและผู้ดูแล นอกจากนี้ ลา โรช-โพเซย์ ยังได้บริจาคบาล์มบำรุงผิว Lipikar Baume AP+M ให้กับมูลนิธิเครือข่ายมะเร็งและโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อบรรเทาผิวของผู้ป่วยในระหว่างและหลังการรักษา ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ส่งเสริมสุขภาพผิวสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับผลกระทบจากการรักษา และให้กำลังใจ รวมถึงสนับสนุนผู้ป่วยและครอบครัวให้สามารถรับมือกับช่วงเวลาที่ยากลำบากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เราจะสานต่อความร่วมมือกับมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง (TCS) ด้วยการบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนโครงการภาคสนามระยะยาวมากยิ่งขึ้น อาทิ การจัดเวิร์คช็อปให้ความรู้แก่ผู้ป่วยมะเร็งและผู้ดูแล หรือการชดเชยค่าปรึกษาแพทย์ผิวหนังสำหรับผู้ที่ผิวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการรักษา โดยจะมีผู้ป่วยกว่า 1,100 รายที่จะได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ เรายังมอบผลิตภัณฑ์บาล์มบำรุงผิว Lipikar Baume AP+M มากกว่า 5,800 ขวดในปี 2568 และตั้งเป้าหมายไว้ที่ 7,000 ขวดในปี 2569 เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยทั้งในระหว่างและหลังการรักษา”
นอกจากนี้เพื่อสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็งอย่างต่อเนื่อง ลา โรช-โพเซย์ ได้เปิดตัวเว็บไซต์ www.cancer-support.com/th ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่รวบรวมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม รวมถึงมีการอบรมออนไลน์เพื่อช่วยผู้ป่วยและผู้ดูแลให้สามารถดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้น โดยทุกครั้งที่มีการอบรม ลา โรช-โพเซย์ จะบริจาคเงิน 1 ยูโร ให้กับ Union for International Cancer Control (UICC) เพื่อสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ในการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง

Go To Lead


'Dr.TATTOF'
เดินหน้าผู้นำด้านการลบรอยสัก และรักษาปัญหาผิว
นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ ประธานบริษัท Dr.TATTOF กล่าวว่า ในอุตสาหกรรมความงามที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่ การมีเทคโนโลยีที่ดี แต่ต้องอาศัยกลยุทธ์ที่ลึกซึ้งและรอบด้าน ดังเช่นที่ Dr.TATTOF คลินิกผู้นำด้านการลบรอยสัก และรักษาปัญหาผิวด้วยนวัตกรรมเลเซอร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความสำเร็จของพวกเขามาจากกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงกันอย่างลงตัวในแนวคิด “TRI-Strategies” ซึ่งประกอบด้วย Technology, Result, และ Integrity ที่ทำให้แบรนด์สามารถยกระดับมาตรฐาน และก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้าได้อย่างแท้จริง
“เราเชื่อว่า การลงทุนในเทคโนโลยีที่ดีที่สุด คือ รากฐานของความสำเร็จ” นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ Dr.TATTOF เลือกใช้โปรแกรม PicoWay Laser เทคโนโลยีเลเซอร์ระดับโลกด้วยพลังงาน Picosecond (1 ในล้านล้านวินาที) ทำให้สามารถยิงพลังงานลงลึก เพื่อทำลายเม็ดสีได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยไม่ทิ้งความร้อนสะสมบริเวณผิวรอบข้าง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็นได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากประสิทธิภาพในการลบรอยสักทุกเฉดสีแล้ว โปรแกรม PicoWay Laser ยังครอบคลุมการรักษาปัญหาผิวอื่น ๆ ทั้งแผลเป็น รอยแตกลาย หลุมสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และช่วยฟื้นฟูผิว ทำให้ Dr.TATTOF เป็นศูนย์การรักษาที่ครบวงจรและเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกรายแรก ๆ ที่นำเข้าเทคโนโลยีนี้มาสู่ ประเทศไทย" นพ.นัทธพงศ์ กล่าว
พงศยา ตราชูนิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ Dr.TATTOF ชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์สุดท้ายที่เชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าไว้ด้วยกัน “เราไม่ต้องการเป็นเพียงผู้ให้บริการ แต่เราต้องการเป็น ‘ที่ปรึกษา’ ที่ลูกค้าไว้วางใจ” ด้วยหลักการ Integrity ที่แข็งแกร่ง Dr.TATTOF จึงให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลผู้รับบริการอย่างจริงใจภายใต้แนวคิด “The Solutions: Commitment” ซึ่งหมายถึงการดูแลรักษาให้ดีที่สุด เพื่อให้ผู้รับบริการพึงพอใจสูงสุด การสื่อสารที่ถูกต้องและตรงไปตรงมา ทำให้ผู้รับบริการเข้าใจและสบายใจ ความซื่อสัตย์นี้เองที่สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวระหว่าง Dr.TATTOF และผู้รับบริการ ทำให้ผู้รับบริการกลายเป็นผู้บอกต่อในที่สุด เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความน่าเชื่อถือที่แท้จริง คือรากฐานสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน

Go To Lead


“มจธ." ยกระดับวิศวกรรมเคมีสู่สากล
รศ.ดร. ทวิช พูลเงิน คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ. กล่าวว่า ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้รับการรับรองหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมเคมี ในระดับปริญญาตรีจาก Accreditation Board for Engineering and Technology (ABET) ซึ่งเป็นองค์กรรับรองมาตรฐานการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ความสำเร็จนี้ถือเป็นการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนด้านวิศวกรรมเคมีของประเทศไทยสู่มาตรฐานสากลอย่างแท้จริง การรับรองจาก ABET ถือเป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพที่ทั่วโลกให้การยอมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศ
การที่หลักสูตรของภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจธ. ได้รับการรับรองนี้ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของหลักสูตรที่ทันสมัย ระบบการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพและมีความพร้อมของคณาจารย์และบุคลากร รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่สามารถผลิตบัณฑิตที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในระดับสากลที่สำคัญคือ จะเพิ่มโอกาสในการศึกษาต่อของบัณฑิตที่จบจากหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจาก ABET ในการศึกษาต่อในสถาบันชั้นนำในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา สร้างความได้เปรียบในตลาดแรงงานนายจ้างทั้งในและต่างประเทศให้มีความมั่นใจในคุณภาพของบัณฑิต ทำให้พวกเขามีความสามารถในการแข่งขันสูง และสามารถทำงานในบริษัทข้ามชาติได้อย่างมั่นใจในคุณภาพการศึกษา หลักสูตรได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ทำให้มั่นใจได้ว่าความรู้และทักษะที่ได้รับเป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดของวงการวิศวกรรมเคมี
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เป็นสถาบันชั้นนำด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่มุ่งมั่นพัฒนาหลักสูตรให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล เพื่อเปิดประตูสู่อนาคตที่สดใสให้นักศึกษาทุกคนที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรนี้ ให้ได้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมชั้นนำ ได้รับผลตอบแทนที่สูง และมีโอกาสก้าวไปทำงานในเวทีระดับนานาชาติทั่วโลก โดยหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมเคมี ในระดับปริญญาตรีรับรองถึงวันที่ 30 กันยายน 2574.

Go To Lead


สกพอ. ยกระดับระบบ
บริการสุขภาพประชาชน ในพื้นที่อีอีซี
ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ. ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการบูรณาการความร่วมมือด้านสุขภาพในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ร่วมกับ ดร.นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 และนายกรัณย์ เตชะเสน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการธุรกิจเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) ณ ห้องประชุมคอนเฟอเรนส์สำนักงาน สกพอ.
ทั้งนี้ ภายใต้ MOU ดังกล่าว ถือเป็นความร่วมมือสำคัญที่แต่ละหน่วยงาน มีเป้าหมายเพื่อยกระดับระบบบริการด้านสุขภาพในพื้นที่อีอีซี ให้มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมทุกมิติของการดูแลสุขภาพประชาชน รองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและจำนวนประชากรในพื้นที่ครอบคลุมจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ผ่านการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขอัจฉริยะ (Smart Public Health) และการสนับสนุนงานวิจัยและฐานข้อมูลด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนการลงทุน พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไปพร้อมกัน โดยความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยอาศัยการบูรณาการทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างระบบสุขภาพที่ยั่งยืน และตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ

Go To Lead


[ENGLISH] 
  --  
iClickNews.com